The Equalizer 3 (2023)
มัจจุราชไร้เงา 3
คะแนน
โกดังหนัง
จัดหนักจัดเต็มฉากแอ็คชั่นที่โหดดุเดือดเลือดพล่าน คิวบู๊ซีนฆ่าคือที่สุดของนักฆ่าโฮมโปรภาคนี้ บทหนังอาจไม่มีความแปลกใหม่ โชคดีที่ซีนดราม่าอารมณ์ของ Denzel ช่วยอุดรอยรั่วจของหนังไปได้
คำคมจากภาพยนตร์
"Nine seconds. That's what I'll give you to decide your fate. Nine seconds."
"9 วินาที นั่นคือสิ่งที่ผมจะให้คุณตัดสินชะตากรรมของคุณ 9 วินาที"
เรื่องย่อ
Robert Mccall อดีตนักฆ่ามือสังหารชาวอเมริกัน อยากจะเกษียณตัวเอง ปลีกตัวออกจากบ้านเกิดและได้พบชีวิตที่แสนสงบในอิตาลี แต่แล้วเขาได้พบกับแก๊งค์อิทธิพลเถื่อนที่ข่มเหงรังแกผู้คนในเมือง มันทำให้เขาตัดสินใจไล่ล่ามาเฟียกลุ่มนี้ให้สิ้นซาก
หนังเรื่องนี้เหมาะกับใคร
สำหรับ The Equalizer 3 กลายเป็นหนังแอ็คชั่นที่แฟนหนังที่ชอบงานนักฆ่าล้างแค้นควรค่าแก่การดู โทนเรื่องแตกต่างจาก John Wick ภาพของหนังอาจจะเน้นดราม่าเน้นขับเคลื่อนอารมณ์หนังผ่านตัวละครนักฆ่าโฮมโปรที่อยากจะปล่อยวางอยากใช้ชีวิตอย่างสงบ เพราะสังหารคนมาเยอะ แต่สถานการณ์ทำให้ต้องกลับมาฆ่าอีกครั้งเพื่อปกป้องคนที่อ่อนแอกว่า หนังมีฉากบู๊ที่เดือดดาลเลือดสาดมันส์สะใจผู้ชมซึ่งมันโหดมากโทนเรื่องดิบเถื่อน เป็นหนังดูง่ายมากเป็นงานล้างแค้นที่เดือดอีกเรื่องที่คนที่ชอบหนังสไตล์นี้ไม่ควรพลาด
รีวิว / สรุปเนื้อหา
ภาพของหนังอาจมาตามสูตรสำเร็จที่ใครหลายคนมองว่าซ้ำซากจำเจ นักฆ่าโฮมโปรใช้ทักษะฆ่าคน 9 วินาที แต่ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า มันกลายเป็นจุดเด่นของเขาไปเรียบร้อยแล้ว ในโลกที่เต็มไปด้วยหนังแอ็คชั่นนักฆ่าที่มีความหลังออกไปล้างแค้น ภาพของ The Equalizer แตกต่างออกไป นักฆ่าที่มีอดีตเป็นปริศนา ที่มักจะเป็นคุณลุงที่โอบอ้อมเป็นมิตรกับคนรอบข้าง แต่อีกด้านหนึ่งเขากลายเป็นมือสังหารที่เลือดเย็นเล่นงานคนที่สั่งสอนนักเลงมาเฟียอันธพาลที่ชอบมารังแกคนไม่มีทางสู้ นักฆ่าที่ต่อสู้เพื่อปกป้องคนดีเล่นงานคนชั่ว แต่เสน่ห์ของตัวละคร Robert Mccall คือการสังหารคนที่ภาคนี้มาได้แบบโหดหนักหน่วงรุนแรง เรียกว่าพอๆกับตอนที่ปะทะแก๊งค์รัสเซียในภาคแรก
นอกจากซีนแอ็คชั่นที่เป็นจุดขาย หนังก็ค่อยๆพูดถึงพาร์ทดราม่าของตัวละครอย่าง Robert ที่มีความรู้สึกผิดมีความอ่อนแอมีความโรยราไปตามวัย บทหนังจึงเล่าเรื่องแบบช้าๆแต่ให้เห็นแง่มุมของนักฆ่าโฮมโปรที่มีความเจ็บปวดมีความรู้สึกนึกคิด เขาเป็นนักฆ่าสังหารคนมาเยอะ แต่ทำเพราะไม่ต้องการให้คนชั่วเยอะแยะมากมายในสังคม กลายเป็นศาลเตี้ย นอกจากนี้แล้วการเปลี่ยนแปลงโลเคชั่นจากอเมริกามายังอิตาลีก็เป็นเสน่ห์ที่ทำให้ภาพออกมางดงาม เรียบง่ายมีซาวด์ประกอบสไตล์อิตาเลี่ยนมีบรรยากาศที่ร้อยเรียงเรื่องราวจน Robert หลงรักมิตรภาพความผูกพันธ์ของผู้คนในเมืองนี้ไปแล้ว
การแสดงของ Denzel Washington คุมโทนกำหนดทิศทางทุกอย่าง ดราม่าตลกหยอกดมุกเล็กๆน้อยๆ มีรอยยิ้มสร้างเสียงหัวเราะให้คนรอบข้าง นักฆ่าที่เป็นมิตรพูดน้อยแต่เวลาสังหารใครฆ่าคนเลือดเย็นมากๆ Dakota Fanning ชอบนางนะ น่าเสียดายที่มาซัพพอร์ทเรื่องราวได้ไม่เยอะ แต่ดีใจที่ได้เห็น 2 นักแสดงกลับมาเจอกันอีกครั้ง นับตั้งแต่ Man On Fire แม้ว่าหนังจะมีมุมมองดีๆ แต่การเล่าเรื่องที่ช้าไปพอสมควร และมันน่าผิดหวังคือกลุ่มมาเฟีย วายร้ายที่เปิดตัวมาได้แบบน่าเกรงขาม แต่พฤติกรรมไม่ต่างจากมาเฟียอเมริกัน มันเลยทำให้ดูไม่น่ากลัว เก่งแต่ข่มขู่ไถ่คนที่อ่อนแอ แต่กลับไม่ได้สร้างความอันตรายอะไรให้นักฆ่าโฮมโปรได้เลย
เกร็ดจากหนังเรื่องนี้
- หนังภาค 3 เกิดขึ้นจากความต้องการของ Dakota Fanning ที่โทรหาผู้กำกับ
- นี่คือหนังเรื่องแรกในรอบ 19 ปี ที่ Denzel Washington ได้กลับมาเจอ Dakota Fanning นับตั้งแต่ Man On Fire
- บทหนังเกิดขึ้นที่อิตาลี เพราะเขียนตามใจ Denzel Washington
- กองถ่ายเคยโดนตำรวจอิตาลีบุกจับโคเคน