The Deadline (2018)

เดอะเดดไลน์

The Deadline Poster
10/10

คะแนน
โกดังหนัง

ซีรีส์น้ำดีที่ทรงคุณค่า ทำให้เรารู้จักคุณค่าของชีวิต
ความตายไม่ใช่สิ่งที่น่ากลัวอย่างที่หลายๆคนเข้าใจ
เพราะชีวิตคนไม่มีอะไรที่แน่นอนเลยจริงๆ

หมวดหมู่ : Drama Family
สัญชาติ : Thai
กำกับโดย : Chai-A-Nan Soijumpa
ความยาว : 1 Season 8 Episode
นักแสดงนำ : Nalintip Permpattarasakul, Chanya McClory, Claudia Chakrapan

คำคมจากภาพยนตร์

"โลกนี้ไม่มีอะไรที่น่ากลัว มีแต่เรื่องที่เราไม่รู้"

เรื่องย่อ

เรื่องราวของการมีชีวิตและการรับมือกับความตายว่าด้วยเรื่องราวของสามสาวพี่น้องที่แต่ละคนต่างมีเส้นชัยและเส้นตายในชีวิตที่แตกต่างกัน ออม พี่สาวคนโตของบ้าน ที่ทำหน้าที่แทนแม่ผู้จากไป เธอเป็น working woman ที่ประสบความสำเร็จในหน้าที่การงาน มี เบน เป็นสามีที่น่ารัก แต่ด้วยวัยที่ใกล้จะ 40 ของเธอ ทำให้ความฝันที่อยากมีลูกสักคนกำลังจะเป็นเรื่องยาก, อาย พี่คนกลาง ที่มีความใฝ่ฝันในเส้นทางสายบันเทิง เธออยากเป็นดาราที่มีชื่อเสียงมาตั้งแต่เด็ก แต่อีกเพียงปีเดียวเท่านั้น เธอจะอายุ 30 ความฝันที่อยากจะเป็นดาราดังให้ได้ของเธออาจหมดสิทธิ์แจ้งเกิด และเอย น้องคนเล็กที่กำลังสดใสและมีชีวิตวัยรุ่นในแบบของตัวเอง แต่วันหนึ่งเอยพบว่าตัวเองเป็นมะเร็งเหมือนพ่อ (ทำให้ชีวิตและความคิดของเอยค่อย ๆ เปลี่ยนไป

หนังเรื่องนี้เหมาะกับใคร

สำหรับ The Deadline เป็นซีรีส์ที่ย้ำเตือนให้เรากลับมามองชีวิตใหม่ว่าเป้าหมายที่แท้จริงเราคืออะไรกันแน่ สิ่งนั้นใช้สิ่งที่เราอยากจะทำหรือเปล่า เนื้อหาดูเรียบง่ายสะท้อนถึงการใช้ชีวิตครอบครัวสังคมแบบไทยๆที่เต็มไปด้วยมิตรภาพ พอมีใครสักคนเกิดเป็นอะไรขึ้นมาจากที่ผิดใจทะเลาะกันก็ดันมารักกัน เรื่องราวดูจะเป็นพลังบวกให้กำลังใจคนที่เบื่อหน่ายสิ้นหวังให้มีเรียวแรงกลับมายืนหยัดอีกครั้ง แบบที่ตัวละคร 3 คาแรกเตอร์ 3 สไตล์สื่อสารออกมาดูแล้วรักผลงานชิ้นนี้มากและเนื้อหาคงเข้าไปอยู่ในใจใครหลายๆคน

  • สายหนังดราม่า
  • สายหนังครอบครัว
  • สายหนังที่ชีวิตอยู่ใกล้ความเป็นความตาย

รีวิว / สรุปเนื้อหา

ซีรีส์เรื่องนี้เล่าเรื่องได้มีเสน่ห์ พล็อตดูธรรมดา แต่การเล่าเรื่องตั้งหากที่ทำให้เราต้องอยากดูไปเรื่อยๆตั้งแต่ตอนแรกยังตอนที่ 8
หญิงสาววัยรุ่นที่น่าจะได้มีชีวิตสนุกสนานเหมือนคนอื่นๆเขา แต่กลับมาป่วยเป็นโรคมะเร็ง ทำให้เธอพลาดโอกาสที่จะใช้ชีวิตสนุกสนานเหมือนคนทั่วไป ต้องไปเข้ากลุ่มมะเร็งพลังบวก เธอกังวลมาก ว่าจะตายเหมือนพ่อตัวเอง แต่มันทำให้เธอได้เรียนรู้ชีวิตในอีกรูปแบบ 1 จากคนที่ไม่เคยมีความสัมพันธ์ที่ดีกับพี่น้องตัวเอง ต้องมาเคารพเชื่อฟังพี่สาวอีก 2 คน ขณะเดียวกันเธอก็เตรียมตัวรับมือกับความเป็นความตายเอาไว้บ้างแล้ว มันเลยทำให้เธอออกมาต่อสู้และทำสิ่งแปลกใหม่ที่ก่อนหน้านี้เธอละเลยไม่เคยทำ หันมาคุยกับพี่สาว ออกไปวิ่ง ออกไปเที่ยว ออกไปขายของ ไม่เกรงกลัวความตายเลย มันคือพลังบวกของตัวละครน้องเล็กที่สุดของบ้าน

ซีรีส์เรื่องนี้สะท้อนให้เราได้สัมผัสหลายมุมมอง ทั้งเรื่องความฝันที่ไม่มีวันหมดอายุ เช่น พี่คนที่ 2 อยากเป็นนักแสดงแม้อายุจะเยอะแล้ว เจออุปสรรคมากมาย แต่เธอก็ไม่ท้อพยายามเต็มที่ในการไปแคสงานเพื่อความฝันในสิ่งที่เธออยากจะเป็น มันคือการย้ำเตือนเราว่าความฝันต่อให้อายุมากแค่ไหน มันไม่มีวันหมดอายุ ถ้าเราไม่ท้อไม่ถอดใจไปซะก่อน และสิ่งที่เธอได้กลับมาคือการสนับสนุนที่ดีจากพี่น้องในบ้าน ไม่ว่าเธอจะเจอเรื่องแย่ๆ เธอก็ได้กำลังใจจากพี่น้องในบ้าน แม้ว่าจะมีนิสัยต่างกัน เป้าหมายไม่เหมือนกัน มีเรื่องผิดใจกันอยู่บ่อยๆ แต่คำว่าครอบครัวคือสิ่งสำคัญทำให้ทุกคนรักกัน แม้ว่าทั้งสามพี่น้อง ออม อาย และ เอย จะมีนิสัยส่วนตัวที่แตกต่างกัน และมีเรื่องผิดใจกันอยู่บ่อยๆ แต่ลึกๆ แล้ว ทั้งสามคนก็รักและห่วงใยกันอยู่เสมอและมันผลักดันช่วยให้เราผ่านช่วงเวลาที่ยากๆ

สิ่งที่ซีรีส์เรื่องนี้บอกเรา คือเรื่องของเวลามันไม่เคยรอใคร ออม กับความฝันเรื่องการมีลูกในวัยใกล้ 40 มันคือความฝันของคนที่มีครอบครัว มันคือสิ่งที่กดดันมาก เพราะการมีลูกมีครอบครัวสุขสันต์คือเป้าหมายของผู้หญิงทุกคน แต่มันไม่ใช่เรื่องง่ายด้วยวัยขนาดนี้ ทุกคนมีเป้าหมายมีหน้าที่การงานที่ใหญ่โต ภาระมากมายกดดัน ทำให้เราเห็นภาพตัวละครนี้จนทำให้แยกไม่ออกว่า สุดท้ายว่างานหรือครอบครัวอะไรคือสิ่งที่สำคัญกับเรากันแน่ ความรับผิดชอบมากขึ้น ในขณะที่ร่างกายก็ค่อยๆ เสื่อมถอยลงไป และชีวิตก็ไม่ได้เหลือทางเลือกให้เรามากนัก คนราไม่เหลือพลังและเวลามากหนักสิ่งที่ทำได้ คือต้องคิดให้ดีว่าสุดท้ายชีวิตของเราเองเราต้องการอะไรกันแน่ ตัวละครเบนกับออมคือภาพที่สะท้อนถึงความไม่สมบูรณ์แบบของชีวิตคู่ที่มันไม่ได้สวยงามหรือละครหลังข่าวบ้านเรา เพราะปัญหาเกิดขึ้นได้ทุกเมื่อ

สิ่งที่ซีรีส์นี้สื่อสารได้ดีเยี่ยมคือการจำลองภาพสังคมไทย แวดวงคนทำงานที่มักชอบแข่งขัน บ่งบอกตัวเองเจ๋งตัวเองของจริงตัวเองใหญ่โตพอถอดหัวโขนในที่ทำงานออกไปก็คือคนๆนึง เจ้านายของออมเองก็ดูจะชอบสร้างความกดดันให้คนทำงานแข่งกัน น้องเล็ก คู่แข่งในที่ทำงานของออมเอง ที่พอต้องมาเป็นคู่แข่งกัน ออมเองก็ไม่ปลื้ม แต่พอได้มาสัมผัสหรือมาเจอกันแบบคนปกติก็พบว่า บางครั้งคนเรามันก็ไม่ได้ร้ายไม่ได้เลวร้ายหรือแย่เลย มันสะท่้อนกลับออกมาว่าเราทำงานเพื่ออะไรกันแน่ ทำงานแล้วก็อวดฐานะกัน อวดสามี อวดแฟน อวดลูก อวดโรงเรียนลูก ทุกอย่างมันดูกดดันหมดเลย ออมเองก็ใช้แต่ของแบรนด์เนม สุดท้ายออมเองก็รู้ว่าข้าวของ รถรา บ้านช่องมันนอกกายหมดเลย สิ่งที่สำคัญที่สุดคือผู้คนที่รักเรามากกว่า ชีวิตคนเรามันเท่านี้จริงๆ

สุดท้ายที่เราอยากพูดคือนักแสดง คลาวเดีย จักรพันธุ์ พี่สาวคนโต Working Woman ภาคของผู้หญิงเก่ง Strong แข็งแรง เหมือนจะเพียบพร้อมแต่อ่อนแอ พี่เขาแบกอารมณ์ได้เยี่ยมาก ฝน นลินทิพย์ พี่คนกลางสาวช่างฝัน ที่ต่อสู้เพราะไม่อยากเป็นในสิ่งที่เธอไม่อยากเป็นมันอาจดูท้อแท้ที่ฝันยังมาไม่ถึง แต่มันคือภาพจำลองของคนที่ต้องเจอความล้มเหลวในชีวิตก่อนที่มันจะสำเร็จ นิ้ง ชัญญา สาวน้อยหน้าสวยที่มาตีความคนเป็นโรคมะเร็งได้เข้าใจความรู้สึกคนที่เป็นจริงๆ บุคลิกกวนๆแก่นๆ น่ารักมาก พี่เอก ธเนศ มาน้อยแต่จัดเต็มพลังการแสดงได้ดีเยี่ยม หรือแม้แต่เจสัน ยัง หัวหน้าครอบครัวอาจารย์มหาลัยที่พี่แกดูยังไงก็หล่อสุภาพบุรุษไม่มีวันเปลี่ยนแปลง ไปเลยจริงๆ นักแสดงเหล่านี้ช่วยกันขัดเกลาให้ซีรีส์เดินหน้าไปด้วยพลังงานบวก จนเรากดดูซ้ำไปหลายๆรอบ

เกร็ดจากหนังเรื่องนี้

  • คลาวเดีย จักรพันธุ์ ต้องลดน้ำหนัก 10 กิโลกรัมเพื่อมาสวมบทบาท Working Woman
  • นิ้ง ชัญญา ยอมโกนหัวจริงๆเพื่อมารับบทผู้ป่วยเป็นโรคมะเร็ง
  • ซีรีส์ชุดนี้คว้าไปถึง 6 รางวัล 24th asian television awards