The Black Phone (2022)

สายหลอน ซ่อนวิญญาณ

The Black Phone Poster
9/10

คะแนน
โกดังหนัง

พิสูจน์อีกแล้วว่าหนังดีไม่จำเป็นต้องใช้ทุนเยอะแยะ ขายไอเดียก็เพียงพอแล้ว ฆาตกรโรคจิตจับเด็กไปขังเพื่อฆ่าทิ้ง กลายเป็นหนังที่บทแยบยลคาดเดาอะไรไม่ได้ ตัวอย่างตัดหลอกคนดูเพียบ บอกเลยว่าโดนใจไปเต็มๆ

หมวดหมู่ : Horror Thriller
สัญชาติ : American
กำกับโดย : Scott Derrickson
ความยาว : 1 ชั่วโมง 46 นาที
นักแสดงนำ : Ethan Hawke, Mason Thames

คำคมจากภาพยนตร์

Everything’s complicated. Nothing’s right."
"ทุกอย่างมันซับซ้อน ไม่มีอะไรที่ถูกต้อง"

เรื่องย่อ

ฟินนีย์ ชอว์ เด็กชายขี้อายแต่ชาญฉลาดวัย 13 ขวบ ในเมืองเดนเวอร์ เขามีน้องสาว และพ่อติดเหล้าที่วันๆรังแกลูกตัวเอง ชีวิตเขาก็อยู่ในเมืองที่เสื่อมโทรม แล้วอยู่ดีๆก็โดน ถูกฆาตกรซาดิสต์ลักพาตัวไปขังอยู่ในห้องใต้ดินเก็บเสียง เขาไม่รู้ว่าตัวโดนจับไปทำไม แถมห้องนี้ก็อยู่ชั้นใต้ดินตัดขาดจากโลกภายนอก กรีดร้องไม่ก่อเกิดประโยชน์ใดๆ ในตอนที่โทรศัพท์ไร้สัญญาณที่ติดอยู่ตรงผนังเริ่มส่งเสียงดังขึ้นมา ฟินนีย์ก็ค้นพบว่าเขาสามารถได้ยินเสียงของเหยื่อคนก่อนๆ ของฆาตกรรายนี้ และเหยื่อเหล่านั้นก็ตั้งปณิธานเอาไว้ว่าจะทำให้แน่ใจว่าสิ่งที่เกิดขึ้นกับพวกเขาจะต้องไม่เกิดขึ้นกับฟินนีย์อีก

หนังเรื่องนี้เหมาะกับใคร

สำหรับ The Black Phone เป็นหนังระทึกขวัญออกแนวหนีตายเอาตัวรอดแถมมีวิญญาณอีกตั้งหาก ไม่ใช่หนังผีไม่ใช่หนังสั่นประสาทผู้ชม แต่มาในสไตล์ที่ว่าจะทำยังไงให้รอดตายซะมากกว่า ผู้ชมในกลุ่มหนังสยองขวัญอาจจะรู้สึกเฉยๆเพราะนี่ไม่ใช่หนังโทนตลาดทั่วไป แต่มีลูกเล่นที่ใส่เรื่องความฝัน สิ่งลี้ลับ เข้ามาเติมเต็ม ทำให้โทนหนังมีความหลากหลาย ลุ้นไปกับตัวละครและสร้างอารมณ์ร่วมให้ผู้ชม คนขวัญอ่อนคนขวัญผวาดูได้ไม่ยาก ตัวอยา่งหนังหลอกคนดูได้แบบมีชั้นเชิง แถมบรรยากาศไม่น่าไว้วางใจอีกตั้งหาก

  • สายหนังสยองขวัญสั่นประสาท
  • สายหนังสยองเนื้อเรื่องดี
  • สายหนังบรรยากาศสุดสยอง

รีวิว / สรุปเนื้อหา

คำวิจารณ์ของหนังอยู่ในแง่บวก และเมื่อได้ดูเต็มๆก็ยอมรับเลยว่า ไม่แปลกใจที่หนังทำเงินถล่มทลาย 100 ล้านเหรียญ จากทุนสร้างที่ไม่ได้มากมายอะไร หัวใจสำคัญของหนังเรื่องนี้อยู่ที่บรรยากาศที่ชวนหลอนชวนกดดันอยู่ตลอดทั้งเรื่อง คนดูเหมือนโดนหลอกจากตัวเอง คิดแค่ว่ามันเป็นหนังผีหนังฆาตกรรม แต่เนื่อหาข้างในลุ้นระทึกกว่าที่เห็นจากตัวอย่าง พล็อตเรื่องปูเนื้อหาได้ดีมากๆ ไม่หลุดกรอบ พาไปรู้จักตัวละคร ฟินนีย์ ชอว์ เด็กที่เก่ง แต่โดนรังแกจากผู้คนมากมาย แล้วก็มาโดนจับไปขังแบบไม่มีสาเหตุ ฟินนีย์ เหมือนรอวันโดนฆ่าตายแบบเหยื่อรายต่อไป แต่ว่ามันสนุกตรงที่ว่าเนื้อหาแต่ละจุดที่ใส่ลงไปมันเต็มไปด้วยปริศนาที่คาดเดาอะไรไม่ได้ หนังมาด้วยหลากหลายแนวทริลเลอร์ เรื่องเหนือธรรมชาติ การเอาตัวรอด การไขปริศนา

ธีมหนังมาในยุคเก่า 1970 ที่สร้างสร้างกลิ่นอายความน่ากลัวได้ทันทีเมื่อเปิดฉากแรกขึ้นมาซาวด์ประกอบให้อารมณ์หลอน ชวนลุ้นระทึกยิ่งกว่าเดิมไปอีก ทุกอย่างดูกดดัน บีบขั้น หมนหม่อง เด็กหนุ่มอ่อนประสบการณ์ต้องมานั่งหาคำตอบเพื่อดิ้นรนเอาตัวรอด จากฆาตกรโรคจิตที่เชือดเด็กมาแล้วนับไม่ถ้วน ชอบการต่อสู้ของฟินนีย์ ที่เขาเอง เจอเหตุการณ์ที่ขวัญผวา แต่มีสติเอาตัวรอดไปได้ หนังมีฉากที่ทำคนดูหวาดเสียงชวนสะดุ้ง การทำให้เรื่องราวตื่นเต้น ลุ้นระทึกไปกับตัวละครว่าจะแก้เกมยังไงจากห้องสี่เหลี่ยมแคบๆ ชอบการที่เขามีตัวช่วยลึกลับเข้ามามันทำให้ยังน้อย หนังก็สลับซับซ้อนมีลูกเล่นอยู่เพียบทั้งจากสายโทรศัพท์จากวิญญาณของคนที่โดนฆ่าตาย และน้องสาวที่ฝันร้ายมองเห็นภาพล่วงหน้า ตรงนี้ซัพพอร์ทให้หนังแข็งแรงมากๆ เพราะเป็นพ้อยสำคัญของหนังเรื่องนี้

ส่วนการแสดงต้องชื่นชมเลยว่า ถ้าหากไม่มีฝีมือการแสดงของดารากลุ่มนี้ หนังคงขับเคลื่อนไม่ได้แน่ๆ ฆาตกรโรคจิตจับเด็กมาเชือดอย่าง Ethan Hawke หนุ่มหล่อจากยุค 90 ที่เวลานี้กลับมาท็อปฟอร์ม สีหน้าแววตา ความร้ายกาจ ดูเหมือนจะเป็นมิตรแต่ไว้ใจอะไรไม่ได้ ฉากท้ายๆของหนังพีคมากๆ แต่ที่โดดเด่นหนีไม่พ้นน้อง Mason Thames ในบท ฟินนีย์ ชอว์ ผลงานเรื่องแรก มาเจองานใหญ่ เจองานยากหนีตายจากฆาตกรโรคจิต ควบคุมอารมณ์ควบคุมสติ ชอบการแสดงของ Mason มากฉายแววมาดีสอบผ่านเมื่อต้องดาราเบอร์ใหญ่อย่าง Ethan นอกจากนี้ Madeleine McGraw ในบทน้องสาว เด็กที่มีฝันเห็นภาพอนาคต หนึ่งในตัวละครที่มาช่วยคลี่คลายปริศนา ชอบเธอมากๆออร่ามาเต็มไปเลยละแก

เกร็ดจากหนังเรื่องนี้

  • Scott Derrickson หยิบประสบการณ์จริงในชีวิตมาเล่าเป็นบทหนัง
  • Scott Derrickson ลงมือทำหนังเรื่องนี้ทันที หลังออกจากโปรเจ็ค Doctor Strange 2
  • หนังใช้ทุนสร้างไป 14 ล้านเหรียญ แต่ทำเงินไปมากถึง 116.4 ล้านเหรียญจากการฉายทั้วโลก