Tale of the Nine Tailed 1938 (2023)
เทพบุตรจิ้งจอกเก้าหาง 1938
คะแนน
โกดังหนัง
สนุกปังมากกว่าซีซั่นแรก บทหนังคุณภาพ ครบเครื่องทุกอย่างองค์ประกอบ มุกตลก ฉากแอ็คชั่น พาร์ทดราม่าแข็งแรง แฟนๆ Lee Dong-wook ไม่มีผิดหวังแน่ๆ
หมวดหมู่ : | Fantasy |
สัญชาติ : | South Korean |
กำกับโดย : | Kang Shin-hyo |
ความยาว : | 12 Episodes |
นักแสดงนำ : | Lee Dong-wook, Kim So-yeon, Kim Bum |
คำคมจากภาพยนตร์
“อย่าแต่งงานกับฉันเลย ถ้าฉันตาย เธอจะต้องอยู่คนเดียวนะ”
เรื่องย่อ
Lee Yeon ย้อนเวลากลับไปแก้ไขอดีตในปี 1938 หลังจากการเสียสละของ Lee Rang น้องชายของเขาพร้อมกับความตั้งใจที่จะปกป้องคนที่เขารักไว้และกลับมาในปัจจุบันหลังจากที่เปลี่ยนแปลงเรื่องราวทั้งหมดทำให้เส้นทางการเดินทางครั้งใหม่ได้เริ่มต้นขึ้นพร้อมกับเหล่าผู้คนรอบข้างที่คุ้นเคยพร้อมกับอุปสรรคใหม่ๆที่ท้าท้ายเขามากกว่าเดิม
หนังเรื่องนี้เหมาะกับใคร
สำหรับ Tale of the Nine Tailed 1938 จัดเป็นคอนเทนต์สายเกาหลีที่คนไม่อินกับงานเกาหลีก็ได้ไม่ยาก ที่น่าชื่นชมคือภาพของเรื่องนี้สร้างสรรค์เรื่องราวออกมาได้น่าสนใจมาก บันเทิงจัดเต็มสุดขีด พล็อตเรื่อง 12 ตอน กลับยกระดับความปังจากซีซั่นแรกได้แบบเหนือชั้น เนื้อหาไม่ได้เน้นขายพระเอกหล่อ Lee Dong-wook และ Kim Bum แต่ภาพของคอนเทนต์ไม่ซ้ำซากจำเจมีความหลากหลายมีลูกเล่นมีวิธีการนำเสนอที่แปลกใหม่จัดจ้าน ทั้งในแง่ของฉากแอ็คชั่น วายร้าย มุกตลก การไขปริศนาต่างๆ ที่สำคัญคือการชูพลังความเป็นชนชาติเกาหลีใต้ ซอฟต์พาวเวอร์เต็มตัวโยงพล็อตเรื่องกับประวัติศาสตร์ได้อย่างแนบเนียน
รีวิว / สรุปเนื้อหา
สิ่งที่รู้สึกว่าเรื่องนี้ดีขึ้นกว่าซีซั่นแรก คือพล็อตเรื่องพยายามขยายวงกว้างไปยังเส้นเรื่องใหม่ โดยไม่อิงกับเรื่องราวความรักของพระเอกและนางเอกตามสูตรซีรีส์เกาหลี ที่ต่อให้มาแนวไหนต้องจับคู่และรักกัน แต่เรื่องนี้พอตัดนางเอกเรื่องความรักออกไป หยิบจับเรื่องการย้อนเวลาไปในช่วงสงครามโลกที่เกาหลีที่โดนญี่ปุ่นบุกก็เป็นเรื่องราวที่น่าสนใจ การกระจายเรื่องราวที่ไปอยู่ในโฉมหน้าประวัตศาสตร์เกาหลี ผสมผสานกับการสร้างประเด็นความไม่ถูกขี้หน้ากันของพี่น้องจิ้งจอกที่เรื่องนี้ต้องมาร่วมมือกันต่อสู้กับกองกำลังญี่ปุ่น การเล่าเรื่องรวดเร็วมากๆ และสอดแทรกกับสถานการณ์ต่างๆที่ 2 พี่น้องต้องรับมือแก้เกมเอาตัวรอดไปทีละปัญหา ซึ่งตัวบทโยนโน่นนี่มาให้พระเอกรับมือ ไม่ได้มีพลังที่เหนือชั้น แต่ก็มีมุมที่อ่อนแอโดนกระทำโดนแกล้งจนเกือบเอาชีวิตไม่รอด ทำให้รับรู้ว่าต่อให้มีพลังพิเศษมีชีวิตที่เป็นอมตะก็มีจุดอ่อนจุดบอดไม่ต่างจากคนทั่วไป สิ่งที่เติมเต็มเข้ามาคือเรื่องของฉากแอ็คชั่นถูกหล่อหลอมเข้ากับเนื้อหาได้อย่างแยบยลเป็นเนื้อเดียวกัน คิวบู๊สนุกฉากไล่ล่าโคตรมันส์ ยิงมุกตลกกันสนุกปาก ฉากดราม่าซึ้งมีให้ดูเพียบและตัวพระเอกไม่ได้เน้นขายความหล่อความเท่ห์ แต่ยังต้องทำหน้าที่ไขคดีปริศนาต่างๆมากมายในอดีต ที่ผู้คนเกาหลียุคนั้นดิ้นรนต่อสู้เพื่อไม่ยอมก้มหัวให้คนญี่ปุ่น
ถ้าหากชอบงานแฟนตาซีแบบเกาหลีเรื่องนี้ไม่มีอะไรที่ผิดหวัง ทุกอย่างร้อยเรียงออกมาได้บันเทิง โปรดักชั่นย้อนยุคเท่ห์มากๆ การแต่งกายของตัวละครเสื้อผ้าหน้าผมดูกลมกลืนเป็นคนในยุคนั้นจริงๆ พระเอกใส่สูทเนี๊ยบ การดีไซน์องค์ประกอบทุกอย่างคุณภาพของจริง โลเคชั่นให้ความรู้สึกงดงามน่าไปเที่ยวมากๆ มันอลังการ รถรางกลางเมือง, ร้านอาหารย้อนยุค บรรยากาศมันคือยุค 1938 การออกแบบฉากแอ็คชั่นการต่อสู้ภาพที่ออกมารวดเร็วอลังการมากๆ คือทุกอย่างทีมงานออกแบบมาได้ปราณีต ทำให้คนดูอย่างเราร้องว้าวทันที เป็นคอนเทนต์ที่ได้กลิ่นอายความเป็นภาพยนตร์ การตัดต่อรวดเร็ว CGI ดีมากๆไม่หลอกตาคน ปกติแล้วเป็นคนไม่ชอบดูงานเกาหลีแบบนานๆแต่เรื่องนี้ทำให้ดูได้ยาวๆ 12 ตอนจนจบได้ เป็นของดีที่แฟนสายเกาหลียังไงก็ไม่ควรพลาดเด็ดขาด
ด้านนักแสดงนำ Lee Dong-wook ที่ซีซั่นใหม่ไม่ต้องกังวลเรื่องความรัก ได้โชว์ความหล่อความเท่ห์ ผ่านการแสดงฉากแอ็คชั่น แถมยังไม่ทิ้งลายความเป็นตัวละครที่ฉลาดแยบยลแก้เกมเก่งเอาไว้อีก โชว์เสน่ห์ได้ใจสาวๆไปเต็ม , Kim Bum ชายหนุ่มหล่อที่มาในหมวดกะล่อนทะเล้นไว้ใจอะไรไม่ได้ ซีซั่นนี้ได้เห็นมุมมองใหม่ๆที่ซับซ้อนมีมิติกว่าเดิมจากซีรีส์แรก, Kim So-yeon หญิงสาวที่พกพาความสวยความมั่นใจมาเติมเต็มให้ความสนุกได้เพียบ หรือจะเป็น Ryu Kyung-soo ตัวละครลึกลับที่มาพร้อมกับปริศนามากมายที่รอเวลาคลี่คลายเชื่อว่าเขาคงได้ปล่อยของออกมาเต็มๆ ซีรีส์แนวแฟนตาซีแอคชั่น ที่ดูเพลินและบันเทิงมาก คือสนุกทุกตอน ทั้งกวนทั้งน่ารัก มีความโบ๊ะบ๊ะ ขายขำเก่ง แล้วทีมนักแสดงดี เคมีเข้าขากันสุดๆ โดยเฉพาะภาคนี้ เน้นแอคชั่นต่อสู้มันส์ๆ ยิ่งดูยิ่งสนุก สมการรอคอยสุดๆ กับภาคต่อของซีรีส์ Tale of the Nine Tailed ปี 2020
เกร็ดจากหนังเรื่องนี้
- Jo Bo-ah นางเอกจากซีซั่นแรก มารับเชิญโดยไม่ขอรับค่าตั๋ว แม้แต่วอนเดียว
- ออกอากาศแค่ 2 ตอนแรกเรตติ้งพุ่งสูงกว่า 16 ตอนจากซีซั่นแรก