Spectre (2015)

องค์กรลับดับพยัคฆ์ร้าย

Spectre Poster
7.5/10

คะแนน
โกดังหนัง

เนื้อเรื่องเล่าได้อย่างละเมียดละไม
ฉากแอ็คชั่นจัดหนักขยายเรื่องราวให้ดีขึ้น
ดาเนียล เคร็ก ตีความเป็นบอนด์ได้เหมาะสม

หมวดหมู่ : Action
สัญชาติ : British
กำกับโดย : Sam Mendes
ความยาว : 2 ชั่วโมง 30 นาที
นักแสดงนำ : Daniel Craig, Léa Seydoux, Christoph Waltz

คำคมจากภาพยนตร์

"You're a kite dancing in a hurricane"
"คุณเหมือนว่าวที่หมุนคว้าง ท่ามกลางพายุ"

เรื่องย่อ

เจมส์ บอนด์ ได้รับข้อความลับจากภารกิจปฏิบัติการลับในอดีตที่นำพาเขาไปสู่เม็กซิโกและโรม ที่ซึ่งเขาได้พบกันม่ายสาว ลูเซีย สเกียร์รา และ บอนด์ ยังค้นพบความลับขององค์กรร้ายที่มีชื่อว่า สเปกเตอร์ และมีเพียงคนเดียวเท่านั้นที่จะช่วยเขาไล่ล่าองค์กรร้ายนี้ นั่นคือลูกสาวของผู้ร้ายตัวฉกาจ ไวท์ นั่นคือ เมเดอลีน สวอนน์ แล้วเขาจะเป็นอย่างไรเมื่อต้องเจอกับหญิงสาวลูกนักฆ่า ที่ตามเขาทันในทุกฝีก้าว

หนังเรื่องนี้เหมาะกับใคร

สำหรับ Spectre อาจจะไม่ใช่ 007 ภาพที่โปรดปรานมากสักเท่าไหร่ เนื้อเรื่องเล่ายืดเยื้อเกินไปไม่ได้ต่อยอดจาก Skyfall อย่างที่ควรจะเป็น แต่สิ่งที่หนังทำได้ดีคือฉากแอ็คชั่นที่ต่อยอดด้วยงานที่มีคุณภาพ ลูกเล่นเยอะให้พระเอก Daniel Craig ได้ปล่อยของออกมาอย่างเต็มที่ หากใครไม่ใช่แฟนพันธ์ุแท้ 007 อาจจะไม่ถูกใจกับงานชุดนี้แน่ๆ

  • สายหนังแอ็คชั่นสายลับ
  • สายหนังสายลับ 007

รีวิว / สรุปเนื้อหา

มีหลายเสียงบ่นว่าหนังน่าเบื่อไม่เร้าใจพูดเยอะทำให้รู้สึกง่วงนอน แต่หนังเลือกที่จะทำให้เนื้อหาสื่อสารออกมาให้มีความแตกต่างจาก Skyfall เดินเรื่องด้วยการสร้างปมใหม่ขึ้นมาและจับเอาศัตรูและประเด็นภาคก่อนๆมาเชื่อมโยงกัน ทำให้คนเริ่มรู้สึกงงปมความสับสนทำไมไม่สร้างประเด็นใหม่ขึ้นมา หนังขยายเรื่องราวให้ก้าวขึ้น องค์กรก่อการร้ายเกิดขึ้นและก็มีคนร้ายแทรกแซงอยู่มากมายจนเราไม่ทันตั้งตัว หนังมีกลิ่นอายแบบบอนด์ยุค 60 คนที่ไม่ได้ดู 007 ยุคก่อนจะรู้สึกว่าหนังมันมีความเชย ภาพที่ออกมาจนทำให้หลายๆคนรู้สึกว่ามันเป็นวายร้ายระดับโลกได้ไง การถ่ายทอดเจมส์ บอนด์ในภาคนี้มีเสน่ห์ตรงที่ว่า 007 อยู่ในช่วงโรยรา แถมเขายังต้องเจอภารกิจที่ทำแบบหลบหนีไม่ให้องค์กรตัวเองรู้ การลำดับเรื่องราวจึงดูแปลกไปพอควร

สิ่งที่หนังกลบจุดบอดไปได้คือโปรดักชั่นหนังที่ทำได้อลังการ การคัดสรรโลเคชั่นที่คุ้มค่ากับเม็ดเงินที่ลงไป ทำให้เราได้เห็นภาพที่สวยงามทั้งออสเตรีย อิตาลี โมร็อคโค อังกฤษ ที่เราได้เห็นภาคแอ็คชั่นที่ผสมผสานกับอารมณ์ดราม่าของหนังได้ดิบดี เหมือนพาผู้ชมไปทัวร์ หนังทำให้หลายๆซีนดูมีคลาสขึ้นมาเยอะ บอนด์งัดสกิลออกมาตะลุยกับตัวร้ายที่ยกโขยงออกมาเป็นฝูงเพื่อไล่ล่าเขา ทั้งจาก บ้านท่ามกลางหิมะ ฐานทัพลับสุดใหญ่โต ซีนระเบิดที่ซาวด์ดังมาก งานสร้างทดแทนความผิดหวังของแฟนหนังบางคนลงไปได้ แซม เมนเดส ผู้กำกับยังคงละเมียดละไมพอที่จะเล่าเรื่องให้ได้งานภาพที่สวยงามและไม่เสียเครดิตผู้กำกับดีกรีออสการ์ เพราะจุดนี้เองทำให้แฟนหนัง 007 อมยิ้มได้พอควร

Daniel Craig กลับมากับบอนด์ที่มีเสน่ห์มากขึ้น อาจจะเพราะมีเวลาให้ปล่อยอารมณ์มากขึ้น สานต่อเรื่องราวจาก Spectre ได่อย่างลงตัว การมี Léa Seydoux สาวฝรั่งเศสน่านิ่งที่แต่งกายแล้วดูสวยมาก ทำให้เธอดูเป็นผู้หญิงที่สูสีกัน ไม่ต่างจากตอน Vesper Lynd เลย เป็นตัวละครบอนด์ที่มีเสน่ห์ที่สุด, Christoph Waltz วายร้ายมาดกวนมาน้อยแต่กวนประสาทใช้ได้ มีหลายๆฉากที่น่าจดจำ

เกร็ดจากหนังเรื่องนี้

  • ทีมงานเสียเวลาไป 2 ปีเพื่อรอ Sam Mendes กลับมากำกับหนังเรื่องนี้
  • แกรี่ โอลด์แมน เกือบได้เป็น ฟรานซ์ โอเบอร์เฮาว์เซ่น แต่ติดที่ว่าเขาไม่สะดวกจะเดินทางไปถ่ายหนังในหลายประเทศ
  • จริงๆแล้วเพลงประกอบหนังภาคนี้วง Radiohead ทำเอาไว้ แต่มาถูกเปลี่ยนเพราะบรรยากาศเพลงชวนง่วงนอน ก่อนจะถูกเปลี่ยนเป็น Sam Smith แทน