Sing Street (2016)

รักใครให้ร้องเพลงรัก

Sing Street Poster
9/10

คะแนน
โกดังหนัง

หนังที่เติมไฟให้ชีวิต มีแรงจะออกไปคว้าความฝันนั้นให้สำเร็จ
ขอเพียงแค่คุณลงมือทำอย่างจริงจัง ต่อสู้กับปัญหาความฝันคงไม่ไกลเกินเอื้อม

หมวดหมู่ : Drama Music Romantic
สัญชาติ : Ireland
กำกับโดย : John Carney
ความยาว : 1 ชั่วโมง 46 นาที
นักแสดงนำ : Ferdia Walsh-Peelo, Lucy Boynton

คำคมจากภาพยนตร์

"I'm gonna try and accept it and get on with it, and make some art."
"ความเจ็บปวด พยายามยอมรับ อยู่กับมัน สร้างให้เป็นศิลปะ"

เรื่องย่อ

คอสโมเด็กผู้ชายคน1 ย้ายโรงเรียนจากฝรั่งเศสมาไอร์แลนด์ เจอสภาพแวดล้อมใหม่ที่แตกต่าง ไหนจะต้องเจอเพื่อนนักเรียนที่ทำตัวใหญ่ เด็กเนิร์ด ครูเจ้าระเบียบที่มีกฏแปลกประหลาด ในสังคมชายล้วน นอกจากชีวิตในโรงเรียนก็พบเจอปัญหาทั้งเรื่องครอบครัวที่พ่อแม่กำลังแยกทาง เรียกว่าชีวิตเหมือนจะไม่พบแสงสว่าง กระทั่งมาพบหญิงสาวแสนสวยลุคนางแบบอย่าง ราฟีน่า กลายเป็นแรงบันดาลใจให้เด็กหนุ่มอยากจีบเธออย่างจริงจัง และทำวงดนตรีขึ้นมาเพื่อโน้มน้าวให้นางในฝันมาเล่นเอ็มวี และเรื่องราวการต่อสู้ของคอสโม่ก็เริ่มขึ้นทันที .

หนังเรื่องนี้เหมาะกับใคร

สำหรับ Sing Street มีความคล้าย Suck Seed พอสมควร แต่หนังไปหนักประเด็นความฝันมากกว่าจะไปอิงเรื่องความรักหรือเล่นดนตรีโชว์ผู้หญิง พระเอกอยากทำอะไรที่รู้สึกระบายความรู้สึกตัวเอง เพราะแวดล้อมที่เขาเจอมันไม่มีความสุข หนังย้ำเตือนให้เราได้ค้นหาความจริงว่าชีวิตควรทำตามฝันมากกว่าจะไปจำกัดกรอบตัวเองว่าต้องทนเพราะทำจนทำให้ชีวิตไม่มีความสุข เมื่อดูจบคุณจะมีความสุขกับสิ่งที่หนังสื่อสารมากๆเหมือนที่เรารู้สึก

  • สายหนังรักโรแมนติก
  • สายหนังที่ชอบดนตรีร็อค
  • สายหนังที่นึกถึงความหลังตอนมัธยม

รีวิว / สรุปเนื้อหา

หนังอาจจะไม่ได้อยู่ในสเกลใกล้เคียงกับ Begin Again และดูเหมือนว่าเนื้อหาจะปรับเปลี่ยนใหม่ ทิศทางของเลยออกไปแบบสร้างแรงบันดาลใจซะมากกว่า พระเอกที่อยู่ในแวดล้อมที่เซ็งจากครอบครัวที่พ่อแม่กำลังจะแยกทางกัน ประกอบกับสภาพเศรษฐกิจในไอร์แลนด์ก็ดูย่ำแย่ แวดล้อมในโรงเรียนมีแต่เพื่อนที่น่าเบื่อ ไม่น่าคบหา จากความเบื่อหน่าย พามาพบหญิงสาวในฝัน เลยเปลี่ยนชีวิตให้ คอสโม่ เลือกที่จะแสว่งหาสิ่งใหม่ผลักดันตัวเองตั้งวงดนตรี และจีบผู้หญิงที่หลงรักมาเป็นนางเอกเอ็มวีซะเลย

หนังอาจมีความคล้ายคลึงกับ SuckSeed ห่วยขั้นเทพ แต่พอถึงจุดหนึ่งแล้ว อารมณ์ของหนังมันคนละเรื่องกันเลย หนังมีคำว่าแรงบันดาลใจ คนที่แพ้เบื่อหน่ายกับปัญหารอบด้าน พอเจอความรักเข้ามาพระเอกก็ลุกขึ้นมาทำทุกสิ่งทุกอย่างเพื่อให้ได้ใกล้ชิดคนที่เขารักแบบไม่มีข้อแม้ พระเอกเลือกที่จะรักนางเอกด้วยความบริสุทธิ์ใจแม้ว่าลึกๆแล้ว เป็นคนที่ได้แค่แอบรัก เพราะเธอมีคนที่รักและมีฝันที่อยากได้ แต่เขาก็เลือกที่จะซ่อนความรู้สึกดีๆกับเธอเอาไว้ก่อน เพื่อรอให้ถึงเวลาที่เหมาะสม แม้ลึกๆแล้วเขาจะเจ็บปวดแต่ก็มีความสุข หนังพยายามทำให้เรารู้สึกว่ามันมีทั้ง happy sad ชวนจุกน้ำตาไหล เป็นความสมบูรณ์ของอารมณ์ที่มนุษย์ทุกคนควรจะมี

หนังบิ้วอัพใช้ฉากหลังเป็นยุค 80 ช่วงเวลาที่วงดนตรีมากมายเริ่มทำเอ็มวีกันอย่างจริงจัง มันเหมือนทำให้ผู้ชมที่เกิดหรือเติบโตในยุคนั้นย้อนกลับไปดู โฆษณา หรือเอ็มวีเก่าๆ แฟชั่นเครื่องแต่งกายที่สีสันจัดจ้าน กลายเป็นเสน่ห์ของหนังชุดนี้ไปเลย นอกจากเสื้อผ้าหน้าผมของนักแสดง จุดสำคัญข้อสุดท้ายคือเพลงประกอบของหนังเพราะมาก แม้ว่าจะไม่ได้ดังเหมือนใน Begin Again แต่ให้อารมณ์ร่วมกับคนดูได้ เนื้อหาเพลงสามารถขับเคลื่อนในเข้ากับหนังได้จริงๆ เพลงดีทั้งช้าและเร็ว สอดแทรกประเด็นมากมายที่สรุปในตอนท้าย

เกร็ดจากหนังเรื่องนี้

  • หนังสร้างมาจากเรื่องจริงของผู้กำกับ John Carney
  • John Carney จะไม่สร้างหนังเรื่องนี้ ถ้าหาก Ferdia Walsh-Peelo ไม่ได้แสดงนำ