Sex Education 3 (2021)
เพศศึกษา (หลักสูตรเร่งรัก)
คะแนน
โกดังหนัง
สนุกมากเนื้อหาทรงพลังไม่ทำให้ผิดหวัง ไม่แปลกใจเลยที่แฟนๆหลงรักเรื่องนี้ หวังว่าจะไม่จบแค่นี้ ใครที่คิดเยอะแนะนำให้ไปดูเถอะรับรองสนุกแน่ เพราะเรื่องนี้มีมากกว่าประเด็นเรื่องเซ็กซ์จริงๆ
คำคมจากภาพยนตร์
" ถ้านายรักใคร ก็ควรบอกเขาไปว่ารัก เพราะมันอาจสายเกินไป"
If you love someone just tell them..... because it may be too late
เรื่องย่อ
โอทิส มิลเบิร์น เด็กหนุ่มไฮสคูล ที่ไร้ซึ่งประสบการณ์ทางเพศ แต่ด้วยความที่ จีน แม่ของเขานั้นเป็นนักบำบัดทางเพศชื่อดัง จนทำให้เขานั้นซึมซับข้อมูลเรื่องเพศเข้ามามากมายโดยไม่รู้ตัว จนทำให้วันหนึ่งเขาได้พบกับ อีก สาวสุดเปรี้ยวที่มีชื่อเสียในโรงเรียน จึงมาร่วมมือกันในการวางตัวเป็นที่ปรึกษาเรื่องเพศในโรงเรียนของเขา จนเกิดเรื่องวุ่นๆ ตามมา ทำให้เขาคิดว่าบางทีตัวเขาเองก็เป็นคนที่มีปัญหาเรื่องเพศอยู่ไม่น้อยเลย
หนังเรื่องนี้เหมาะกับใคร
สำหรับ Sex Education 3 คือซีรีส์ที่ครองใจผู้ชมไปทั่วโลก ตีแพร่แง่มุมประเด็นความรักเรื่องเพศสัมพันธ์วัยรุ่นได้ชัดเจนมีความเป็นกลางเข้าใจโลกมากขึ้น พัฒนาการในแต่ละซีซั่นจึงดีขึ้นเรื่อยๆ จึงๆแล้วเนื้อหาไม่ได้มีแค่เรื่องเซ็กซ์อย่างเดียว แต่ยังมอบมุมมองความรักเพศสัมพันธ์ที่ถูกที่ควรว่าเป็นอย่างไร ตรงนี้แหละที่ทำให้ทะลายกำแพงความอคติของผู้ใหญ่ที่มีแต่เรื่องนี้กับเด็กวัยเรียน แถมยังสอดแทรกแง่มุมอื่นๆที่ดูแล้วสนุกตลก คอที่ชอบความตลก หนังแนววัยรุ่นไม่ควรพลาด
- สายหนังคอเมดี้
- สายหนัง Coming Of Age
- สายหนังที่เสียดสีสังคม
รีวิว / สรุปเนื้อหา
เราชอบที่ซีรีส์เรื่องนี้สามารถสะท้อนปัญหาความจริงในสังคมออกมาได้ดีเป็นธรรมชาติ เราว่าทีมงานพบเห็นถึงปัญหามากมายและหยิบออกมาเล่าได้สนุกมีความร่วมสมัย ผู้ใหญยังคงมองเด็กวัยเรียนอ่อนเกินไปจะมายุ่งกับเรื่องเพศสัมพันธ์ประเด็นความรัก ซีรีส์จึงพาเราไปสำรวจตัวละครแต่ละคนก่อนที่พวกเขาเผชิญหน้ากับปัญหาว่าแต่ละคนจะจัดการกับปัญหาความรักความสัมพันธ์ออกมายังไงดี พัฒนาการของตัวละครทุกตัวจึงเติบโตขึ้นเป็นผู็ใหญ่มากขึ้นเข้าใจชีวิต และพยายามประคับประคองความรักออกมาให้ดีขึ้น สิ่งที่รู้สึกโอเคคือทีมงานพยายามเติมเต็มมุมมองเพศศึกษา โดยการใส่ตัวละครใหม่คือครูใหญ่คนใหม่ที่ต้องการขจัดปัญหาเรื่องเซ็กซ์ในวัยเรียน กู้ภาพลักษณ์ที่ดีให้โรงเรียน ยอมรับเลยว่าเธอเองช่วยมาทำให้เรื่องราวสนุกมากขึ้นกว่าเก่า
ประเด็นเพศศึกษาในซีซั่นนี้ถ้าเป็นฉากเซ็กซ์เพศสัมพันธ์ ซีนอีโรติกมีน้อยมาก ไม่ได้เหมือน 2 ซีซั่นแรก แต่เลือกที่จะถ่ายทอดแง่ดีๆการนำเสนอมุมมองเรื่องเซ็กซ์ หรือความหลากหลายทางเพศมากกว่าซีซั่นก่อนๆ จะเน้นหนักไปทางดราม่าของแต่ละตัวละคร ภาพที่ออกมาเลยอาจไม่ถูกอกถูกใจผู้ชมมากหนัก แต่เรากลับรู้สึกว่า การถ่ายทอดความรักทำออกมาดี ไม่ว่าจะเป็นความรักความสัมพันธ์ในแบบชายรักชายที่ไม่ต้องโป๊ แต่ก็งดงามได้ และมันก็ไม่ได้แปลกแยกเลยสักนิด หากความรักความรู้สึกของพวกเขาทำออกมาจากใจ ซีซั่นนี้มีฉากฮาให้เราได้ขำกร๊ากกันเพียบสร้างสีสีนได้มากโขตั้งแต่ตอนแรกไปจนถึงตอนที่ 8 มันเลยเป็นความรู้สึกสนุกที่เรารับรู้ว่ามันเป็นเรื่องธรรมชาติที่ดูแล้วเข้าใจและจับต้องได้จริงๆ แถมยังพยายามจะสอดแทรกความรู้ แง่คิดในเรื่องของทั้งเซ็กซ์ ความสัมพันธ์ และความหลากหลายทางเพศให้ผู้ชมได้เข้าใจให้ดียิ่งขึ้นกว่าเดิม เพราะ Message ในซีซั่นนี้คมคายมาก
ส่วนในพาร์ทนักแสดง เราคิดว่าคุณภาพไม่มีตกหล่น Asa Butterfield ยังคงแบกเรื่องราวได้น่าสนใจ ฝีมือการแสดงของเขายอดเยี่ยม เมื่อสมทบ Otis เขามีเสน่ห์มากๆ เอาง่ายๆเราเฝ้ารอตัวละครนี้อยู่ตลอดเวลา ด้าน Emma Mackey แม้ฉากเข้าคู่กับ Asa จะมีไม่เยอะ แต่เรารู้สึกว่าเธอนิ่งเยือกเย็นสื่อสารคาแรกเตอร์ตัวเองออกมาได้ดี ไม่ว่าจะเป็นในพาร์ทตอนเป็นนักเรียนหรือใช้ชีวิตในบ้านเธอทำได้ดีมาก จะรู้สึกเสียดายมากถ้าเธออำลาบทนี้ไป ส่วน Ncuti Gatwa เราชอบที่เขาเข้าฉาก สื่อสารบทชายรักชายได้ดีเข้าใจหัวอกคนที่เป็น LGBT การที่เขาเป็นเพื่อนซี้กับ Otis เข้าฉากร่วมกันกลายเป็นเพื่อนแท้ที่มีเคมีลงตัวมาก ไม่กล้าพูดเยอะมากเราอยากให้เพื่อนไปดูกันเองไม่งั้นเดี่ยวเราจะเข้าข่ายสปอยล์ได้
เกร็ดจากหนังเรื่องนี้
- ซีรีส์เรื่องนี้ถ่ายทำในช่วงโควิด 19 ระบาดพอดี
- Laurie Nunn เลือกจะลดฉากเพศสัมพันธ์เพื่อถ่ายทอดมุมมองตัวละครที่เติบโตขึ้นตามวัย