Quantum of Solace (2008)
007 พยัคฆ์ร้ายทวงแค้นระห่ำโลก
คะแนน
โกดังหนัง
อาจเป็น 007 ที่ดูแย่ในยุค Craig แต่ความจริงเนื้อหาค่อนข้างดี แค่บทหนังไม่ได้เร้าใจอย่างที่แฟนๆอยากให้เป็น มีความดิบเถื่อนมาในรูปแบบหนังล้างแค้น
หมวดหมู่ : | Action |
สัญชาติ : | American |
กำกับโดย : | Marc Foster |
ความยาว : | 1 ชั่วโมง 46 นาที |
นักแสดงนำ : | Daniel Craig, Olga Kurylenko, Mathieu Amalric |
คำคมจากภาพยนตร์
"When you can't tell your friends from your enemies it's time to go."
“ถ้าแยกแยะมิตรกับศัตรูไม่ออกเมื่อไหร่ ก็จบ"
เรื่องย่อ
หลังจากถูกเวสเปอร์หญิงสาวที่เขารักหักหลัง 007 พยายามต่อสู้กับแรงกระตุ้นที่จะทำให้ภารกิจล่าสุดของเขากลายเป็นเรื่องส่วนตัว ด้วยความมุ่งมั่นที่จะเผยความจริง บอนด์ สืบหาความจริงและแกะรอยผู้ทรยศ ในหน่วย MI6 ไปยังบัญชีธนาคารในเฮติ ซึ่งความเข้าใจผิดทำให้บอนด์ได้รู้จักกับสาวสวยมากพิษสง คามิลล์ หญิงสาวที่มีเพลิงแค้นสุมใจเช่นเดียวกัน คามิลล์นำบอนด์ไปหา โดมินิค กรีน นักธุรกิจเขี้ยวลากดิน ซึ่งเป็นตัวหมากสำคัญในองค์กรลึกลับนี้ ซึ่งสมคบคิดวางแผนการควบคุมแหล่งทรัพยากรที่สำคัญที่สุดของโลกแห่งหนึ่ง บอนด์ได้ผูกมิตรกับสหายเก่าในสงครามเพื่อเปิดเผยความจริงในครั้งนี้
หนังเรื่องนี้เหมาะกับใคร
สำหรับ Quantum of Solace อาจไม่ใช่ 007 ที่แฟนๆชื่นชอบสักเท่าไหร่ในยุคของ Daniel Craig บทหนังสั้นเนื้อหากระชับ ไม่ได้มีลูกเล่นอะไรเยอะ เป็นภาคต่อที่หวังจะล้างแค้นจาก Casino Royale ที่คุณภาพกร่อยไปสักหน่อย หนังเน้นไปยังฉากแอ็คชั่นที่ให้พระเอกแก้ปัญหาเฉพาะหน้า ทั้งฉากสู้แบบระยะประชิด ฉากบนบก ฉากในน้ำ หรือฉากกลางอากาศ หรือฉากสุดท้ายที่ปิดเรื่องได้มันส์สะใจ ภาพรวมเป็น Bond ที่ดุดันไม่เกรงใจใครเน้นใช้อารมณ์ซะเยอะ
รีวิว / สรุปเนื้อหา
หนังภาคนี้มุ่งเน้นไปยังประเด็นการแก้แค้นการล้างแค้นของ บอนด์ โดยเฉพาะแน่นอนว่า หนังยังพูดถึงการที่สายลับหนุ่มเน้นใช้อารมณ์แก้ปัญหา มุทะลุดุดัน เลือดร้อน บุ่มบ่าม หนังฉลาดที่จะเอาจุดบอดของ 007 มาเล่นเหมือนเดิม ก็เน้นย้ำอยู่หลายๆ ครั้งว่า เมื่อใดก็ตามที่เขาเอาความเจ็บแค้นส่วนตัวไปพัวพันกับภารกิจเพื่อส่วนรวม ก็อาจนำความยุ่งยากหรือแม้แต่ความผิดพลาดในปฏิบัติการให้เกิดขึ้นตามมา เพียงแต่ว่าเขาดูจะเติบโตขึ้นจากตอน Casino Royale บทค่อยๆกระจายเรื่องราวจากองค์กรควอนตั้มที่ส่งคนเข้าไปแทรกซึมองค์กรโน่นองค์กรนี่ แบบที่แอบเข้ามาใน MI6 ยิ่งทำให้ตัวบอนด์พบกับปริศนามากมายที่เขาต้องการคำตอบ ใครอยู่เบื้องหลังคนที่หักหลังอดีตคนรักของเขา ภาคนี้ทำให้เราได้เห็นวิธีคิดของบอนด์ที่ดูจะยังแยกแยะเรื่องงายกับเรื่องส่วนตัวไม่ออก เขาโดนเจ้านายตัวเองตักเตือนเป็นประจำ เพราะความบุ่มบ่ามเลือดร้อนเจ้าอารมณ์ บทหนังก็อัดฉากแอ็คชั่นมาเป็นระยะ ไม่แปลกใจถ้าหนังดีในแง่ของฉากแอ็คชั่น เพราะเบื้องหลังพระเอกคนดังต้องเล่นฉากสตั๊นแก้ปัญหาเฉพาะหน้าเองหลายฉาก เพราะบทหนังใช้เวลาเขียนในกองถ่ายแค่ 2 ชั่วโมงเท่านั้น
Bond ในภาคนี้เลยดูสะบักสะบอมมีบาดแผลทั้งภายนอกและภายใน เขาทำงานแต่องค์กรก็ไม่เชื่อใจเพราะความดื้อรั้น ภาพของเขาจึงออกไปแนวทาง Anti-Hero ที่ดูเข้าใกล้ความเป็นมนุษย์มากกว่าเจมส์ บอนด์คนอื่นๆ ไม่ได้เป็นเพลย์บอยเข้าหาผู้หญิงไปเรื่อยๆ หนังภาคนี้นำความแปลกใหม่มาสู่แฟรนไชส์เช่นการไร้ธรรมเนียมประโยคเปิดตัว My name’s Bond, James Bond, ไม่มีประโยคสั่งวอดก้า มาร์ทินี่เขย่าแต่ไม่คน ฯลฯ) แบบที่เราจะได้ยินได้ฟังจนชินจาก 007 ภาคอื่นๆ ไม่มีอุปกรณ์ไฮเทคมาช่วยชีวิต รถสปอร์ตหรูๆของเล่นเยอะก็ไม่มีเน้นสกิลเตะต่อย สกิลเอาตัวรอดโดยเฉพาะดูก็รู้ว่าได้อิทธิพลจาก Jason Bourne ของ Matt Damon มาเต็มๆ ค่อนข้างชอบการเลือกโลเคชั่นถ่ายทำ บรรยากาศที่โบลิเวียจำลองเป็นประเทศด้อยพัฒนา, เฮติ, ออสเตรีย ที่ไปที่ไหนมีฉากแอ็คชั่นสวยๆเพียบ ส่วนซาวด์ประกอบ Another Way to Die ของ Alicia Keys & Jack White ที่ซาวด์อลังการนอกจากจะเป็นเพลงเปิดเรื่องที่เร้าอารมณ์มากๆยังช่วยปูทางเพื่อผู้ชมก่อนจะเข้าสู่เนื้อหาหนัง
ในด้านของนักแสดงหลักๆ นอกไปจาก Daniel Craig ที่เล่นบทพระเอกบ้าดีเลือด เล่นเองจนได้แผลกลับบ้าน ทุ่มเทตอนแทนความไว้วางใจ MGM นายทุนหนังที่เลือกเขามาเป็น 007 ตัวร้ายในเรื่องอย่าง Mathieu Amalric ก็เล่นดีมากสอบผ่านแบบไร้ข้อกังขากับการเป็นคู่ปรับ 007 ในภาคนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ความดุร้ายที่ส่งผ่านสายตาของเขานั้น ถือว่ากินขาด โดยไม่จำเป็นต้องวางมาดให้น่าเกรงขาม คุยโวคุยโม้แบบวายร้าย 007 ยุคก่อน มีเงินแก้ปัญหาจับมือคนเลวแค่นี้ก็พอแล้ว ส่วน Judi Dench เป็นเจ้าหน้าที่มีบทบาทมากกว่า M คนก่อนๆ ที่เป็นครูค่อยตักเตือนสั่งสอน Bond เป็นคนที่ดูสุขุมและน่าเชื่อถือ สมบทบาทหัวหน้า MI6 ขณะที่สาวบอนด์คนใหม่อย่าง Olga Kurylenko ถือว่าเปิดตัวได้ดีในบทของ คามิลล์ หญิงสาวที่มาพร้อมกับความปวดร้าวในอดีต เธอชนะ Gal Gadot มาเลยได้บทนี้ไปครอง
เกร็ดจากหนังเรื่องนี้
- Daniel Craig ต้องเล่นฉากสตั๊นเอง
- Paul Haggis มือเขียนบทหนังจาก Casino Royale ใช้เวลา 2 ชั่วโมงเขียนบทในกองถ่ายให้
- หนังถ่ายทำแบบไม่มีบทเพราะ 2 มือเขียนบท Neal Purvis Robert Wade ไปประท้วงองค์กร Writers Guild of America
- Gal Gadot มาแคสต์บท Camille Montes แต่ Olga Kurylenko ได้บทไปครอง
- Camille Montes เป็นสาว Bond คนเดียวในแฟรนไชส์ที่ไปทำภารกิจพร้อม 007 แต่ไม่ได้มีเพศสัมพันธ์
- Daniel Craig ไม่ชอบหนังภาคนี้มาก