เรื่องย่อ

เรื่องราวของครอบครัวชนชั้นล่างของกรุงโซล ที่ต้องเผชิญกับความยากลำบาก แต่วันนึง คิมกีวู ลูกชายคนเล็กของบ้านก็ได้มีโอกาสได้เข้าไปเป็นครูสอนภาษาอังกฤษ ให้กับบ้านของครอบครัวเศรษฐีหลังหนึ่ง หลังจากได้รับเงินค่าสอนก้อนแรกมาเป็นจำนวนมาก จึงเกิดความที่คิดที่ว่า สถานที่แห่งนี้น่าจะเป็นบ่อเงินให้กับครอบครัวได้ไม่ยาก จึงชักชวนบรรดาสมาชิกในครอบครัวทยอยเข้ามาทำงานในบ้านหลังนี้ เพื่อสร้างรายได้ที่มากขึ้นจากสภาพชีวิตที่เป็นอยู่ พวกเขาจึงกลายเป็นเสมือนสิ่งแปลกปลอมที่คอยสูบเงินในบ้านเหมือนอย่าง ปรสิต นั่นเอง

หนังเรื่องนี้เหมาะกับใคร

สำหรับ Parasite นั้น ไม่มีเหตุผลที่จะไม่แนะนำหนังเรื่องนี้กับใคร เพราะคิดว่าหนังน่าจะเหมาะกับทุกคนที่ยังอยู่ในประเทศที่มีความเหลื่อมล้ำสูงเช่นนี้ คิดว่าตอนดูแต่ละคนน่าจะสนุกและอินกับประเด็นของหนังได้ไม่ยาก ยิ่งเราสนใจประเด็นสังคมมากแค่ไหนก็จะยิ่งเห็นภาพของความเหลื่อมล้ำได้ชัดเจนยิ่งขึ้นและสามารถสนุกไปกับหนังได้อย่างเต็มที่เลย นอกจากนี้เรายังได้เห็นการพัฒนาของอุตสาหกรรมหนังเกาหลีที่ไปได้ไกลจนถึงเวทีออสการ์แบบนี้ คงเป็นอนาคตที่น่าจับตามองไม่น้อย ส่วนใครที่ชอบผลงานเก่าๆ ของบงจุนโฮ ที่ยังคงเป็นดราม่าเสียดสีเรื่องชนชั้นอย่างดี อย่าง Memories of Murders, Mother แล้ว Parasite คืองาน Masterpiece ของเขาเลย

• สายหนังรางวัลคุณภาพ
• สายหนังเกาหลี
• สายหนังดราม่าเสียดสีสังคม

รีวิว / สรุปเนื้อหา

อีกหนึ่งหนังที่ถูกพูดถึงกันอย่างกว้างขวางตั้งแต่ได้ไปโลดแล่นบนเวทีออสการ์ และสามารถคว้ารางวัลใหญ่ๆ กลับมาได้มากมาย จนสร้างประวัติศาสตร์ให้กับวงการภาพยนตร์เกาหลี และสะท้อนถึงการเปิดรับวัฒนธรรมที่หลากหลายของออสการ์ที่ค่อนข้างหัวอนุรักษ์นิยมมายาวนานสู่ศักราชใหม่ได้เป็นอย่างดี (หลังจากก่อนหน้าเน้นแต่หนังคนผิวสี) ด้วยประเด็นชนชั้นที่เล่าออกมาได้อย่างเข้มข้น แปลกใหม่ ไม่มีใครทำมาก่อน แต่จริงๆ แล้วก็นับเป็นงานถนัดของผู้กำกับ Bong Joon Ho ที่เน้นเสียดสีในเรื่องของชนชั้นและระบบทุนนิยมมาโดยตลอดอยู่แล้ว เพราะในหนังทุกเรื่องของเขาจะต้องมีแทรกประเด็นนี้เข้ามาอยู่เสมอ แม้ว่าจะมีพล็อตเรื่องที่เหนือชั้นขนาดไหน แต่หัวใจของเรื่องราวก็ยังหนีไม่พ้นเรื่องเหล่านี้อยู่เสมอ ไม่ว่าจะเป็นหนังสัตว์ประหลาดอย่าง The Host หรือหนังรถไฟหลังโลกล่มสลายอย่าง Snowpiercer ก็ตาม ซึ่งสำหรับ Parasite นั้น ก็มีความแตกต่างออกไปจากหนังเสียดสีชนชั้นเรื่องอื่นๆ อยู่เหมือนกัน

เพราะโดยปกติแล้วหนังที่ว่าด้วยเรื่องของชนชั้น คนรวยมักถูกโยนภาพร้ายๆ ให้เสมอ ในขณะที่คนจน มักจะเป็นคนดีแบบหนังแนวนี้ แต่สำหรับ Parasite เส้นแบ่งของความดีและเลว ไม่ได้ใช้ฐานะความจนความรวยเข้ามาเป็นตัวตัดสิน แต่ตัวหนังเองก็สร้างพฤติกรรมความเป็นมนุษย์ที่เป็นสีเทาให้เกิดขึ้นสำหรับทั้งสองฝั่ง ซึ่งแม้ว่าในช่วงต้นเรื่องนั้น โลกของคนรวยกับคนจนจะดูเหมือนเป็นเส้นขนาน ที่ต่างคนต่างใช้ชีวิตเป็นของตัวเอง แต่หนังก็ทำภาพการหลอมรวมคนสองสถานะให้เข้ามาอยู่ด้วยกัน และได้เห็นมุมมอง ทัศนคติของสองชนชั้นออกมาได้อย่างเฉียบคมน่าสนใจ อีกทั้งการออกแบบงานด้านภาพ ก็ยิ่งสร้างจุดแบ่งระหว่างคนรวยและคนจนได้อย่างชัดเจน จากการใช้เส้นต่างๆ ในการตัดแบ่งกลุ่มตัวละคร ก็นับว่าเป็นการใส่รายละเอียดลงไปได้น่าสนใจมากๆ

แม้ว่า Parasite จะเป็นหนังที่เดินหน้ากวาดรางวัลมาทั่วทุกสารทิศ แต่ตัวหนังเองก็ไม่ได้ดูยากถึงขนาดต้องปีนบันไดดู และไม่ได้ต้องตีความอะไรให้มากนัก กลับกันมันยังวางตัวเป็นหนังที่ดูง่าย และเข้าถึงง่าย สำหรับหลายๆ คนที่น่าจะเห็นสภาพความเหลื่อมล้ำที่เกิดขึ้นรอบตัวในสังคมปัจจุบันนี้อยู่แล้ว แถมมันยังเล่าออกมาได้สนุก มีความสดใหม่ของตัวบท ที่ทำให้คาดเดาอะไรแทบไม่ได้สักอย่าง ตั้งแต่ต้นเรื่องไปยังจบก็ยังมีการสับขาหลอกคนดูในหลายต่อหลายครั้ง จนกลายเป็นหนังทริลเลอร์ ตลกร้ายสุดเฉียบ จนเรียกได้ว่าเป็นอีกหนึ่ง “นิพพาน” สำหรับการดูหนังเลยทีเดียว สมแล้วที่โกอินเตอร์ไปได้ขนาดนี้