Nobody 2 (2025)

คนธรรมดานรกเรียกพี่ 2

Nobody 2 Poster
8/10

คะแนน
โกดังหนัง

ยกระดับความมันส์เต็มสูบ ตลกร้าย กวนตีนมากกว่าเก่า

หมวดหมู่ : Action Comedy
สัญชาติ : American
กำกับโดย : Timo Tjahjanto
ความยาว : 1 ชั่วโมง 29 นาที
นักแสดงนำ : Bob Odenkirk, Connie Nielsen, John Ortiz

คำคมจากภาพยนตร์

"When life deals a tough hand, it's the good memories that sustain us and help us move on."
"เวลาชีวิตเจอเรื่องหนักๆ ความทรงจำดีๆ นี่แหละ ที่จะคอยพาเราก้าวเดินต่อไป"

เรื่องย่อ

ฮัทช์ แมนเซลล์ นักฆ่าที่เพิ่งสร้างเรื่องกับแก๊งค์มาเฟียรัสเซีย ตัดสินใจพาครอบครัวไปพักผ่อนที่เมืองท่องเที่ยวเล็กๆ ชื่อพลัมเมอร์วิลล์ แต่ไม่นานเขาก็พบว่าตัวเองตกเป็นเป้าสายตาของผู้ประกอบการสวนสนุกที่ฉ้อฉล นายอำเภอผู้ชั่วร้าย และหัวหน้าแก๊งค์อาชญากรรมผู้โหดเหี้ยม

หนังเรื่องนี้เหมาะกับใคร

ในโลกยุคใหมที่เต็มไปด้วยหนังแอ็คชั่นล้างแค้นสไตล์แบบ John Wick ที่ตัวละครมักจะต้องไปเกี่ยวโยงกับมาเฟีย อันธพาล องค์กรอะไรสักอย่าง แล้วตัวละครต้องมีความแค้นความหลังฝั่งใจมาก่อน แต่เรื่องนี้ในภาคแรกก็เป็นแบบนั้น แต่พอภาค 2 ทิศทางวิธีการเล่าเรื่องกลับเปลี่ยนแปลงไปทันที ความตลกร้าย มักตลกจังหวะนรกถูกใส่เข้ามาผ่านการปรุงแต่งโดย Timo Tjahjanto นักทำหนังชาวเยอรมันเชื้อสายอินโดนีเซีย ที่สร้างงานมันส์ๆมาบ้านเกิดมานับไม่ถ้วน มันเลยมีความแปลกใหม่ สนุกและมันแตกต่างจาก John Wick อย่างสิ้นเชิง มันคือทิศทางใหม่ที่น่าคารวะกับการสร้างสรรค์ที่พิสูจน์แล้วว่าหนังยังมีหนทางไปต่อได้อีกไกล

รีวิว / สรุปเนื้อหา

ภาคแรกประสบความสำเร็จแบบเหนือความคาดหมายนักฆ่าคนเลี้ยงแมวที่มีสูตรสำเร็จแบบ John Wick เผลอไปมีเรื่องกับแก๊งค์รัสเซีย แต่รอบนี้ พอหนังเจอผู้กำกับที่ถูกคนอย่าง Timo Tjahjanto มันเลยกลายเป็นว่าทิศทางของเรื่องราวทั้งหมด มันดูผ่อนคลายตลกร้าย มีจังหวะนรกที่เรียกเสียงฮาให้ผู้ชมเป็นระยะ บวกกับศิลปะการต่อสู้ฉากแอ็คชั่นที่มีความดิบเถื่อน มันเป็นหนังแอ็คชั่นที่ลบภาพจำเจแบบเทรนด์หนังสไตล์แบบ John Wick และมีความเป็นตัวของตัวเองสูง จากวันธรรมดาแค่อยากพักร้อนอยากพักผ่อน กลายเป็นการเปิดศึกกับมาเฟียท้องถิ่น เจ้าหน้าที่รัฐที่ไม่สนกฏเกณฑ์อะไร และหัวหน้าแก๊งค์อาชญากรรมผู้โหดเหี้ยมทื่ไม่สนใจอะไรใครเห็นต่างกำจัดมันอย่างเดียว หนังทำออกมาได้บันเทิง อร่อยเหาะแตกต่างจากภาคแรก

การมีผู้กำกับที่ช่ำชองงานแอ็คชั่นแบบดิบเถื่อน ทำให้หนังได้เห็นฉากการต่อสู้ที่สร้างสรรค์ มีศิลปะที่มีจุดเด่น ชายธรรมดาที่มีความโกรธแค้น ที่ลูกโดนรังแกกลายเป็นว่าออกไปเล่นงานไล่ล่า มาเฟียท้่องถิ่น คนถือกฏหมายที่ฉ้อฉล เราได้เห็นคิวบู๊ที่สยดสยองแต่ในเวลาเดียวกันก็เอาความกวนๆตลกร้ายที่ผสมผสานออกมาได้อย่างลงตัว หนังยังคงรักษาเสน่ห์ของตัวเองเอาไว้ มีการวางโครงเรื่องที่ดี มีความโรแมนติกมีความบ้าบิ่น พอได้สัมผัสความมันส์บนจอยักษ์มันสนุกมาก หนังเสิร์ฟในแบบที่คนดูต้องการ ยกระดับจากภาคแรกไปไกล ต่อยอดได้ดีจากรากฐานเดิม


การแสดงของ Bob Odenkirk คือหัวใจสำคัญของเรื่องราวชายธรรมดาที่เปลี่ยนวันพักร้อนตัวเองกลายเป็นสังเวียนไล่ล่าไล่ฆ่าโดยไม่กลัวใครหน้าไหน หัวหน้าครอบครัวที่บ้าระห่ำ ที่กลายเป็นนักฆ่าผู้โหดเหี้ยม แบกเรื่องราวได้อย่างเมามันส์ หนังหาไม่ได้เล่นท่ายาก รู้ศักยภาพตัวเองอยู่ประมาณไหน ด้าน Sharon Stone ในบท เจ้าแม่มาเฟียผู้ชั่วร้าย ที่เปิดตัวได้โหดเหี้ยมดุดันน่าเกรงขาม, Colin Hanks ตำรวจในคราบมาเฟียที่ฉ้อฉลที่ตลอดทั้งเรื่องมาคุยโวโอ้อวด, John Ortiz มาเฟียท้องถิ่นที่ทำหน้าที่เจ้าของสวนสนุก หนังยังสอดแทรกตัวละครขโมยซีนไว้เยอะมากๆ ถ้าจะมีอะไรที่น่าเสียดาย คือหนังมีเวลาน้อยเกินไป 90 นาทีเท่านั้น มันเลยทำให้เนื้อหาเน้นความมันส์รวดเร็วแบบหนังแอ็คชั่นเกรดบี น่าเสียดายที่จังหวะหนังทำออกมาดีแล้ว ตลกร้ายที่ผสมกับความเป็นแอ็คชั่นมันถูกปรับแต่งได้เข้าท่ามากๆ

เกร็ดจากหนังเรื่องนี้

  • Timo Tjahjanto นักทำหนังอินโดนีเซีย ได้กำกับเรื่องนี้เพราะ Bob Odenkirk ชื่นชอบงานเป็นการส่วนตัว
  • Ilya Naishuller ผู้กำกับจากหนังภาคแรกไม่ได้กลับมาเพราะติดงาน Heads of State