Moonfall (2022)
วันวิบัติ จันทร์ถล่มโลก
คะแนน
โกดังหนัง
ที่สุดแห่งความวินาศสันตะโรหายนะดวงจันทร์ถล่มโลก งานภาพ CGI ออกแบบมาได้เนียนตา ไอเดียเว่อร์วังอลังการมาก เหมือนดูหนังไซไฟผสมผสานกับหนังหนีตายยังไงยังนั้นเลย
คำคมจากภาพยนตร์
"I want you to have a world to grow up in, for you to become a better person than me." "พ่ออยากให้ลูกมีโลกไว้เติบโต ให้ลูกได้เป็นคนที่ดีกว่าพ่อ"
เรื่องย่อ
ไบรอัน ฮาร์เปอร์ อดีตนักบินอวกาศที่เคยบาดหมางกับนาซาจำต้องกลับมาร่วมภารกิจกับ โจซินดา ฟาวล์ อดีตเพื่อนร่วมงานของเขาอีกครั้ง โดยการทำภารกิจปกป้องโลกในครั้งนี้ พวกเขาได้ตัว เคซี เฮาส์แมน หนุ่มเนิร์ดที่ค้นพบว่าดวงจันทร์เปลี่ยนเส้นทางโคจรและกำลังจะพุ่งชนโลกนำความวิบัติมาสู่ทุกชีวิต ชะตากรรมของโลกจึงอยู่ในมือของพวกเขา
หนังเรื่องนี้เหมาะกับใคร
สำหรับ The Day After Tomorrow นั้น เหมาะกับคนที่ชอบหนังประเภทภัยพิบัติ ภัยธรรมชาติถล่มโลก หรือการเอาชีวิตรอดของตัวละครได้เป็นอย่างดี ด้วยฉากเล่นใหญ่หลายๆ ฉากที่พาไปถึงในระดับโลกล่มสลาย ที่แม้ว่าจะดูมีความแฟนตาซี แต่ก็สร้างความตื่นเต้นชวนลุ้นระทึกได้อยู่ไม่น้อย หากใครที่ชอบหนังทำลายล้างโลกในแบบ 2012, Geostorm หรือ San Andreas แล้ว ก็น่าจะชอบหนังวิกฤตโลกร้อนที่รวมฉากมหันตภัยแบบครบรสในเรื่องนี้ได้เช่นกัน
- สายหนังภัยธรรมชาติถล่มโลก
- สายหนังเอาชีวิตรอด
- สายหนังโลกแตก
รีวิว / สรุปเนื้อหา
หลังจากที่ Roland หายหน้าหายตาไปจากการสร้างสรรค์หนังหายนะทำลายล้างโลกไปนานนับตั้งแต่ ID4 ภาค 2 เมื่อปี 2016 ในที่สุดเขาก็หอบไอเดียหนังสไตล์ที่คุ้นเคยกลับมาอีกครั้ง เมื่อทำเอเลี่ยนบุกถล่มโลกไปแล้ว น้ำท่วมโลกก็ทำมาแล้ว ก็อตซิลล่าบุกโลกก็ทำมาแล้ว รอบนี้เลยเล่นใหญ่แหกทุกกฏวิทยาศาสตร์เอาดวงจันทร์มาถล่มโลกซะเลย หนังออกจะเว่อร์ไปหน่อย แต่ไอเดียแนวคิดการสร้างสรรค์ของเขายังคงบ้าคลั่งเหมือนเดิมเล่นใหญ่พังทุกอย่างให้พินาศไปหมด ความสนุกของหนังเรื่องนี้อยู่ที่ฉากทำลายล้างโลกในหนังที่มาแต่ละซีนได้ลุ้นได้เสี่ยวอยู่ตลอดเวลา ไม่ต้องหาตรระกะอะไรมาให้มากความขยี้ไม่ให้เหลือซาก งานภาพคือจุดขายของหนังภาพสวยมาก ฉากน้ำท่วมเอาซะเนียนตา ฉากอวกาศบนดวงจันทร์ก็อย่างกับหลุดไปอยู่นอกโลกจริงๆ ผู้กำกับขาวเยอรมันเนรมิตสร้างฉากภัยพิบัติได้ตามสั่ง เล่นใหญ่เล่นโต คนที่ชอบดูหนังฟอร์มยักษ์น่าจะดูสนุกสนานโดยไม่ต้องไปหาเหตุผลอะไรให้มาก เพราะรายละเอียดหลักของหนังเน้นความบันเทิงพอหนังอยู่ในสเกลใหญ่จอยักษ์องค์ประกอบมันดูลุ้นระทึกไปเลยจ้า
นอกเหนือจากความมันส์ความสนุกแล้ว เนื้อหาหนังเองก็ยังสอดแทรกประเด็นรองลงไปให้เราได้คิดตาม เวลาเกิดภัยพิบัติเรามักจะเจอเรื่องราว 2 แบบคือ คนเราชอบมักคิดหาคำตอบแก้ปัญหาตอนที่ภัยร้ายเกิดขึ้นมา แต่ไม่หาทางรับมือแบบล่วงหน้าไว้ก่อน ใครเตือนใครพูดอะไรไปถ้าไม่มีความรู้ความสามารถมากพอก็จะไม่ฟัง เหมือนในหนังที่ตัวละคร John Bradley ชายรูปร่างอ้วนเนิร์ดใส่แว่น ดูไม่น่าเป็นคนมีความรู้ มาเตือนว่าดวงจันทร์จะถล่มโลก ก็หาว่าเขาคิดเองเออเองบ้าไปอีก การตัดสินคนจากเปลือกนอกไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนในโลกก็เป็นเหมือนกันหมด ส่วนอีกด้านหนึ่งคนเรามักเห็นแก่ตัวเอาตัวรอดด้วยกันทั้งนั้น ยามวิกฤติลำบากเราไม่สามารถไว้ใจใครได้เลย สัญชาติยานดิบของมนุษย์คิดแค่เอาตัวรอด ภาพหนังภัยพิบัติของ Roland แทบทุกเรื่องก็มักจะมีแบบนี้อยู่ตลอด
มาพูดถึงนักแสดงนำกันบ้าง Patrick Wilson มือปราบผีจาก Conjuring และวายร้ายจาก Aquaman อดีตนักบิน Nasa ผู้มีความหลังฝั่งใจเขาเป็นตัวละครที่ดูฮาร์ดคอร์ยอมหักไม่มียอมใครในช่วงแรก ก่อนที่เรื่องราวจะค่อยๆเล่าถึงตัวตนที่เขาเองก็เป็นผู้ชายที่มีปัญหาชีวิตรอดด้าน แยกย้ายกับภรรยา ลูกชายก็เกเร ชีวิตการทำงานก็ตกอับทุกอย่างพังไม่เป็นท่า แถมยังอารมณ์ร้อนตัดสินคนแค่เปลือกนอก แต่เมื่อสถานการณ์เขาตาจน เขายอมกลับมากอบกู้โลกไปลุยภารกิจบนดวงจันทร์ กับ Halle Berry หญิงแกร่งของ Nasa อดีตเพื่อนร่วมงานเก่าที่เป็นหญิงแกร่งเด็ดเดี่ยว ฉากที่ทั้งคู่อยู่บนยาอวกาศเคมีเข้าขากันมากรับส่งบทดี ทำให้หนังดูสนุกตามไปด้วย ส่วนอีกคนที่เราต้องพูดถึงคือ John Bradley หนุ่มเนิร์ดที่รับรู้ว่าดวงจันทร์จะถล่มโลก เราคิดว่านี่แหละคือนักแสดงที่น่าสนใจที่สุด บุคลิกดูอ้วนไม่น่าพึ่งพาได้ แถมดูเพ้อเจ้อนั้นคือเปลือกนอกแต่ความจริงแล้วเขาค้นคว้าข้อมูลมาด้วยตลอด เพราะนอกจากท่าทางที่ไม่พิษภัย บุคลิกที่ตลกตัวละครนี้ยังเป็นเสมือนแบกเนื้อหาไปได้ตั้งแต่ต้นจนจบ ส่วนจะเป็นยังไงไปดูในเรื่องดีที่สุดนะ
เกร็ดจากหนังเรื่องนี้
- โลเคชั่นหนังเรื่องนี้ถ่ายทำที่ Montreal ในแคนาดา
- ทุนสร้างหนัง 140 ล้านเหรียญ แต่ทำเงินไปเพียง 32.4 ล้านเหรียญ
- Roland Emmerich ผู้กำกับออกโรงจวกหนังฮีโร่ก่อนหนังเข้าฉายเลยเป็นสาเหตุทำให้คนดูบางกลุ่มเมินการชมหนังเรื่องนี้