Moon Knight (2022)
มูนไนท์
คะแนน
โกดังหนัง
ซีรีส์ Marvel รสชาติแปลกใหม่ บ้าบินหลุดกรอบแบบเดิม สร้างความรู้สึกดีมากๆเมื่อได้ดี การจัดวางพระเอกตัวร้ายดูมีน้ำมีเนื้อ ซาวด์ประกอบเข้ากับเนื้อหาซีรีส์มาก ดูเถอะไม่ผิดหวังแน่ๆ
คำคมจากภาพยนตร์
"You were the only one true super power that I ever had."
"นายคือพลังวิเศษแท้จริงหนึ่งเดียว ที่ฉันเคยมี"
เรื่องย่อ
สตีเวน แกรนท์ ชายหนุ่มที่ทำงานในพิพิธภัณฑ์อียิปต์เพราะความหลงรักในเรื่องราวของอียิปต์โบราณ แต่เขาดันมีปัญหานั่นก็คือ การนอนหลับ เนื่องจากปัญหาการนอนหลับและเห็นภาพแปลกๆทำให้กระทบต่อชีวิตการทำงานและความรักของเขา จนวันหนึ่งเขาตื่นมาพบว่าตัวเองอยู่ที่ไหนก็ไม่รู้และถูกตามยิง แล้วเขาเริ่มได้ยินเสียงที่สั่งให้เขาทำนู่นทำนี่ อาการที่วูบเป็นพักๆ เมื่อไหร่ที่เขารู้สึกตัวก็พบว่ามือเขาเองเปื้อนเลือดไปแล้ว วันหนึ่งคนที่ตามยิงสตีเวน ตามมาถึงที่ที่เขาทำงานอยู่และปล่อยสัตว์ประหลาดให้มาทำร้ายเขา และนั่นคือครั้งแรกที่สตีเวนพบกับมาร์ค สเปคเตอร์ ร่างอวตารอีก 1 บุคลิก ที่มาอาศัยอยู่ในร่างของเขานั้นเอง
หนังเรื่องนี้เหมาะกับใคร
รีวิว / สรุปเนื้อหา
บอกเลยว่านี่น่าจะเป็นฮีโร่สุดเฮี้ยนที่มาพร้อมกับความสนุกสนานแบบที่เราไม่ต้องคาดหวังหรือคาดเดาอะไรเลย การหยิบตัวละครที่ไม่เคยถูกนำมาสร้างเป็นหนังมาสู่จอแก้วเลยทำให้ทีมงานสร้างสรรค์ให้เรื่องราวออกมาตลกซับซ้อนมีหลากหลายเรื่องราวให้คนดูได้ติดตามไปได้ยาวๆ 6 ตอน การปูเรื่องราวให้รู้จัก สตีเวน แกรนท์ ทีพบว่าตัวเองมีหลายบุคลิก การเจอปัญหานอนไม่หลับ จับพลัดจับผลู กลายเป็นฮีโร่ที่ต้องมาร่วมร่างกับ มาร์ค สเปคเตอร์ สิ่งที่ต้องให้เครดิตซีรีส์ชุดนี้คือการเล่าเรื่องผ่าน Oscar Isaac ที่ต้องเล่นเป็นคน 3-4 บุคลิกมันไม่ใช่เรื่องง่ายๆเลยที่ต้องมาสลับสับเปลี่ยนหมุนเวียนตัวเองเป็นคนหลายคาแรกเตอร์มันเลยทำให้เนื้อหาซับซ้อนตามไปด้วย ชายติ๋มๆ ผู้ชายแข็งแกร่งเด็ดเดี่ยว หรือการสวมยูนิฟอร์มเป็นฮีโร่ เขาแบกเรื่องราวได้ตลอดรอดฝั่ง บทจะฮาก็ฮาบทจะบู๊ก็ดุดัน
เนื้อหามันค่อนข้างจะมีเอกลักษณ์แบบเฉพาะตัวมันค่อนข้างจะซับซ้อนไม่ได้เน้นความเป็นฮีโร่เพี้ยนๆแอ็คชั่นพาผู้ชมไปสำรวจจิตใต้สำนึกของ Steven Grant และ Marc Spector ในโลกหลังใกล้ความตาย แถมตัวซีรีส์เองก็ยังไม่ได้เฉลยปมปัญหาทั้งหมดอย่างชัดเจน เพื่อเปิดโอกาสให้ผู้ชมได้มาร่วมพูดคุยและคาดเดาเนื้อเรื่องได้อย่างอิสระ แถมพล็อตยังพาคนไปสัมผัสตำนานเทพอียิปต์โบราณผ่านเรื่องราวการผจญภัยของตัวละครหลัก มันทำให้ทุกอย่างขยายเรื่องราวในวงกว้าง แถมการไม่ผูกเรื่องราวกับจักรวาลอื่นของ MCU ไม่พยายามที่จะผูกปมปัญหาไว้เพื่อนำไปต่อยอดในภาพยนตร์หรือซีรีส์เรื่องอื่นๆ ในอนาคตมากจนเกินไป
การวางพล็อตเรื่อง 6 ตอนโปรดักชั่นทำได้ดีเกินคาด งานภาพตัวละครจริงๆกับ CGI ทำออกมาได้เนียนกริบ การใช้ฉากหนังดีไซน์ออกมาเป็นอียิปต์ตามท้องเรื่องที่มีตำนานมากมาย มันทำให้ธีมแตกต่างจากงาน MCU เนื้อหาสอดคล้องกันตีความออกมาได้กลมกล่อม ตัวละครที่ปรากฏตัวออกมาแต่ละฉากสามารถสร้าง Impact ให้ผู้ชม คือมันตาดเดาอะไรไม่ได้ตลอดทุกตอน เนี่ยแหละคุณภาพจริง แค่การปรับ Ethan Hawke ในบทวายร้ายก็มีความน่ากลัวมากๆแล้ว มีเสน่ห์ น่าเกรงขาม หรือจะเทพคอนชู องค์ประกอบจากตอนแรกๆไปจนถึงตอนสุดท้ายมันไต่ระดับความมันส์ ซาวด์ประกอบเองก็ช่วยบิ้วอัพได้เยอะ เทคนิคงานภาพมุมกล้องก็เล่าเรื่องออกมาดี การตัดต่อการรวดเร็วฉับไหว ทำให้คิวบู๊ในเรื่องดูแล้วไม่เสียอรรถรส
เกร็ดจากหนังเรื่องนี้
- Oscar Isaac มาเล่นงานของ Marvel เพราะคำแนะนำของ Robert Downey Jr.
- Oscar Isaac มีสัญญาระยะสั้นแค่โปรเจ็คนี้เท่านั้น