Minority Report (2002)

หน่วยสกัดอาชญากรรมล่าอนาคต

Minority Report Poster
9/10

คะแนน
โกดังหนัง

แอคชั่น ไซไฟ ล้ำอนาคต ไล่ล่าสุดมันส์ผ่านอุปกรณ์สุดเท่
ตั้งคำถามศีลธรรมการจับคนกำลังทำผิดโดยที่ยังไม่ได้ทำ

หมวดหมู่ : Action Crime Mystery
สัญชาติ : American
กำกับโดย : Steven Spielberg
ความยาว : 2 ชั่วโมง 25 นาที
นักแสดงนำ : Tom Cruise, Colin Farrell, Samantha Morton

คำคมจากภาพยนตร์

“Sometimes, in order to see the light, you have to risk the dark”
“ในบางครั้ง เพื่อที่จะมองเห็นแสงสว่าง เราอาจจจะต้องเสี่ยงกับความมืดกันก่อน”

เรื่องย่อ

จอห์น แอนเดอร์ตัน หัวหน้าชุดหน่วยสกัดอาชญากรรมด้วยเทคโนโลยีแบบล้ำอนาคตที่มีชื่อว่า Precrime ที่ใช้ผู้หยั่งรู้มาเป็นเครื่องมือในการวิเคราะห์ถึงเหตุการณ์อาชญากรรมที่กำลังจะเกิดได้ล่วงหน้า นั่นเลยทำให้หน่วยงานนั้นสามารถตามจับคนร้ายได้อย่างแม่นยำ ก่อนที่เหตุการณ์จริงๆ จะเกิดขึ้น ซึ่ง จอห์น เองในฐานะที่เสียลูกชายไป จึงมีความเชื่อในระบบนี้เป็นอย่างมาก จนกระทั่งวันหนึ่ง Precrime กลับแสดงผลว่า จอห์น เองกำลังจะเป็นฆาตกรที่ทำการฆาตกรรมชายปริศนาคนหนึ่งที่เขาไม่รู้จัก จนทำให้เขาต้องหนีการไล่ล่าจากหน่วยตัวเอง ไปพร้อมกับการตามหาชายปริศนาคนนั้น เพื่อพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของตัวเอง

หนังเรื่องนี้เหมาะกับใคร

สำหรับ Minority Report เป็นอีกหนังที่เหมาะกับคนที่ชอบอะไรล้ำๆ มาก ตั้งแต่ตัวบทล้ำๆ เนื้อหาล้ำๆ อุปกรณ์ในเรื่องล้ำๆ ไปจนถึง CG ล้ำๆ ที่ปรากฏอยู่ตลอดทั้งเรื่อง ทุกอย่างเลยดูน่าตื่นตาตื่นใจไปหมด แม้หนังจะมีจังหวะอืดๆ อยู่บ้างจากความยาวของหนังกว่า 2 ชั่วโมงครึ่ง แต่โดยรวมแล้วมันก็ยังเป็นหนังแอคชั่น ไซไฟ สุดระทึกชั้นดี ที่ก็อยากให้ได้ดูกันสักครั้ง แถมสิ่งที่ได้พ่วงไปก็คือคำถามเชิงศีลธรรม กับประเด็นของการจับคนที่กำลังจะทำผิดโดยที่ยังไม่ได้ทำด้วย ซึ่งใครชอบหนังล้ำๆ อนาคตแบบนี้ของ Tom Cruise อย่าง Edge of Tomorrow หรือ Oblivion แล้ว นี่คือการจับคู่กับพ่อมดแห่งวงการ Hollywood อีกเรื่อง ที่ไม่น่าพลาดจริงๆ

  • สายหนังแอคชั่นไซไฟสุดล้ำ
  • สายหนังเทคโนโลยีในอนาคต
  • สายหนังพ่อมดวงการHollywood

รีวิว / สรุปเนื้อหา

จากนิยายสุดล้ำของ Phillip K. Dick นักเขียนมือฉมังในสายไซไฟ มาสู่มือพ่อมดแห่งวงการ Hollywood มีหรือที่จะออกมาธรรมดา กับเรื่องราวเทคโนโลยีสุดล้ำผสมผสานกับความแฟนตาซีของกลุ่มผู้หยั่งรู้ จนกลายออกมาเป็นหน่วย Pre-Crime หน่วยหยุดอาชญากรรมก่อนที่จะเกิด ที่ทำออกมาได้อย่างน่าสนใจ และเป็นประเด็นที่ชวนขบคิดเป็นอย่างมาก ว่าในเมื่ออาชญากรรมที่แท้จริงยังไม่เกิดขึ้นจริง แล้วคนเหล่านี้จะยังนับเป็นนักโทษ กับสิ่งที่เขายังไม่ได้กระทำได้อย่างไร เช่นเดียวตัวเอกในเรื่องเอง ที่ตอนเป็นเจ้าหน้าที่ก็เห็นดีเห็นงามกับระบบ แต่พอตัวเองโดนจับด้วยสิ่งที่ยังไม่ได้ก่อ  ก็ยังต้องออกมาพิสูจน์ความจริงในสิ่งที่ตัวเองไม่เคยคิดว่าจะลงมือไปเหมือนกัน

ด้วยประเด็นของเรื่องที่เข้มข้น และเป็นหัวใจหลักของการขับเคลื่อนเรื่องราวแล้ว ทำให้ไม่ว่าตัวหนังจะดำเนินไปในทิศทางใดก็ยังออกมาสนุก ทั้งการหลบหนีการไล่ล่าของตัวเอก กับอุปกรณ์ติดตามที่ล้ำอนาคตต่างๆ ก็ทำเอาคนดูตื่นตาตื่นใจได้อยู่ไม่น้อย รวมไปถึงแก็ดเจ็ทเท่ๆ ในเรื่อง (ที่ตอนนี้ก็ทยอยเป็นจริงตามในหนังกันบ้างแล้ว) เมื่อนำไปผสมผสานกับพลังจินตนาการและ CG ระดับทีมงานผู้กำกับ Steven Spielberg แล้ว ก็เลยทำให้ภาพในอนาคตที่เกิดขึ้นจึงดูสมจริงๆ น่าเชื่อถือ และชวนติดตามได้มากขึ้นไปในอีกระดับเลย

นอกจากนี้จังหวะการเล่าเรื่องก็ทำออกมาได้สนุก แม้จะมีจังหวะอืดอยู่บ้างแต่ก็ยังทำออกมาได้ลื่นไหล ทั้งฉากไล่ล่า และการสร้างความอยากให้กับคนดูรู้ว่า เหตุใดภาพนิมิตถึงออกมาเป็นเช่นนั้น คนที่ตายจะมีความเกี่ยวข้องกับตัวเอกอย่างไร ก็ทำให้เราพร้อมติดตามกับหนังได้จนจบทั้งเรื่อง ซึ่งตัว Tom Cruise ที่ตอนนั้นก็เป็น Action Star คนนึงไปแล้ว ก็เลยสวมบทบาทเท่ๆ ที่เก่งทั้งบู๊และบุ๋น ที่ดูมีไหวพริบได้เป็นอย่างดีสมกับที่เป็นเจ้าหน้าที่องค์กรแบบนี้มาก่อน โดยเฉพาะกับท่าวิ่งอันเป็นเอกลัษณ์ของเขา ด้วยส่วนประกอบต่างๆ กล่าวมาเลยทำให้ Minority Report นับเป็นอีกหนังแอคชั่นไซไฟล้ำยุคชั้นดี ที่ควรดูอีกเรื่องจริงๆ เพราะให้ครบทั้งในแง่ความบันเทิงและความเข้มข้นของประเด็นอยู่มาก

เกร็ดจากหนังเรื่องนี้

  • บรรดา Precog หรือผู้หยั่งรู้ทั้ง 3 คนในเรื่อง อย่าง Agatha, Arthur, Dashiell นั้นล้วนแล้วแต่มาจากนักเขียนนิยายแนวสืบสวนสอบสวนและรหัสคดี ชื่อดังระดับโลก อย่าง Agtha Christie, Arthur Conan Doyle และ Dashiell Hammett
  • Tom Cruise และ Steven Spielberg นั้น ต่างตกลงกันที่จะไม่รับค่าตัวตามปกติในหนังเรื่องนี้ เพื่อให้ต้นทุนของหนังตอนที่สร้างต่ำกว่า $100 ล้าน (สุดท้ายลดได้เหลือ $102 ล้านอยู่ดี) แต่พวกเขาเลือกที่จะไปรับส่วนแบ่ง 15% ของรายได้หนังแทน ซึ่งหนังก็กวาดรายได้ในอเมริกาอยู่ที่ $132 ล้าน และทั่วโลกที่ $358 ล้าน