Independence Day (1996)
ไอดี 4 สงครามวันดับโลก
คะแนน
โกดังหนัง
สุดยอดหนังต่างดาวบุกโลกในยุค 90s ที่ระเบิดระเบ้อถล่มทลาย และเต็มไปด้วยฉากที่น่าจดจำ กับอวยอเมริกาไปพร้อมๆ กับแอคชั่นสุดมันส์
คำคมจากภาพยนตร์
“I picked a hell of a day to quit drinking." “ฉันช่างเลือกวันที่จะเลิกเหล้าได้เฮงซวยจริงๆ”
เรื่องย่อ
เดวิด ลีวินสัน ผู้เชี่ยวชาญด้านสัญญาณคอมพิวเตอร์ ได้ถอดรหัสสัญญาณจากยานอวกาศลึกลับขนาดใหญ่ยักษ์ออกมาได้ พร้อมๆ ยานลูกลำเล็กๆ อีกหลายลำ ว่ามันเป็นสัญญาณที่จะโจมตีโลกพร้อมกัน ซึ่งทางประธาธิบดี วิทมอร์ เองก็ได้สั่งอพยพในทันที แต่นั่นก็ดูเหมือนจะสายเกินไป เมื่อยานทำลายล้างเข้ามาถึงโลก และบุกโจมตีทุกอย่างที่ขวางหน้า แม้ว่าฝ่ายมนุษย์จะรับมืออย่างไร ก็ดูเหมือนจะไร้ประโยชน์ไปซะหมด คนที่เหลือรอดจึงต้องแข่งกับเวลา เพื่อทำลายเกราะของยานและเพื่อขับไล่ต่างดาวกลับไปให้ได้
หนังเรื่องนี้เหมาะกับใคร
สำหรับ Independence Day นั้น ถ้าเป็นคนยุค 90s เราคงไม่ห่วงเพราะเชื่อว่าพวกเขาคงได้โตมากับหนังเรื่องนี้ และได้ดูกันหมดอยู่แล้ว แต่สำหรับคนรุ่นหลังจากนี้ ที่อาจจะได้ดูภาค Resurgence ในปี 2016 แล้วไม่ชอบ ก็อยากจะให้ลองมอบโอกาสให้กับต้นตำหรับในปี 1996 นี้ดู เพราะตัวหนังน่าจะคลาสสิคและจัดเต็มถูกใจกว่ามากๆ รวมถึงฉากที่น่าจดจำก็ยังมีมากกว่าภาคใหม่เยอะ หากใครที่อยากหาหนังต่างดาวบุกโลกดีๆ สักเรื่องอย่าง War of the Worlds (2005) หรือประเภทดูเอามันส์อย่าง Battleship แล้ว เราก็อยากให้มี Independence Day เป็นหนังต่างดาวดีๆ ในความทรงจำอีกสักเรื่อง
- สายหนังต่างดาวบุกโลก
- สายหนังแอคชั่นตะลุยเอเลี่ยน
- สายหนังแอคชั่นคลาสสิคยุค 90s
รีวิว / สรุปเนื้อหา
คอหนังที่ผ่านยุค 90s ต้องไม่มีใครไม่รู้จักหนังอย่าง Independence Day หรือที่ชื่อไทยเรียกกันติดปากว่า ID4 สงครามวันดับโลก เพราะมันคือสุดยอด Blockbuster หนังมนุษย์ต่างดาวบุกโลกสุดมันส์ ที่เล่นใหญ่มหากาฬมากๆ ตั้งแต่ขนาดความกว้างของยานที่กินพื้นที่ถึงขนาด 1 ใน 4 ของดวงจันทร์ และยังไม่รวมยานลำเล็กลำน้อยที่ต่างบุกมาถล่มโลกกันอีก ซึ่งแม้ว่าตัวบทหนังนั้นจะได้รับแรงบันดาลใจจางๆ มาจากบทประพันธ์เรื่อง The War of the Worlds แต่ด้วยรายละเอียดที่ถูกเปลี่ยนแปลงไปเยอะในรายทาง ทำให้แม้ว่าจะพล็อตหลักจะคล้ายกันไปบ้างคนก็ไม่แคร์กันสักเท่าไร
ตัวหนังค่อนข้างมีครบทุกอย่างเท่าที่หนัง Blockbuster เรื่องหนึ่งจะมอบให้ได้ ไม่ว่าจะเป็นทีมดาราตัวพ่อทั้ง Will Smith ที่เพิ่งดังมาจาก Bad Boys และ Jeff Goldblum ก็มั่นใจได้ว่ามีดาราที่ดึงหนังอย่างแน่นอน และนอกจากนี้ก็ยังได้ผู้กำกับสายเล่นใหญ่อย่าง Roland Emerich ที่เพิ่งทำ Stargate มา พอได้ทำหนังที่สเกลใหญ่ขึ้นในเรื่องนี้ก็เรียกได้ว่าจัดเต็ม ไปพร้อมๆ กับการเชิดชูวันชาติของชาวอเมริกันเข้าไปด้วยในเวลาเดียวกัน ด้วยเอฟเฟคที่เล่นใหญ่และมีฉากน่าจะจดจำมากมายก็ไม่น่าแปลกใจนักที่แฟนๆ ในประเทศจะตอบรับกันเป็นอย่างดี รวมถึงแฟนๆ นอกประเทศที่สนุกไปกับการบุกโลกของต่างดาวครั้งนี้ไปด้วย
แม้หนังจะอวยอเมริกาอยู่ไม่น้อยกับการให้ชาวอเมริกันเป็นฮีโร่ที่ช่วยโลกไม่ต่างอะไรกับหนังเรื่องอื่นๆ แต่ผู้คนก็มองข้ามไปได้ เพราะด้วยความมันส์ระห่ำของหนังที่มอบฉากที่น่าจดจำมาให้มากมาย ทั้งตัวฉากแอคชั่นที่เต็มเม็ดเต็มหน่วย ทั้งขับยานไล่ล่ากัน ทั้งการได้เห็น Will Smith ต่อยกับมนุษย์ต่างดาวแบบเน้น หรือแม้กระทั่งจุดที่ทำให้ชนะได้ ก็ล้วนแล้วแต่เป็นอะไรที่น่าจดจำแทบทั้งนั้น นี่ยังไม่รวมถึงฉาก Speech จากประธาธิบดี ที่รับบทโดย Bill Pullman ที่โคตรทรงพลังจนถึงขนาดที่ว่าไม่ใช่คนในชาตินั้นก็ยังอินไปฉากนี้ได้ เลยต้องยกให้่มันเป็นหนังแอคชั่นต่างดาวบุกโลกชั้นเยี่ยม ที่แทบจะเป็นงาน Masterpiece ของผู้กำกับจอมทำลายล้าง Roland Emerich ไปแล้ว หากมีโอกาสก็ขอแนะนำให้รับชมกันจริงๆ
เกร็ดจากหนังเรื่องนี้
- ในตอนแรกนั้นทางทีมงานของหนังเรื่องนี้ได้รับข้อตกลงจากกองทัพอเมริกา ว่าจะช่วยเหลือโดยการ ให้เข้าไปถ่ายทำเข้ตฐานทัพได้ พร้อมทั้งให้คำแนะนำกับบรรดานักแสดงที่มีบทเกี่ยวข้องกับทหาร แต่เมื่อทางกองทัพพบว่ามีเรื่องราวเกี่ยวกับ Area 51 มาเกี่ยวข้องก็ถอนตัวจากการช่วยเหลือในทันที (ทำไมกันนะ)
- ด้วยความ Hype ระดับสุดของหนังตั้งแต่ตอนจะฉาย ทำให้ค่าย Warner Bros. นั้นต้องเลื่อนฉายหนัง Mars Attacks! ของตัวเองจากช่วง Summer ไป Christmas แทน รวมถึงยังเบรคงาน War of the Worlds ของ Spielberg ไปก่อนอีกด้วย (อะไรจะขนาดน๊าน) ซึ่งสุดท้ายแล้วหนังก็ทำรายได้ไปสมคำคุย ขึ้นอันดับ 1 ของหนังที่รายได้มากที่สุดในปีนั้น