เรื่องย่อ

เมื่อครอบครัวเกรแฮมได้พบข่าวร้ายว่ายายได้เสียชีวิตลง ความลับสุดสยองที่เกี่ยวข้องกับบรรพบุรุษของพวกเขากำลังจะถูกเปิดเผย ยิ่งพวกเขารู้ความจริงมากขึ้นเท่าไหร่ มันยิ่งทำให้ไม่สามารถหลีกหนีชะตากรรมที่เกี่ยวข้องกับพันธุกรรมสุดสะพรึงของพวกเขาไปไม่ได้

หนังเรื่องนี้เหมาะกับใคร

สำหรับ Hereditary นี่คืองานระทึกขวัญที่พลิกโฉมหน้าวิธีการสร้างหนังไปตลอดกาล การคิดกล้าแหวกแนวหาไอเดียใหม่ๆมาสร้างความหลอนหลอกล่อผู้ชมด้วยความสั่นประสานให้ผู้ชม ไม่มีผีไม่มีวิญญาณไม่มีความแค้น ใช้คำว่าสถาบันครอบครัว ผสมผสานกับเรื่องลี้ลับ การบูชาซาตาน ไม่มีฉากเล่นฉาก Jump Scare  ที่สำคัญคืองานชิ้นนี้ทำออกมาได้สุดโต่ง คนที่ชอบความสยองขวัญเป็นทุนเดิมอยู่แล้วจะประทับใจกับไอเดียหนังเรื่องนี้  ถ้าหากใครอยากดูอยากชมหนังสยองขวัญแนวทางใหม่นี่แหละความหวังใหม่ของวงการ

• สายหนังสยองคุณภาพดี
• สายหนังที่ชอบเรื่องลี้ลับ

รีวิว / สรุปเนื้อหา

ตัวอย่างทริลเลอร์ที่ปล่อยออกมาก็น่ากลัวแล้ว ไหนจะเป็นโปสเตอร์ที่ดูลี้ลับอีก ตามด้วยคำวิจารณ์ที่พุ่งสูง หนังที่เชิญชวนคอหนังสยองขวัญให้ลิ้มรสความหลอน ซึ่งต้องยอมรับว่า Ari Aster สร้างหนังด้วยไอเดียที่น่าคารวะ ในโลกที่คนลงทุนน้อยทำหนังผีเน้นฉาก Jump Scare สร้างความหวาดกลัวให้ผู้ชม ผู้กำกับคนดังพลิกแผงออกมาได้น่าสนใจ เรื่องหลอกหลอนไม่จำเป็นต้องทำหนังผี วิญญาณอาฆาตเสมอไป แต่หนังเลือกตีความไปว่ามันจะเป็นอย่างไร ถ้าหากสิ่งที่น่ากลัวมันติดตัวครอบครัวครอบครัวเกรแฮมมาทางสายเลือดทางกรรมพันธ์ุ สิ่งที่ทำให้เราชวนติดตามเลยเป็นจังหวะการเล่าเรื่องที่สร้างสถานการณ์กดดันที่คาดเดาไม่ได้มากกว่าจะเป็นเรื่องลี้ลับ การสาดความระทึกขวัญที่เล่นใหญ่บนร่างกายที่แบบเห็นแล้วน่ากลัวสยดสยองจนบางซีนต้องปิดตาไม่กล้าดู ความชั่วร้ายที่ปกคลุมตระกูลนี้ ส่งผลให้คนในครอบครัวที่มีอาการป่วยแบบแปลก มีความผิดปกติทางจิต ที่ส่งผลมายังลูกหลายตัวเองแบบที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ พอดูไปเรื่อยๆเราเริ่มเห็นภาพชัดเจนว่า หนังเต็มไปด้วยลัทธิความเชื่อปีศาจที่สืบทอดออกมาจากรุ่นสู่รุ่นและพวกเขาไม่มีทางสลัดมันพ้นและมันกำลังตามหลอกหลอนครอบครัวนี้ และพวกเขาก็พบกับเรื่องราวประหลาดไปเรื่อยๆไม่มีทางจบสิ้น

ความยาว 2 ชั่วโมงของหนังผ่านไปอย่างตึงเครียดสุดค่อยๆเฉลยออกมา ว่าทำไมคอนเซปต์หนังถึงเล่าเรื่องที่สลับให้เห็นภาพระหว่าง บ้านจริง และ บ้านจำลอง มันถูกถ่ายทอดแบบให้เป็นหนึ่งเดียวกัน เพราะพวกเขากำลังถูกควบคุมโดย บุคคลที่สาม และถูกบงการจากสิ่งที่ลี้ลับบางอย่าง มันยิ่งทำให้ภาพรวมของหนังชวนขนลุกในตัวเอง เพราะความจริงแล้ว โลกของครอบครัวนี้ อาจจะเป็นโลกที่ถูกจับแยกมาจากโลกแห่งความจริงด้วยซ้ำ และความเลวร้ายก็มาจากยายของพวกเขาที่เสียชีวิตไป จริงๆครอบครัวนี้ก็พังทลายมาตั้งนานแล้ว ยิ่งเล่าไปเรื่อยๆ มันสร้างความไม่ปกติให้เห็นว่า พวกเขาไม่ใช่ครอบครัวที่สมบูรณ์แบบ สมาชิกแต่ละคนเต็มไปด้วยความไม่ปกติผิดเพี้ยน ตามมาด้วย สถานการณ์ที่ชวนเหวอ แล้วค่อยๆฉีกกรอบวิธีการทำหนังผีแบบหมดจบใช้ความเงียบความมืดสาดความน่ากลัวลงไป และความหลอนก็เข้ามาในความรู้สึกผู้ชมทันที ไหนจะเป็นเรื่องเพลงสกอร์ เทคนิคการเล่าเรื่องที่ดาร์คดำดิ่งสร้างอารมณ์จนชวนขนหัวลุก แถมหนังเองก็เล่าให้เห็นว่าทุกอย่างถูกวางแผนมาอย่างเนียนโดยคุณยายที่ต้องคนมาสืบทอด และความลับที่แท้จริงของครอบครัวนี้คือความน่าสยดสยองจนต้องปรบมือกับผู้กำกับที่เล่าเรื่องได้เหนือชั้น

ที่น่ายกย่องคือการแสดงของนักแสดงนำ เช่น Toni Collette ที่กลับมาฉายแสงในวงการอีกครั้ง หนักหน่วงรุนแรงเป็นคาแรกเตอร์ที่ซับซ้อนน่ากลัวยิ่งกว่าผีมากกว่าวิญญาณ ไม่สามารถคาดเดาอะไรในตัวละคร Annie นี้ได้เลย ปั่นประสาทพอความหลอนมาเต็มที่ หรือจะเป็น Alex Wolff ที่ปล่อยอินเนอร์ออกมาเต็ม ช่วงสุดท้ายคือแบบบ้าพลังไปให้สุดขีด รวมไปถึงน้อง Milly Shapiro ที่ขโมยซีนได้เยอะมากๆ บทหนังถูกวางมาดีทำให้เราได้เห็นนักแสดงถ่ายทอดอารมณ์การแสดงที่ชวนกลัวในทุกๆจังหวะ และบทสรุปหนังในช่วง 10 นาทีสุดท้ายเนี่ยแหละทำให้รู้สึกว่าชอบหนังเรื่องนี้มากและคงจะดูแค่รอบเดียวพอ