เรื่องย่อ

Enola ได้รับคำข้อร้องจากผู้หญิงคนหนึ่งที่ทำงานโรงงานไม้ขีดไฟที่มาขอให้เธอตามหาพี่สาวที่หายตัวไปแบบลึกลับ ลำพังชีวิตก็ปวดหัวมากพออยู่แล้ว ไหนจะต้องมาเจอกับผู้ชายตัวเองที่ทำคดีอยู่เหมือนกัน ทั้งคู่เลยต้องร่วมมือกับไขปริศนาความจริงว่าใครอยู่เบื้องหลังการหายตัวไปของผู้หญิงคนนี้

หนังเรื่องนี้เหมาะกับใคร

รีวิว / สรุปเนื้อหา

จริงๆแล้วหนังเรื่องนี้นำเสนอในมุมมองของผู้หญิงสาวคนหนึ่งที่ต้องการจะต่อสู้เพื่อให้ตัวเองได้รับการยอมรับในสังคมยุคเก่าที่ผู้ชายเป็นใหญ่ Enola เองก็อยากที่จะทำให้ใครต่อใครรับรู้ว่า เธอเองเป็นนักสืบที่ดีได้ไม่แพ้พี่ชายตัวเอง ไม่ผิดอะไรที่เธอจะก้าวเดินด้วยการเปิดสำนักงานนักสืบเป็นของตัวเอง แต่ปัญหาคือยุคสมัยก่อน ผู้หญิงถูกออกมาว่าอ่อนแอ พี่ชายเลยขัดขว้างเธอไม่ให้มาอยู่ในดงอันตราย หนังเลยยังคงพูดถึงประเด็นผู้หญิงที่ต้องต่อสู้ทุกอย่างเพื่อให้ได้มาซึ่งอิสระและความเท่าเทียม ซึ่งภาคนี้จะเน้นเยอะมากโลกนี้ผู้หญิงมักถูกมองว่าเป็นรองแทบทุกอย่าง ยุคที่อังกฤษตัดสินผู้หญิงว่าคือชนชั้นรอง เลยทำให้เธองัดสมองไขคดีปริศนาไม่พอ ยังต้องช่วยเหลือผู้หญิงมากมายที่โดนกดขี่ข่มเหงให้ได้ ตัวหนังเองก็นำบางสิ่งบางอย่างในแง่ประวัติศาสตร์มาหยอกล้อเข้ากับหนัง ส่วนจะเป็นประเด็นไหนไปติดตามดูในหนังกันเอาเอง ทิศทางของหนังภาคนี้ออกมาดูดีกว่าภาคแรกค่อนข้างมาก

ประเด็นต่อมาที่ชอบคือหนังพูดถึงการเติบโตของเด็กสาวคนหนึ่งที่พอเธอมาเป็นนักสืบ ชีวิตเธอต้องระวังตัวทุกอย่าง ชีวิตต้องรอบคอบอีกหลายเท่า ทำให้เราได้เห็นตัวละครนี้ ได้ไขคดีที่ซับซ้อน เจอคนร้ายที่โหดกว่าเดิมหลายเท่า มันเลยทำให้หนังออกมาสนุกในพาร์ทแอ็คชั่น การเอาตัวรอด การหนีตาย การต่อสู้ นี่คือการเติบโตที่ Enola ต้องเผชิญหน้า ไม่มีใครไว้ใจได้นอกจากตัวเราเองเท่านั้น เรื่องนี้มีความดาร์คดุดันตามที่ผู้กำกับและนักแสดงได้บอกเอาไว้จริงๆ หนังสอดรับทั้งในพาร์ทดราม่า แอ็คชั่น โรแมนติกคอมเมดี้เอาไว้ได้ดี เกลี้ยบท เปิดพื้นที่ตัวละครได้ทำงานกับคนดู เราจึงได้เห็นความสัมพันธ์ของตัวละครที่เข้ามาข้องเกี่ยวกับ Enola มากมายทั้งพี่ชาย และหนุ่มหล่อ Lord Viscount Tewkesbury ที่มีฉากชวนจิ้นเยอะแยะเต็มไปหมด และแม่ของตัวเองที่ทำออกมาได้น่าประทับใจ

การแสดงของดารานำถือว่ามีผลกับหนังมากๆ Millie Bobby Brown หรือน้องแอล น่ารักมีเสน่ห์เธอทำให้หนังเรื่องนี้มีครบทุกรสชาติจริงๆ สนุก เศร้า ดาร์ด ดราม่า ตลก หนังยังคงเอกลักษณ์จากภาคแรกในเรื่องการพูดกับคนดูผ่านหน้าจอ หรือการไขคดีที่มีการทิ้งปริศนาเอาไว้ เมื่อมาเข้าฉากกับ Henry Cavill ที่ภาคนี้มีบทบาทมากกว่าเดิม กลายเป็นว่าเออแม่งสนุกสนานขึ้นทันที ฉากเฉียงกันดูฮาสมเหตุสมผลดีแหะ Louis Partridge ท่านลอร์ดดูนิ่ง สุขุมมาก หล่อมาก คงได้ใจสาวๆไปเพียบแน่ๆ สิ่งเดียวที่ไม่ชอบในหนังภาคนี้คือ งานภาพที่ดูเข้าขั้นแย่หนัก ถ้าหากลองไปดูดีๆเราจะพบว่า หนังมีบาดแผลเยอะมาก ในเรื่องการถ่ายทำฉากตอนกลางคืนที่มืดมาก ภาพไม่สว่างทำให้จุดนี้ทำให้ช่วงบทสรุป ทำลายบรรยากาศดีๆทิ้งไปหมดเลย