Deep Blue Sea (1999)

ฝูงมฤตยูใต้สมุทร

Deep Blue Sea Poster
7/10

คะแนน
โกดังหนัง

หนังฉลามพันธุ์ดุ ศึกชิงไหวชิงพริบระหว่างมนุษย์และฉลามดัดแปลงสมอง สู่ความระทึกในฉากหลังกลางทะเล ที่ชวนลุ้นให้ตัวละครเอาชีวิตรอด

หมวดหมู่ : Action Adventure Sci-Fi
สัญชาติ : American
กำกับโดย : Renny Harlin
ความยาว : 1 ชั่วโมง 45 นาที
นักแสดงนำ : Thomas Jane, Saffron Burrows, Samuel L. Jackson

คำคมจากภาพยนตร์

“She may be the smartest animal on the planet, but she's still just an animal.”
"เธออาจจะเป็นสัตว์ที่ฉลาดที่สุดในโลกนี้ แต่ยังไงสัตว์ก็ยังเป็นแค่สัตว์”

เรื่องย่อ

ดร. ซูซาน นักวิทยาศาสตร์ประจำห้องทดลองลอยน้ำ แอควาติก้า หนึ่งในทีมนักวิจัยที่เอาฉลามพันธุ์ดุ มาดัดแปลงพันธุกรรม ปรับสมองฉลามใหม่ เพื่อหวังว่าจะเอาเซลล์สมองของฉลามมาใช้รักษาโรคความจำเสื่อมในมนุษย์ แต่แล้วการทดลองนี้ก็ทำให้ฉลามที่ถูกดัดแปลงนั้น กลายมาเป็นเครื่องจักรสังหารอันทรงพลัง ที่อัพเกรดทั้งร่างกายที่่ทรงพลัง รวดเร็ว รวมไปถึงมันสมองที่ชาญฉลาด อีกทั้งความซวยยังบังเกิดต่อเมื่อพายุถล่มห้องทดลองจนทำพวกเขาต้องอยู่ท่ามกลางฉลามสุดโหดเท่าที่เคยมีมา

หนังเรื่องนี้เหมาะกับใคร

สำหรับ Deep Blue Sea นั้น เป็นหนังสำหรับคอหนังฉลามอีกเรื่อง ที่มีพื้นที่เป็นของตัวเอง และจะเหมาะอย่างมากกับคนที่ชอบหนังสัตว์ไล่ล่ามนุษย์ เพราะเรื่องนี้ไปจัดเต็มอยู่กลางทะเล ไร้ซึ่งทางหนีจนบีบให้ต้องปะทะกันเพื่อความอยู่รอดของฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งเท่านั้น จังหวะของหนังชวนลุ้นดีเลย มีตัวละครตายแบบโง่ๆ ให้สะใจเป็นพิธี แต่ก็เดากันยากว่าใครจะอยู่จะตาย เสมือนเป็นศึกชิงไหวชิงพริบขนาดย่อมๆ ของคนและฉลามที่ตัดต่อพันธุกรรมมาให้ฉลาดขึ้น โหดขึ้น ไว้ขึ้น ใครที่เกลียดหนังสัตว์กินคนก็ข้ามไปแต่หากใครที่ชอบหนังแนวๆ นี้อย่าง The Meg, The Shallow แล้ว เราขอแนะนำ เพราะถึงมันจะไม่ดีขึ้นหิ้งขนาด Jaws แต่รับรองความสนุกๆ พอๆ กับ 2 เรื่องที่บอกเลย

  • สายหนังฉลามกินคน
  • สายหนังสัตว์ไล่ล่าสุดระทึก
  • สายหนังระทึกขวัญใต้น้ำ

รีวิว / สรุปเนื้อหา

อีกหนึ่งหนังฉลามที่มีคนชื่นชอบเป็นอย่างมากในช่วงปลายยุค 90s ซึ่งแน่นอนว่าหากนำไปเทียบกับหนังในตำนานอย่าง Jaws ก็คงเรียกได้ว่าห่างไกลทั้งในเรื่องชั้นเชิงในการเล่าเรื่องหรือการสร้างความสะพรึงได้ตามนั้น แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า Deep Blue Sea นั้น ก็ค่อนข้างมีความครบเครื่องในแง่ของหนังสัตว์ไล่กินคนสักเรื่องหนึ่ง ตั้งแต่เรื่องราวการทดลองที่น่าสนใจ จนทำให้ตัวฉลามในเรื่องเองนั้นมีความโดดเด่นมากขึ้น ทั้งในแง่ของพละกำลัง ความรวดเร็วที่อัพเกรดเพิ่มขึ้น รวมถึงในด้านความฉลาดทันเกม ทันมนุษย์ก็ทำให้มันกลายเป็นศึกชิงไหวชิงพริบระหว่างคนและสัตว์ที่เข้มข้นมากเลยทีเดียว 

ด้วยความที่หนังเองดันเอาฉากหลังเป็นศูนย์วิจัยทางทะเล ซึ่งแน่นอนว่าหากพิจารณาถึงในแง่ทำเลนั้น ก็สร้างความเสียเปรียบให้กับฝั่งมนุษย์เป็นอย่างมาก แถมพอโดนพายุุถล่มเข้ามาอีก ก็ยิ่งกลายเป็นว่าตัวฉลามกลายเป็นฝ่ายได้เปรียบ และหาทางผลุบโผล่มาเชือดมนุษย์ได้โดยสมบูรณ์ แถมหนังก็ยังสรรหาสถานการณ์ให้คนลงไปดำผุดดำไหว้อยู่เสมอ ทำให้ในแต่ละฉากนั้นคาดเดาได้ยากมาก ว่าตัวละครจะตายในฉากไหน และตายเมื่อไร เพื่อหนังค่อนข้างฉีกขนบหนังแนวๆ นี้อยู่พอสมควร จนทำให้การคาดเดา และร่วมลุ้นไปกับตัวละครนั้น เต็มไปด้วยความสนุก แม้ว่าจะมีความหงุดหงิด จากการตายโง่ๆ ของหลายๆ ตัวละครอันเป็นจุดอ่อนของหนังสไตล์นี้อยู่ก็ตาม แต่ด้วยความตายที่หลากหลาย แต่ตายอย่างโหดสมกับ Rate R แล้ว ก็พอทำเอาสะใจและแก้เบื่อได้อยู่ไม่น้อย 

โดยรวมแล้วมันกลายเป็นหนังฉลามอีกเรื่อง ที่มีความเฉพาะตัวที่น่าสนใจกับการสร้างซุปเปอร์ฉลามพันธุ์ดุ ที่สร้างความระทึกได้อยู่ตลอดทั้งเรื่อง และมีองค์ประกอบของความเป็นหนังสัตว์ไล่ฆ่าคนได้อย่างครบถ้วน ซึ่งนั่นก็รวมถึงความโง่ของบางตัวละครด้วย แต่ทั้งนี้ด้วยความที่จังหวะหนังมันเร็ว และมีจังหวะตอบโต้ การแก้ไขสถานการณ์เฉพาะหน้า ที่ชวนสนุกลุ้น ตลอดจนการที่เดาได้ยากว่าใครจะอยู่ใครตาย พอประกอบกับ CG ในสมัยนั้นแล้ว ก็นับว่าออกมาโอเคอยู่ไม่น้อย จนไม่แปลกใจนัก ที่หนังจะมีภาคต่อตามมาอีกถึง 2 ภาค แม้ว่าจะเป็นในแบบ Home Entertainment ก็ตาม (แต่ภาค 3 ก็สร้างสรรค์และดูเพลินดีอยู่เหมือนกันนะ)

เกร็ดจากหนังเรื่องนี้

  • มีฉากหนึ่งในหนังที่ดาราอย่าง Thomas Jane ต้องว่ายน้ำเคียงข้างฉลามจริงๆ ซึ่งเข้าได้รับโอกาสได้ถ่ายทำฉากนี้ได้ หลังจากที่เขาถ่ายฉากอื่นๆ เสร็จหมดแล้วเท่านั้น (ค่ายห่วงนักแสดงสุดๆ…)
  • หนังใช้ทีมเอฟเฟคกว่า 14 เจ้าในการทำเอฟเฟคและตัวฉลามในหนังเรื่องนี้