Amsterdam (2022)
อัมสเตอร์ดัม
คะแนน
โกดังหนัง
เป็นงานคอมเมดี้ที่สนุกมาก ปล่อยมุกตลกฮากระจาย เป็นหนังสืบสวนย้อนยุคที่ใช้ดาราชั้นนำได้คุ้มค่า
คำคมจากภาพยนตร์
"When it comes to love, nothing is better than clarity."
"เมื่อเป็นเรื่องความรัก ไม่มีอะไรดีไปกว่าความชัดเจน"
เรื่องย่อ
ฮาโรลด์ , เบิร์ท และ วาเลอรี่ เพื่อนสนิท 3 คนกลายเป็นผู้ต้องสงสัยในคดีฆาตกรรมอย่างไม่ทันตั้งตัว แต่ระหว่างที่ทั้ง 3 คนกำลังสืบหาหลักฐานและตามหาคนร้ายตัวจริงของคดี พวกเขากลับค้นพบว่าตัวเองกำลังตกอยู่ท่ามกลางแผนการสมคบคิดอันชั่วร้ายที่สุดของประวัติศาสตร์อเมริกา
หนังเรื่องนี้เหมาะกับใคร
สำหรับ Amsterdam เป็นหนังที่มาในอารมณ์ตลกร้ายในสไตล์สืบสวนสอบสวน ถ้าหากชอบหนังแนวหาตัวคนร้ายหาตัวฆาตกรคงดูเรื่องนี้ได้ไม่ยาก แม้ว่าภาพของหนังจะเดินเรื่องช้า แวะโน่นแวะนี่ ไม่ได้มีลูกเล่นวิธีการนำเสนอที่จัดจ้าน ออกแนวสาดความตลกให้ซะมากกว่า พล็อตเรื่องใช้ฉากหน้าประวัติศาสตร์มาใส่อยู่ในเรื่องราวมันทำให้หนังดูสนุกดูเพลิน การวางตัวละครเยอะจัดการเฉลี่ยบทให้ตัวละครมหาศาลที่มาพัวพันอีรุงตุงนังให้คนดูค่อย ๆ ซึมซับ จำได้ และให้หนังพาไปสู่เป้าหมายของมันได้อย่างสวยงาม
- สายหนังตลกคอเมดี้ดราม่า
- สายหนังสืบสวนสอบสวน
รีวิว / สรุปเนื้อหา
เห็นคะแนนสื่อเมืองนอกวิจารณ์แล้วก็ตกใจที่คะแนนต่ำมาก แต่พอมาดูจริงๆก็เข้าใจได้ว่าทำไมหนังถึงไม่โดนใจ พล็อตเรื่องก็พูดถึงเพื่อนซี้ 2 คน กลายเป็นผู้ต้องสงสัยฆ่าคนตาย เมื่อโดนกล่าวหาในสิ่งที่ไม่ได้ทำ ก็ต้องออกมาสู้เพื่อบอกว่าตัวเองบริสุทธิ์ หนัง 2 ชั่วโมงกว่า ครึ่งเรื่องแรกกับครึ่งเรื่องหลังอารมณ์มันแตกต่างกันสุดขั้ว พล็อตหนังไม่ได้ซับซ้อน มันเลยทำให้อารมณ์หนังเปิดกับปิดไม่เหมือนกัน สิ่งที่หนังโดดเด่นคือการใส่มุกตลกของไปของนักแสดงบทพูดหรือการเกริ่นนำโยงใยเนื้อหาต่างๆ มันจึงกลายเป็นความคอมเมดี้ที่มาในคราบสืบสวนสอบสวน ไม่ได้มีลูกเล่นดราม่าอะไรเยอะแยะ บทไม่ได้ดี แต่การลำดับเรื่องราวที่ของตัวละครที่มาทดแทน หนังเปิดพื้นที่มากมายให้เราคิดตามว่าปริศนามันคืออะไรกันแน่ วายร้ายเป็นใคร ทำไม 2 เพื่อนซี้โดนใส่ความแบบนี้ คือหนังมาในแบบดูได้เรื่อยๆ คาดเดาไม่ได้แล้วใช้พลังดาราเบอร์ใหญ่ตบท้ายอีกที
ต้องยอมรับเลยว่าพลังของนักแสดงนำที่ผู้กำกับหยิบจับมาใช่ มันช่วยขับเคลื่อนหนังได้ หนังมีประเด็นมากมายโยงใยตัวละครคนโน่นทีคนนี่ที เพียงแค่จังหวะปล่อยมุกของตัวละครมันใช้ได้ ลูกเล่นไม่ได้หวือหวาแต่ทำให้คนดูขำได้ ดาราชั้นนำมากมายทำให้หนังเรื่องนี้น่าดูไม่ว่าจะเป็น Christian Bale ที่มาในลุคผู้ดีทหารเก่า, John David Washington และ Margot Robbie ที่เรื่องนี้ก็ดูสวยมีเสน่ห์ตามแบบฉบับผู้หญิงฝรั่งเศส เคมีดารานำ 3 คนมี Impact ต่อหนังมากๆ ตอนแรกยังคิดเลยจะเหมาะจะเข้าแก๊ปกันหรือเปล่า แต่พอมาจับวางรวมกันทั้ง 3 คนเล่นเข้ากันได้ มีเสน่ห์ ชอบในซีนไขปริศนาเหมือนเรากำลังดูหนังจารชนยังไงยังนั้น อีกคนที่มาเติมเต็มก็คือ Chris Rock คนนี้ตอนแรกนึกว่าจะมาน้อย แต่เอาจริงๆแล้วเดี่ยวมือหนึ่งรายนี้ คือคนช่วย 3 พระเอกนางเอกไขปริศนาหาตัวคนร้าย Anya Taylor-Joy ที่เล่นได้โคตรมารยาน่ากลัวมากๆ ไหนจะมีดาราคนอื่นอย่าง Zoe Saldaña, Michael Shannon, Alessandro Nivola, Rami Malek, Robert De Niro, Taylor Swift พวกเขาเหล่านี้มาน้อยแต่โผล่มาแล้วสนุกมีฉากให้เราได้จดจำไปหมด
น่าเสียดายที่หนังมันค่อนข้างคาดหวังไว้พอสมควร เพราะเชื่อว่า David O. Russell มีเวลานาน 2 ปี ที่จะปรุงแต่งเรื่องราวให้ออกมาดีได้ รอบนี้เลยฉีกแนวออกไปทำหนังสืบสวนสอบสวน เพราะตัวละครโดนใส่ร้ายว่าเป็นฆาตกรและต้องมาพิสูจน์ตัวเองว่าเป็นผู้บริสุทธิ์ การวางพล็อตเรื่องมันดูไม่ได้อิน ตรงกับข้ามคือหนังมีบาดแผลเยอะไปหมดไม่ว่าจะเป็นการเอานักแสดงชื่อดังมาลงจอแต่ไม่ได้ใช้งานได้ถูกที่ถูกจุด ออกแนวเอาดารามาเรียกคนดู หนังจึงกลายเป็นว่าเล่าประเด็นไปเรื่อยๆไม่มีความแข็งแรงเลย ปูเรื่องว่าสืลสวนสอบสวน แต่ดันไม่ได้สนุก เหมือนพยายามหาจังหวะเล่นตลกไร้สาระ มันเลยทำให้ความซับซ้อนลูกเล่นที่หวังจะใช้เพื่อปูเนื้อหาไม่ได้ว้าว เมื่อเลือกมุกนี้สิ่งที่ได้กลับมาคือถ้าแป๊กหรือพังยับเลย เมื่อนำไปเปรียบเทียบกับ See How They Run ที่ตลกแบบไขคดีหาตัวคนร้ายคือเรื่องหลังนี่กินขาดมาก
เกร็ดจากหนังเรื่องนี้
- หนังทุ่มทุนสร้างไป 80 ล้านเหรียญ แต่หมดไปกับดารานำกว่า 50 ล้านเหรียญ
- Michael B. Jordan ขอถอนตัวไปถ่ายทำเรื่อง Creed 3 ทำให้ John David Washington ได้บทนำ
- Christian Bale แทบไม่มีสมาธิในการถ่ายทำเลย เมื่อได้เจอ Chris Rock ในกองถ่าย จนต้องหนีออกห่างไม่งั้นแสดงไม่ได้