28 Weeks Later (2007)
มหันตภัยเชื้อนรกถล่มเมือง
คะแนน
โกดังหนัง
ภาคต่อแบบกลายๆ ของ 28 Days Later ที่แม้เรื่องราวจะไม่คมเท่าภาคแรก แต่ก็ได้ในความโหดดิบ และซอมบี้วิ่ง 4x100 สุดสยองเหมือนเดิม
คำคมจากภาพยนตร์
“Step 1: Kill the infected. Step 2: Containment. If containment fails, then Step 3: Extermination." “สเตป 1: ฆ่าพวกติดเชื้อ สเตป 2: กักกันเชื้อ ถ้าการกักกันไม่สำเร็จ ก็ไปที่ สเตป 3: ทำการกวาดล้าง”
เรื่องย่อ
จากเชื้อไวรัสที่แพร่พันธุ์อย่างรวดเร็วหลังจากช่วง 28 วัน แต่สุดท้ายทางรัฐบาลและทหารอเมริกันก็สามารถควบคุมการแพร่เชื้อได้เป็นที่สำเร็จ ในช่วง 28 สัปดาห์ต่อมาสภาพในเมืองจึงปราศจากเชื้อและเหมือนว่าทุกคนจะกลับมาอยู่กันได้เป็นปกติกันอีกครั้ง จนในเมืองก็เริ่มเปิดรับผู้อพยพเข้ามา โดยมีพี่น้องสองคนนั่นคือ แทมมี่ และแอนดี้ ที่ได้เข้ามาอยู่กับพ่อของพวกเขา แต่ในระหว่างนั้น เด็กทั้งสองได้ละเมิดออกนอกเขตกักกันเพื่อไปตามหาแม่ข้างนอก และพบว่าแม่ของเขายังมีชีวิตอยู่ผิดกับที่พ่อบอกไว้ ทางการจึงพาแม่ของพวกเขากลับมาโดยที่ไม่รู้เลยว่า เธอนั้นเป็นพาหะที่จะทำให้เมืองแห่งนี้ล่มสลายกันอีกครั้ง
หนังเรื่องนี้เหมาะกับใคร
สำหรับ 28 Weeks Later นั้น ก็เป็นภาคต่อจาก 28 Days Later ที่ไม่จำเป็นต้องดูภาคแรกมาก่อนก็ได้ เพราะเป็นเหตุการณ์ที่ต่อกันในมุมกว้างๆ เท่านั้น ซึ่งในภาคนี้ก็ยังคงคอนเซปความโหด ดิบ เถื่อน เอาไว้อย่างครบถ้วน กับภาพความรุนแรงต่างๆ นานา และมุมกล้องเหวี่ยงๆ ที่ทำให้หนังดูมีความตื่นเต้นมากขึ้น อีกทั้งภาคนี้ยังน่าจะเหมาะกับคอหนังสายระทึกแบบเต็มสูบมากกว่าภาคแรก ด้วยการตัดพาร์ทดราม่าออกไปจนเกือบหมด และเน้นไปที่ฉากไล่ล่า และการเอาตัวรอดสุดระทึกเข้ามาแทน ก็น่าจะสาแก่ใจคอหนังสายนี้มาก เอาเป็นว่าใครที่ชอบหนังสายซอมบี้พันธุ์ดุแบบใน 28 Days Later และ World War Z แล้ว นี่ก็เป็นซอมบี้สาย 4×100 ที่ควรดู
- สายหนังสยองขวัญสุดระทีก
- สายหนังเอาตัวรอดจากหายนะ
- สายหนังซอมบี้
- สายหนังเชื้อระบาด
รีวิว / สรุปเนื้อหา
เหมือนเป็นหนังภาคต่อแบบกลายๆ ของ 28 Days Later ที่ได้รับคำชื่นชมไปอย่างมาก และขึ้นแท่นหนังซอมบี้ในดวงใจใครหลายคนไปเป็นที่เรียบร้อย ก็ไม่แปลกใจที่ความสำเร็จนี้จะส่งภาคต่อออกมา และเป็นการส่งไม้ต่อไปให้ผู้กำกับไฟแรงอย่าง Juan Carlos Fresnadillo ที่เคยมีผลงานเจ๋งๆ อย่าง Itacto มาก่อน โดยเรื่องราวของหนังในภาคนี้นั้น จะไม่มีการพูดถึงตัวละครต่างๆ จากภาคแรกเลย เพียงแต่เป็นเหตุการณ์ที่เล่าต่อกันมาเท่านั้น ว่าเหตุการณ์หลังจากเชื้อแพร่ใน 28 สัปดาห์แล้วออกมาเป็นอย่างไรบ้าง ซึ่งผู้กำกับก็ยังค่อนข้างเก็บโทนเดิมที่มีของหนังเอาไว้ ในด้านความโหด ดิบ เถื่อน ของบรรดาซอมบี้เอาไว้ได้เป็นอย่างดี ผ่านภาพที่ใส่เกรนแตกๆ เพื่อความดิบขึ้น
ในแง่ของเรื่องราวนั้น จริงๆ เรียกได้ว่าน่าหงุดหงิดมาตั้งแต่เริ่ม ว่าเหตุใดเมืองที่เคยเผชิญกับชิบหายมาก่อนแล้ว ถึงได้มีการป้องกันที่หละหลวมที่เพียงนี้ ตั้งแต่ปล่อยให้เด็กสองคนออกไปนอกเขตเมืองได้อย่างง่ายดาย ทั้งๆ ที่มีโอกาสนำเชื้อเข้ามาได้ง่าย รวมถึงการนำคนจากข้างนอกเข้ามาโดยที่ไม่มีการตรวจสอบให้เรียบร้อยว่ารอดมาได้อย่างไร และการหาเชื้อในร่างกายก็เป็นไปอย่างลวกๆ จนทำให้เกิดเหตุขึ้นอีกครั้ง อย่างไม่สมเหตุสมผลเท่าไร แต่ก็เป็นเรื่องที่คาดใจในระหว่างดูได้โดยเสมอมา
ในด้านของจังหวะเรื่องราวรู้สึกได้ว่าภาคนี้มีความอืดที่น้อยลงกว่าภาคแรก และเน้นไปที่การหลบหนีเอาชีวิตรอดของตัวละครมากกว่า แม้ว่าจะสูญเสียด้านมืดของพาร์ทมนุษย์ไป แต่ก็เพิ่มความตื่นเต้นลุ้นระทึกเข้ามาได้ตลอดทั้งเรื่องแบบนอนสต๊อปแทน เรียกได้ว่าตั้งแต่เปิดฉากแรกมาก็สร้างความสยองได้อยู่หมัดแล้ว ซึ่งในส่วนฉากที่เหลือก็ทำออกมาได้เป็นอย่างดี ทำให้มันเป็นภาคต่อที่เน้นในเรื่องความบันเทิงฉับไว และตอบโจทย์คอหนังสายซอมบี้ชวนลุ้นระทึกเป็นอย่างมาก
เกร็ดจากหนังเรื่องนี้
- ไอเดียตั้งต้นตอนแรกที่ทางทีมสร้าง 28 Days Later จะทำ ก็คือการทำภาคต่ออย่าง 29 Days Later ที่อาจหยิบเอาทีมตัวละครเดิมอย่าง Jim, Selena และ Hannah มาเล่าถึงเหตุการณ์ที่พวกเขาต้องเผชิญต่อ แต่สุดท้ายก็ต้องปรับเปลี่ยนมาเป็น Week แทน เพื่อความสดใหม่ ในระดับใหญ่ขึ้น
- การที่ Danny Boyleไม่ได้มาทำภาคต่อของหนังเองนั้น เพราะช่วงนั้นเขาติดกำกับเรื่อง Sunshine อยู่ ส่วนทีมดาราในภาคแรก ก็ติดการถ่ายหนังเรื่องอื่นๆ อยู่เช่นกัน