นอกจากนี้หากจะพูดถึงหนังที่รายได้ทั่วโลกสูงสุดตลอดกาล ก็ยังเป็นหนังของเขาอย่าง Avatar (ซึ่งก่อนหน้าก็เป็น Titanic หนังของลุงแกที่ครองตำแหน่งมานานไม่ต่างกัน) ทำให้หาก James Cameron จะขยับมาทำหนังทีไร ย่อมเป็นที่จับตาทุกที อย่างล่าสุดกับโปรเจค Avatar นั้น ก็เตรียมออกฉายสิ้นปีแล้ว แถมยังวางแผนต่อไปจนถึงภาค 5 อีก วันนี้เลยอยากพาคนดูมาย้อนดูผลงานเก่าของลุง James นิดนึงว่า ผลงานของลุงแกมีอะไรบ้าง ทำไมทุกผลงานถึงน่าจับตาเหลือเกิน

Aliens (1986) – ฝูงมฤตยูนอกโลก

เอลเลน ริปลี่ย์ ผู้รอดชีวิตหนึ่งเดียวจากดาวเคราะห์ LV-426 เมื่อเธอกลับมายังโลกกลับไม่มีใครเชื่อในสิ่งที่เธอบอกเล่าออกไป แต่แล้วฝันร้ายก็ต้องกลับมาอีกครั้ง เมื่ออาณานิคมบนดาวนั้น ดันขาดการติดต่อ ทางบริษัทจึงส่งทีมงานเข้าไปตรวจสอบเพื่อค้นหาว่าเกิดอะไรขึ้น โดยมี ริปลี่ย์ ต้องเข้าไปเป็นที่ปรึกษาสำหรับภารกิจนี้ โดยมีเหล่าเอเลี่ยนรอคอยพวกเขาอยู่

จะมีหนังภาคต่อสักกี่เรื่องที่ทำออกมาได้ดีไม่แพ้ตำนานที่เคยถูกสร้างไว้ในภาคแรก ซึ่ง Aliens ก็เป็นหนึ่งในหนังที่ว่านั้น เพราะนอกจากมันจะขยายสเกล และโยน ริปลี่ย์เข้าไปเผชิญกับฝูง Aliens แทนที่จะเป็นแค่ 1 Alien แล้ว ตัวหนังก็ยังคงความสยองขวัญได้เป็นอย่างดี ด้วยเรท R แบบที่ใช้อย่างเหมาะสม ความโหดที่สาแก่ใจ จนสร้าง ริปลี่ย์ ให้กลายมาเป็นตำนานของหญิงแกร่งที่เผชิญกับภัยอันตรายได้อีกครั้ง พร้อมทั้งความมันส์สะใจที่ยิ่งใหญ่กว่าเดิม

The Abyss (1989) – ดิ่งขั้วมฤตยู

เวอร์จิล บริกก์แมน หัวหน้าแท่นขุดเจาะ ที่ได้รับภารกิจร่วมกับลินด์เซย์ภรรยาเก่า พร้อมทั้งหน่วย Seals อีกจำนวนหนึ่ง ให้ต้องไปเก็บกู้เรือดำน้ำนิวเคลียร์ของกองทัพเรือสหรัฐ ที่ดันอัปปางลงไปในหุบเหวใต้มหาสมุทร แต่แล้วเมื่อพวกเขาลงไปกลับพบว่าแท้จริงแล้วเป็นฝีมือของมนุษย์ต่างดาวนอกโลกที่ทำให้เรือลำนี้จมลง 

อีกหนังที่กระแสค่อนข้างแตกของ James Cameron ด้วยความที่หนังอาจจะมี Subplot เยอะ ทั้งเรื่องภารกิจกู้นิวเคลียร์ การเผชิญหน้ากับต่างดาว รวมถึงความสัมพันธ์ของ 2 ตัวละครเอกอีก เลยทำให้คนอาจจะจับประเด็นยากไปนิด แต่ทว่าด้วยความที่ James เองก็เป็นนักเล่าเรื่องมือฉมังอยู่แล้ว ทำให้การเล่าแต่ละอย่างไม่สร้างความสับสน มึนงงให้กับคนดู และทำให้คนดูเข้าใจได้ตลอดเรื่องว่าใครกำลังทำอะไร รวมถึงจุดประสงค์ของต่างดาวด้วย ในส่วน CG ก็ทำมาดีมากๆ จนเชื่อว่าหยิบมาดูตอนนี้ก็ไม่ได้ขัดตาเท่าไรนัก

Terminator 2: Judgment Day (1991) – ฅนเหล็ก 2029 วันพิพากษา

หลังจาก 11 ปีที่ ซาร่าห์ คอนเนอร์ ได้เอาชีวิตรอดจากการตามล่าของหุ่นสังหาร T-800 มาได้ ก็ต้องเลี้ยงดูความหวังของโลกใบนี้ นั่นก็คือ จอห์น คอนเนอร์ ลูกชายคนเดียวของเธอเพียงลำพัง แต่แล้วเธอก็ต้องแยกจากกับจอห์น เพราะถูกจับเข้าโรงพยาบาลประสาท หลังจากที่พยายามทำลายโรงงานผลิตคอมพิวเตอร์ที่จะนำมาสู่สกายเน็ต องค์กรที่จะผลิตจักรกลสังหารในอนาคตจนโลกต้องล่มสลาย ทำให้ จอห์น เองต้องเติบโตมากับครอบครัวพ่อแม่บุญธรรมแทน ขณะเดียวกันในโลกอนาคต ทาง สกายเน็ต ก็ยังคงหวังที่ฆ่า จอห์น ในอดีตอีกครั้งอีกครั้ง เพื่อยับยั้งผู้นำฝ่ายมนุษย์ จึงส่งหุ่นสังหารรุ่นใหม่ T-1000 ที่สามารถเปลี่ยนรูปร่างกายภาพได้ ซึ่งเมื่อทางฝ่ายต่อต้านนำโดยจอห์นในอนาคตล่วงรู้จึงแก้ไขโปรแกรมให้กับหุ่น T-800 และส่งมาคุ้มครองตัวเองและแม่ในอดีตเช่นกัน

หนังที่จะเหมาะกับคอหนังแอคชั่นในทุกยุคทุกสมัย แม้จะเป็นแนวไซไฟที่ใช้การคอนเซปการย้อนเวลา แต่ก็เล่าออกมาให้ย่อยง่ายดูง่าย ไม่ได้เน้นทฤษฎีอะไรให้มากมาย อีกทั้งยังมีฉากแอคชั่นใหญ่ๆ มันส์ๆ เยอะแยะเต็มอิ่ม และพาร์ทดราม่าดีๆ ให้เราผูกพันกับตัวละครที่ชวนให้เสียน้ำตากันได้อีกด้วย ทำให้หนังเรื่องนี้เป็นหนังที่ยากจะหาเรื่องใดมาเปรียบ แต่เอาเป็นว่าหากดูคนเหล็กภาคใหม่ๆ แล้วถูกใจ ยังไงก็ต้องย้อนกลับมาดูภาคนี้กันอยู่ดี เพราะมันคือ Masterpiece ของหนังชุดนี้แล้ว

True Lies (1994) – คนเหล็ก ผ่านิวเคลียร์

สายลับพิเศษ แฮร์รี่ แทสเกอร์ ใช้ชีวิต 2 บทบาท ด้วยความสามารถอันคล่องแคล่วถึง 6 ภาษา และความเชี่ยวชาญทางด้านปัญญาอันแหลมคมในทุกสถานการณ์ แฮร์รี่รับหน้าที่เป็น สปายระดับนานาชาติ สำหรับสุดยอดหน่วยรัฐบาลลับ แต่ในระยะเวลา 15 ปีที่ผ่านมา ภรรยาเขา เฮเลน เชื่อมาตลอดว่าเขา เป็นเพียงเซลส์แมนขายคอมพิวเตอร์ แฮร์รี่มีความชำนาญอันโดดเด่น และความกล้าหาญอดทนที่จะช่วยประเทศของเขาได้ เพียงแต่ถ้าเขาสามารถยืนหยัดชีวิตสมรสเขาไว้ให้ได้เช่นกัน จนกระทั่งกลุ่มก่อการร้ายจีฮัดจับลูกเมียของเขาไปเป็นตัวประกัน เลยปลุกความเป็นสายลับออกมา

หนังที่ดัดแปลงมาจากหนังฝรั่งเศส La Totale ในปี 1991 ผ่านวิสัยทัศน์ของผู้กำกับไอเดียล้ำ James Cameron ที่ดึงเอาพระเอกคู่บุญจากคนเหล็ก Arnold Schwarzenegger มาแสดงนำมันซะเลยพลิกโฉมให้หนุ่มกล้ามโตกลายเป็นสายลับอเมริกันที่มาทำภารกิจลับปกป้องภรรยา หนังเรื่องนี้ออกแนวล้อและคารวะ James Bond ตอน Goldfinger ซะมากกว่าเน้นฉากแอ็คชั่นทุนสร้างสูงเน้นความมันส์ ผู้หญิงเพียบ แต่เป็นสายลับที่ไม่เพียบพร้อมอะไรเลย มีปัญหากับลูกเมียตัวเอง หนังประสบความสำเร็จอย่างงดงามในปี 1994 ช่วยให้ Arnold ได้มีภาพจำในบทสายลับกับเขาบ้าง

Titanic (1997) – ไททานิค

แจ๊ค ชายหนุ่มผู้รักอิสระได้รางวัลเป็นตั๋วโดยสารเรือไททานิคชั้น 3 มาจากการเล่นโป๊กเกอร์ จนทำให้เขาได้พบกับ โรส คุณหนูจากครอบครัวชั้นสูง ที่ถูกหมั้นหมายกับคู่หมั้นหนุ่มเป็นที่เรียบร้อย แต่โรสเองกลับมีความอึดอัดในแบบสังคมที่เป็นอยู่ ทำให้การได้พบกับแจ็ค จึงเป็นการเปิดโลกใบใหม่ของการใช้ชีวิตในแบบที่เธอไม่ได้รู้สึกมาก่อน จนก่อเกิดเป็นความรักเป็นเรือลำยักษ์นี้ขึ้นมา แต่ทว่าโชคชะตาก็โหดร้าย เมื่อเรือไททานิคที่พวกเขาโดยสารอยู่ด้วยกันนั้น กำลังจะประสบอุบัติเหตุไม่คาดฝัน จนเป็นหนึ่งในโศกนาฏกรรมครั้งใหญ่ในประวัติศาสตร์

นี่คือตำนานอีกเรื่องแหละ แต่จะบอกว่ามันเหมาะกับทุกคนก็อาจจะไม่ได้ถึงขนาดนั้น เพราะการที่ต้องนั่งดูหนังที่มีขนาดความยาว 3 ชั่วโมงกว่านั้น ถ้าหากไม่ชอบก็อาจจะเป็นความทรมานเปล่าๆ ซึ่ง Titanic นั้นก่อนอื่นต้องเข้าใจก่อนว่า จริงๆ แล้วพล็อตเรื่องความรักบนเรือก็คือน้ำเน่า ดอกฟ้ากับหมาวัดอะไรแบบนี้ แต่บนความน้ำเน่ามันก็ยังมีความสนุก มีความอลังการ มีฉากลุ้นระทึกเรือล่ม มีความเล่นใหญ่ใส่ใจรายละเอียดตามสไตล์ผู้กำกับ James Cameron ดังนั้นถ้าชอบงานประเภทแบบมหากาพย์อยู่แล้ว น่าจะปลื้มกับมันมากๆ เลย

Avatar (2009) – อวตาร

เจค อดีตนาวิกโยธินที่เป็นอัมพาตครึ่งตัวร่าง แต่เขากลับได้รับภารกิจอีกครั้ง ในการเปลี่ยนร่างกายให้เป็น ชาวนาวี ชนเผ่าต่างดาวสีฟ้า ที่อยู่บนดาวแพนโดร่า จากนั้นเขาต้องเข้าไปแทรกซึมในกลุ่มชาวนาวี โดยมีเป้าหมายหลักเพื่อให้เหล่ามนุษย์ได้เข้าไปเก็บแร่ที่เป็นทรัพยากรที่มีค่าของดาวได้ แต่แล้วเมื่อเจคได้เริ่มผูกพันกับชาวนาวีมากขึ้น เขาก็เริ่มที่จะเปลี่ยนใจ ละทิ้งคำสั่งเดิมและหันมาปกป้องพวกเขาแทน

หนังที่ครองตำแหน่งรายได้ทั่วโลกสูงสุดตลอดกาลกว่า 2 พันล้านเหรียญสหรัฐ ยาวนานมาถึงทุกวันนี้ และคงจะมีใครล้มได้ยากแล้ว ในยุคที่สตรีมมิ่งครองเมืองแบบนี้ โอกาสที่คนจะเข้าโรงก็คงน้อยลงไปด้วย ซึ่งด้วยรายได้ที่สูงมากของมัน ก็อาจทำให้หลายคนมองว่าหนัง Overated อยู๋ไม่น้อย ซึ่งส่วนตัวก็มองว่าในเรื่องของบทก็อาจจะดูธรรมดาแหละ เพราะพล็อตคนได้รับภารกิจกลับใจก็มีบ่อยครั้งแล้ว แต่ต้องบอกว่างานวิชวลและ CG ต่างๆ ของหนังก็อลังการงานสร้าง สวยงามแบบที่ละสายตาไม่ได้ ส่วนบทถึงจะง่ายๆ แต่การดำเนินเรื่องของหนัง และความเป็น Adventure ก็ดูสนุกไม่น้อยเลยแหละ