รวม 7 หนังเต้นสุดมันส์ แดนซ์กันกระจาย
ทุกช่วงเวลาที่ผ่านมาในโลกของภาพยนตร์ ในเรื่องของเสียงเพลง เสียงดนตรี และการกระโดดโลดเต้น มักเป็นส่วนหนึ่งในภาพยนตร์มาโดยเสมอ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากที่หนังอย่าง Step Up ก็ได้ปลุกกระแสหนังเต้นให้กลับมาอีกครั้ง ก็มีหนังเต้นมากมายที่ออกตามมาในช่วงเวลาดังกล่าว ซึ่งข้อเสียส่วนมากที่หนังเต้นเผชิญแบบไม่ต่างกัน ก็คือการสร้างพล็อตแบบสูตรสำเร็จ ความต่างชนชั้น ความสู้ฝัน จนสำเร็จในตอนท้ายให้คนดูได้ฟินกันตามๆ ไป แต่สุดท้ายคนก็มักให้ความสำคัญกันที่ฉากเต้นในเรื่องเสียมากกว่า
ในเดือนนี้ก็มีหนังเต้นเข้ามาใหม่อีกเหมือนกันโดยเรื่องนี้จะเป็นภาคต่อ ของหนังเต้นของผู้ชายสุดเซ็กซี่อย่าง Magic Mike ที่คิดว่าน่าจะเข้ามาเป็นภาคสุดท้ายปิดไตรภาคให้ได้น่าจดจำของตัวละคร ไมค์ นั่นเอง แต่ถึงแม้ว่าจะเป็นภาคต่อ แต่ก็ดูเหมือนเนื้อเรื่องมันจะฉีกออกมาโฟกัสที่ตัวละครเอกเดิมเท่านั้น พร้อมกับโชว์ใหม่ที่จัดเต็มอลังการ ส่วนคนเก่าๆ จะมาแจมรับเชิญบ้างไหมนั้น อาจต้องรอไปลุ้นเองในโรง แต่ตอนนี้ ลองมาดูหนังเต้นที่ผ่านมากันก่อนว่า มีเรื่องไหนที่น่าสนใจจนคัดมาให้กันบ้าง
1. Step Up (2006) – สเตปโดนใจ หัวใจโดนเธอ
ไทเลอร์ เกจ วัยรุ่นข้างถนนที่มีพรสวรรค์ในการเต้น ที่ไปก่อเหตุวิวาทจนทำให้ศาลสั่งเขาต้องไปบำเพ็ญประโยชน์โดยการไปทำความสะอาด ในโรงเรียนสอนบัลเล่ต์แห่งหนึ่ง จนได้พบกับ นอร่า นักเรียนสาวที่บังเอิญเห็นพรสวรรค์ในการเต้นของเขาพอดี เลยเกิดอยากที่จะชวนเธอนั้นมาเป็นคู่เต้นในงาน ทำให้เกิดเป็นส่วนผสมของการเต้นฮิปฮอปที่ดุดันกับความอ่อนช้อยของบัลเล่ต์ก็ผลักดันให้ทั้งคู่ได้แสดงความสามารถอันโดดเด่นได้บนเวที แต่แล้วความแตกต่างและความฝันของทั้งคู่ก็เริ่มส่อแววถึงปัญหาในความสัมพันธ์
หนังเต้นอีกเรื่องยุคนี้ ที่ไม่ว่าใครก็ต้องรู้จัก และสำหรับที่ชอบหนังสายเพลง สายเต้นกันแล้ว ก็ไม่มีเหตุผลใดที่จะพลาดหนังเรื่องนี้กันเลย เพราะนอกจากความสำเร็จในแง่ของความสำเร็จจากรายได้ของหนังและเป็นที่ชื่นชอบของคนแล้ว หนังยังเป็นตัวจุดกระแส Street Dance ขึ้นมาได้ฮิตระเบิดระเบ้อ แม้ว่าในภาคหลังๆ ของมันจะเต็มไปด้วยพล็อตเรื่องเดิมๆ ที่น่าจะเดากันได้จากสูตรสำเร็จตั้งแต่ต้นจนจบ แต่สุดท้ายการดีไซน์ฉากเต้นแบบเท่ๆ ล้ำๆ ก็เป็นอีกจุดที่ทำให้หนังยังมีผู้ติดตามต่อมาเรื่อยๆ แม้ว่าเนื้อหาจะกลวงโบ๋ก็ตาม
2. Magic Mike (2012) – เขย่าฝันสะบัดซิกแพค
ไมค์ หรือ เมจิค ไมค์ ชายหนุ่มผู้ทำงานกลางคืนเป็นอาชีพด้วยมอบความสุขให้กับบรรดาลูกค้าของเขาผ่านงานเต้นระบำเปลืองผ้า ในคลับของ ดาลลัส ที่เคยเป็นอดีตนักเต้นเก่าและหันมาเป็นร้านเป็นของตัวเอง จนวันหนึ่ง ไมค์ ได้พบกับ เดอะคิด หนุ่มน้อยมือใหม่ที่หวังจะเข้าวงการบ้าง ไมค์เลยได้สอนทักษะต่างๆ ให้กับเขาหากจะอยู่ในวงการนี้
อีกหนังเต้นแบบโทนเข้มโดยผู้กำกับ Steven Soderbergh ที่มีแต่ผลงานดีๆ ทั้งนั้น ซึ่งในเรื่องนี้ก็เช่นกัน แม้ว่าแกนหลักของเรื่องจะเป็นแก๊งผู้ชายเต้นจั้มบ๊ะ ขายเซ็กซี่ แต่พอเอาเข้าจริง หนังกลับไปพาไปสำรวจชีวิตพวกเขาได้อย่างสนใจ ถึงพวกแนวคิด ทัศนะคติว่าทำไมพวกเขาถึงเลือกงานนี้ ยิ่งพอถ่ายทอดออกมาได้แบบดิบๆ ตามสไตล์ผู้กำกับแล้ว มันก็จะยิ่งดูมีความเรียล ตามติดชีวิตพวกเขามากขึ้นไปอีก ซึ่งหนังก็ได้รวบรวมดารามาดเข้มไว้เยอะ เพื่อไว้ดึงดูดสาวๆ แต่สุดท้ายมันก็ได้ใจคนดูหนังแบบทุกเพศไปเหมือนกัน จนถึงขนาดมีภาค 3 ตามออกมาได้
3. Honey (2003) – ขยับรัก จังหวะร้อน
ฮันนี่ แดเนียลส์ สาวที่มีความฝันจะเป็นนักออกแบบท่าเต้นฮิปฮอป ที่ความฝันเธอก็ไม่ง่าย เธอจึงเริ่มต้นด้วยการเป็นครูสอนเต้นในชุมชนแห่งหนึ่งย่านคนดำในฮาเลม เพื่อหวังว่าจะได้ช่วยเหลือเด็กๆ ไม่ต้องไปเป็นสามาชิกแก๊งในแถบนั้น จนกระทั่งเธอได้เจอกับผู้กำกับ Music Video ที่อยากจะให้เธอไปแสดง แต่ทว่าสิ่งที่เธอต้องแลกมานั้น กลับทำให้เธอต้องตัดสินใจครั้งใหญ่ในชีวิต
หนังเต้นสูตรสำเร็จอีกเรื่องที่มีจุดดึงดูดด้วยดาราชื่อดังในสมัยนั้นอย่าง Jessica Alba ซึ่งต้องเรียกว่าเป็นดาราอีกคนที่ Sex Appeal สูงมากๆ จนทำให้หนังมีความน่าสนใจขึ้นเยอะ ในส่วนของประเด็นความฝัน และสิ่งที่ต้องแลกมาก็ทำออกมาได้ค่อนข้างดี มีปมที่ผูกให้คิดอยู่บ้างแม้ว่าเนื้อเรื่องจะเดาได้ไม่ยากก็ตาม ในส่วนของท่าเต้นอะไรก็ออกมาแบบได้สนุก ดูมีพลังน่าสนใจ จนทำให้ถึงนักวิจารณ์จะยี้ แต่วัยรุ่นยุคนั้นกลับชอบจนต้องคลอดออกมาเป็นหนังแผ่นได้อีกถึง 2 ภาคเลย
4. Stomp the Yard (2007) – จังหวะระห่ำ หัวใจกระแทกพื้น
ดีเจ วิลเลียม เด็กหนุ่มที่คนในครอบครัวเพิ่งถูกฆ่าตาย เขานั้นเป็นเด็กหนุ่มที่มีพรสววรค์ทางด้านการเต้นมาก แต่ด้วยฐานะที่ไม่ดี ทำให้เขานั้น ต้องทำงานไปด้วยระหว่างเรียน ซึ่งเขาก็ได้พบกับ เอพริล เพื่อนร่วมชั้นคนสวยที่เขาสนใจ พร้อมทั้งพบว่าที่เรียนแห่งนี้ มีการแข่งเต้นสเต็ปปิ้งซึ่งเป็นประเพณีสำคัญ จนทำให้เขานั้นตัดสินใจเข้าร่วมท่ามกลางปัญหาชีวิตที่เกิดขึ้นมากมาย
อีกหนังเต้นพล็อตเด็กชั้นล่าง พยายามไต่เต้าและประสบความสำเร็จ แต่ก็มีดีในด้านฉากเต้นเข้มๆ เดือดๆ จนน่าจะเป็นฉากเต้นอันดับต้นๆ ของกลุ่มหนังเต้นเลยก็ว่าได้ มันเลยเป็นที่ถูกอกถูกใจของใครหลายคนอยู่ แม้ว่าคะแนนในสำนัก imdb จะให้ไว้น้อยมากๆ ก็ตาม เพราะตัวบทที่ค่อนข้างธรรมดาจนเกินไป แถมยังไม่ค่อยเมกเซนส์นัก แต่มันก็เป็นหนังเต้นที่หลายๆ คนยังเลือกหามาดู เพราะฉากเต้นที่ขึ้นชื่อนี่แหละ จนไม่แปลกใจชื่อไทยถึงกับใช้คำว่า จังหวะระห่ำ เลย 555+
5. Footloose (2011) – เต้นนี้เพื่อเธอ
เรน แมคคอร์แม็ค เด็กหนุ่มที่ย้ายจากในเมืองมาอยู่ชานเมือง จนต้องพยายามปรับตัวอย่างมากให้เข้ากับที่นี่ แถมมันยังมีกฏแปลกๆ ของเมือง ที่มาจากการสูญเสียของคนในเมือง จนทำให้เมืองนี้จึงมีข้อห้ามไม่ให้เปิดเพลงเสียงดัง หรือมีการเต้นรำ แต่การเข้ามาของ เรน ก็พยายามสั่นคลอนกฏที่ว่านี้ ด้วยการนำดนตรีเข้ามาสู่เมือง และได้พบรักกับ เอเรียล ลูกสาวของผู้คุมเมืองจอมโหดอีกด้วย
หนังที่ Remake มาจากหนังชื่อเดียวกันตอนปี 1984 ที่แสดงโดย Kevin Becon แล้วดังแบบระเบิดระเบ้อในยุคนั้น จนเรียกว่าเป็นหนังเต้น Pop Iconic แห่งยุคเลยก็ว่า จึงไม่แปลกนักที่จะมีการเอามาทำใหม่หลังจากผ่านมาเกือบ 30 ปี ซึ่งแน่นอนว่าหนังก็โดนเปรียบเทียบกับต้นฉบับค่อนข้างหนัก ทั้งๆ ที่คุณภาพหนังก็ไม่ได้แย่ขนาดนั้น ทีมดาราใหม่ก็มีเสน่ห์ในการเต้นและออกลวดลายท่าทาง เพียงแต่ว่าพล็อตเรื่องมันอาจจะไม่ได้มีอะไรที่น่าสนใจและน่าจดจำก็เท่านั้นเอง แต่ส่วนตัวก็ถือว่าชอบทั้งสองเวอร์ชั่นนั่นแหละ
6. Billy Elliot (2000) – ฝ่ากำแพงฝันให้ลั่นโลก
บิลลี่ เด็กชายอายุ 11 ที่เกิดมาในครอบครัวคนงานเหมืองในยุคที่เศรษฐกิจย่ำแย่เหมืองโดนปิดพอดี จนทำให้สถานการณ์ในบ้านจึงค่อนข้างตึงเครียดอยู่เสมอ ในขณะที่พ่อของเขาก็อยากให้เขาได้กิจกรรมแบบแมนๆ อย่างชกมวย แต่สุดท้ายบิลลี่กลับสนใจในการเต้นบัลเล่ต์จากที่เรียนข้างๆ มากกว่า ท่ามกลางความไม่ยอมรับของทั้งพ่อ และพี่ของเขาที่มองว่ามันคือกิจกรรมของผู้หญิง แต่บิลลี่ก็ยังคงเชื่อมั่น และไม่ทิ้งความฝันของตัวเอง
อีกหนังที่เกี่ยวกับการเต้นชั้นเยี่ยมอีกเรื่องของโลกภาพยนตร์ เพราะมันไม่ได้แค่ออกมาเต้นๆ เหมือนอย่างเรื่องอื่นๆ แต่กลับมีเรื่องราว และประเด็นมากมายที่สอดแทรกอยู่ข้างในนั้น ไม่ว่าจะเป็นประเด็นเรื่องเพศ ที่สมัยนั้นยังมีการแบ่งแยกกิจกรรมของผู้ชาย ผู้หญิงชัดเจน จนกระทั่งใครข้ามไปทำอย่างอื่น ก็จะดูประหลาดในสายตาคนอื่นในทันที นอกจากนี้ Billy Eliot ก็ยังสอดแทรกประวัติศาสตร์ช่วงหนึ่งของอังกฤษที่สะท้อนถึงระบบชนชั้น และทัศนคติผู้คนยุคนั้นได้อย่างน่าสนใจ และอย่าเพิ่งคิดว่าพอเป็นบัลเลต์แล้วจะดูยาก เพราะการเลือกเพลงมาใช้ในหนังเรื่องนี้ก็ทำมาได้อย่างชาญฉลาด และมีแต่เพลงโดนๆ ในตำนานเพียบเลย
7. High Strung (2016) – จังหวะนี้หยุดโลก
รูบี้ นักบัลเล่ต์ที่ยึดติดกับความสมบูรณ์แบบจนทำให้เธอไม่สามารถคิดอะไรนอกกรอบได้มากนัก จนเกิดความกดดันและมีโอกาสที่เธอจะโดนถอดทุนออก จนกระทั่งเธอได้พบกับ จอห์นนี่ หนุ่มที่ใช้ชีวิตอย่างอิสระ และเล่นไวโอลินอยู่ตามท้องถนนตามที่ใจตัวเองต้องการ เมื่อทั้งคู่ได้มาพบกันก็ได้พยายามผสานแนวดนตรีลูปแบบศิลปะที่พวกเขาชอบ ให้กลายเป็นผลงานที่แตกต่าง และไปร่วมแข่งงาน String & Dance ที่จัดขึ้น
เอาแค่พล็อตเรื่องก็ดูแล้วไม่ต่างอะไรจากสูตรสำเร็จในหนังอย่าง Step Up สักเท่าไร ที่ว่าด้วยหนุ่มสาวจากคนละโลกที่มาเจอกัน และพยายามหลอมรวมความแตกต่างให้เป็นหนึ่งเดียว แล้วก็เกิดเป็นความรัก มีอะไรผิดใจ แล้วก็ค่อยไปลงเอยอย่างสวยงาม แต่ทว่าความแปลกใหม่ก็ยังพอมีตรงที่จังหวะการเต้นที่เอาแนวบัลเล่ต์ที่เข้าถึงยาก มาผสมกับแนวสตรีทก็ได้อะไรที่ค่อนข้างแปลกใหม่ดี ทั้งท่าทางและลีลาก็เรียกได้ว่าชวนตื่นเต้น ตื่นตา รวมถึงในแง่คาแรคเตอร์ของตัวละครก็ค่อนข้างชัดดี พอดูแล้วก็รู้สึกต่างออกไปจาก Step Up ไม่น้อย แม้ว่ามันจะคล้ายกันมากเหลือเกินก็ตาม