เรื่องย่อ

ดับเบิลยู ยูจีน สมิธ ช่างภาพนิตยสารชื่อดังและภรรยาของเขาไอลีน ที่ช่วยกันตีแผ่ความจริงเกี่ยวกับการทิ้งสารปรอทลงในแม่น้ำโดยบริษัทชิซโซะ ซึ่งการทิ้งสารพิษนั้นดำเนินมาอย่างยาวนานตั้งแต่ปี 1932 ถึง 1968 ดับเบิลยู ยูจีน สมิธ ได้เดินทางมาเก็บภาพและบันทึกเหตุการณ์การต่อสู้ของชาวเมืองที่ได้รับผลกระทบ เพื่อให้เรียกร้องให้ทางบริษัทรับผิดชอบ ซึ่งเหตุการณ์นี้ทำให้เขาต้องเผชิญกับกลุ่มผู้ทรงอิทธิพลจากบริษัทชิซโซะที่ส่งคนมาทำร้ายร่างกายเขาจนได้รับบาดเจ็บสาหัส แต่เขาก็ไม่ย่อท้อจนออกหนังสือภาพบันทึกเหตุการณ์ตีแผ่ความจริงออกมาในปี 1975

หนังเรื่องนี้เหมาะกับใคร

สำหรับ Minamata เป็นหนังดราม่าคนที่ชอบหนังที่หยิบเรื่องจริงในหน้าประวัติศาสตร์ญี่ปุ่นมานำเสนอได้น่าสะเทือนใจ ไม่ได้ดีแค่ความดราม่า แต่หนังแทรกความเลื่อมล้ำออกมาได้ตรงประเด็นคนที่ชอบแนวทางตรงไปตรงมาเสียดสีสังคมแน่จะชอบใจเรื่องนี้ แฟนหนังแนวอาร์ตๆที่รักการถ่ายภาพจะอินกับหนังเรื่องนี้เพราะการเรียบร้องเรื่องราวผ่านภาพถ่ายที่ใช้มูดแอนด์โทนเป็นขาวดำเป็นการพรีเซนต์ที่แท้สอดคล้องกับเนื้อหาหนังมันเลยเป็นความงดงามแก่ผู้ชม

• สายหนังสายรางวัล
• สายหนังดราม่า
• สายหนังญี่ปุ่น
• สายหนังชอบถ่ายภาพ
• สายหนัง Johnny Depp

รีวิว / สรุปเนื้อหา

เมื่อดูจบเรานิยามหนังเรื่องได้เลยว่า ความเหลื่อมล้ำก่อเกิดขึ้นในสังคมทุกหนทุกแห่ง ช่างภาพชื่อดังคนหนึ่งที่ถูกส่งตัวมายังญี่ปุ่นเพื่อถ่ายภาพข่าว หลังเขาได้รับข้อมูลจากผู้คนในท้องถิ่นเมืองมินามาตะ จังหวัดคุมาโมโตะ ที่ประชากรในเมืองได้รับสารพิษมาจากการทิ้งน้ำเสียที่มีสารปรอทเจือปนของบริษัทที่ทรงอิทธิพลในเมือง หนังหยิบความไม่เท่าเทียมในสังคม ที่เราเห็นชาวบ้านธรรมดาตาดำๆออกมาต่อสู้ เพราะพวกเขาเป็นคนอยู่อาศัยไม่รูอิโหน่อิเหน่ แต่มารับผลกระทบในสิ่งที่ไม่ต่อทำอะไรเลยไม่รู้เรื่องด้วยซ้ำ ว่าง่ายๆคือรับเคราะห์จากนายทุนคนมีเงินที่ไม่แคร์อะไรทั้งสิ้น สิ่งที่เรารับรู้ว่าคนมีเงินมองคนชนชั้นล่างเหมือนอยู่คนละโลก ไม่แคร์ว่าจะอยู่ยังไง พวกเขาขอเพียงแค่รักษาผลประโยชน์เล่นงานคนที่ต้องการเปิดเผยความจริง ร่วมมือกับภาครัฐรังแกชาวบ้านเพื่อปิดปากไม่ให้มีสิทธิ์มีเสียง สังคมญี่ปุ่นในอดีตเหมือนภาพจำลองบางประเทศในยุคปัจจุบัน คนชนชั้นล่างพวกเขาแค่อยากต่อสู้เพื่อให้เกิดความเท่าเทียมเพื่อที่พวกเขาจะได้ไม่เจอกับแวดล้อมที่เลวร้าย นี่แหละที่หนังสื่อสารออกมา

ไดอาล็อคหนังนอกจากสื่อสารเรื่องความเหลื่อมล้ำ อีกจุดหนึ่งที่แฝงลงไปคือเรื่องจรรยาบรรณการเป็นสื่อแม้ Johnny Depp ไม่ใช่นักข่าว แต่การทำงานช่างภาพเขาต้องลงพื้นที่สำรวจ เพื่อนำเสนอข้อมูลที่เป็นความจริงส่งให้สำนักพิมพ์ตัวเอง เขาได้พบเจอเรื่องเดิมๆเรื่องที่เลวร้ายของคนในพื้นที่ที่โดนรังแกเต็มไปด้วยความเจ็บปวด หลายๆฉากที่แอบไปถ่ายภาพตามสถานที่ต่างๆ เรารู้สึกว่าหนังสื่อสารให้เห็นถึงคนที่เป็นสื่อที่ดี ใช้การตัดสลับไปเป็นภาพขาวดำและสัดส่วนตามแบบกล้องฟิล์มเหมือนที่ยูจีนใช้เป็นระยะๆ จำลองให้ยิ่งรู้สึกร่วมไปกับเรื่องราวจริงทั้งภาพของผู้คนในเมืองหรือการชุมนุมประท้วงต่อบริษัทเจ้าปัญหา การเสาะหาความจริงมาเล่า การเป็นช่างภาพดังทำให้เขาถูกปั่นป่วนตามรังควานจากนายทุนใหญ่บริษัทชิซโซะ ที่พยายามเชื้อเชิญเข้ามาเป็นมิตรเป็นพวก หวังจะยัดเงินซื้อใจเพื่อปกปิดความจริงที่เลวร้ายในเหตุการณ์นี้ มันเลยทำให้องค์ประกอบหนังไม่ใช่แค่การต่อสู้อย่างเดียว แต่ยังทำให้ตัวละคร William Eugene Smith เลือกจะเคียงข้างความจริงความถูกต้องไปพร้อมๆกับคนในเมืองและนักข่าวท้องถิ่น แม้จะโดนรังแกโดนสาระพัดปัญหาเข้ามาก็ตาม

ถ้าหากไม่พูดถึงการแสดงของ Johnny Depp ก็คงจะไม่ได้แน่ๆ เรารู้สึกว่าแม้จะโดนคำครหาประเด็นดราม่ามากมาย แต่เมื่อได้แสดงหนังเมื่อไหร่ ป๋ายังคงมีของอยู่เสมอ คนอะไรแค่จับกล้องถ่ายรูปแค่นี้ก็เท่ห์แล้ว ลุคการแต่งกายคอสตูมคือใกล้เคียงกับช่างภาพตัวจริงเลย William Eugene Smith เราชอบที่ Depp พยายามจะเล่าเรื่องให้เห็นถึงความเลวร้ายในสังคมมินามาตะ มันสั่นสะเทือนความรู้สึกผู้ชมเมื่อได้พบเห็น อึ่งมากคือไม่คิดว่าชาวบ้านทั่วไปจนโดนได้ขนาดนี้ การที่ป๋า เข้าไปร่วมแสดงกับคนในญี่ปุ่นทั้งกลุ่ม Extra ตัวประกอบ คือนักแสดงท้องถิ่น ให้อารมณ์เหมือนเรากำลังไปดูชาวจากตะวันตกคน 1 เข้าไปอยู่เหตุการณ์โศกนาฏกรรมที่ยากจะลืมเลือน บทที่แสดงมาทรงพลังมาก นอกจากการแสดงของพระเอกหล่อตลอดกาลแล้วอีกจุดหนึ่งที่ต้องชื่นชมคือหนังไม่ได้เล่าแค่ภาพการแสดง แต่ยังนำภาพฟุตเทจจริงๆเข้ามาใส่ด้วย มีภาพนิ่งเหตุการณ์ในอดีตมาประกอบเลยยิ่งทำให้หนังมีความจริงที่จับต้องได้ เมื่อดูจบเรารู้ว่าหนังเรื่องนี้คุณภาพของจริงไม่แปลกใจเลยทำไมถึงดังในหลายๆประเทศในยุโรป