Wrath of Man (2021)
คนคลั่งแค้น ปล้นผ่านรก
คะแนน
โกดังหนัง
นี่คือหนังปล้นล้างแค้นที่พล็อตเรื่องถูกแบบมาได้แบบแยบยลมาก มีกลิ่นอายแอ็คชั่นทริลเลอร์ที่ดีกรีเดือดแน่นอน แฟนๆหนังของ Jason Statham ไม่ควรพลาดหนังเรื่องนี้เด็ดขาด ไปดูในโรงไมผิดหวังแน่นอน
คำคมจากภาพยนตร์
"Everything comes at price"
"ทุกอย่างมีราคาที่ต้องจ่าย"
เรื่องย่อ
หลังจากการถูกซุ่มโจมตีอย่างรุนแรงต่อรถหุ้มเกราะคันหนึ่ง บริษัท ฟอร์ติโก้ ซีเคียวริตี้ ซึ่งตั้งอยู่ในลอสแองเจลิสได้ว่าจ้างพนักงานใหม่ผู้ลึกลับนาม แพทริค ฮิลล์ ที่กลายเป็นที่รู้จักกันในชื่อ "เอช" และต้องมาเรียนรู้งานจากคู่หู "บุลเล็ต" ในตอนแรก เอช ดูเหมือนจะเป็นคนเงียบ ๆ เอาแต่ก้มหน้าทำงานหาเลี้ยงชีพ แต่เมื่อ เขา และ บุลเล็ต กลายเป็นเป้าหมายของการโจรกรรม ทักษะที่น่ากลัวของ เอช ก็ถูกเปิดเผย เขาไม่เพียงแต่เป็นนักแม่นปืนผู้เชี่ยวชาญที่เก่งกาจในการต่อสู้แบบประชิดตัวเท่านั้น แต่ยังเป็นคนที่กล้าหาญไร้ความปรานีและเป็นตัวอันตรายขั้นสุด อีกทั้งยังมาพร้อมความแค้นที่กำลังรอวันสะสางให้ถึงนรก
หนังเรื่องนี้เหมาะกับใคร
สำหรับ Wrath Of Man เป็นหนังที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวที่สูงมาก ไม่ใช่หนังแอ็คชั่นเลือดสาดหรือหนังกวนประสาทตามสไตล์เดิมๆของ Guy Ritchie วิธีการเล่าเรื่องจะขับเคลื่อนด้วยความเป็นทริลเลอร์ซาวด์ประกอบที่จะมาบิ้วอารมณ์ผู้ชมให้ลุ้นระทึกกับเหตุการณ์แต่ละซีนตรงหน้า ผสมผสานกับเส้นเรื่องที่ซับซ้อน โจรที่เหลี่ยมจัด พนักงานรถขนเงินที่มีความลับที่ปิดบังเอาไว้ แต่ฉลาดหลักเหลี่ยมทักษะสูงพร้อมที่จะจัดการคนร้าย นี่คือหนังสไตล์เราคาดไม่ถูกว่าบทสรุปจะออกมาเป็นแบบไหน ถ้าหากไม่ได้สัมผัสเนื้อเรื่องด้วยตัวเอง
- สายหนังหักเหลี่ยมเฉือนคม
- สายหนังกาย รีชชี่
- สายหนังทริลเลอร์ลุ้นระทึก
รีวิว / สรุปเนื้อหา
ยอมรับเลยว่านี่คือหนังที่อาจไม่ได้ถูกใจผู้ชมหลายๆกลุ่มมากหนัก เพราะไอเดียการทำหนังของ Guy Ritchie มีไอเดียที่ไม่ค่อยเหมือนใครซะด้วย พล็อตหนังมีความเป็นแอ็คชั่นทริลเลอร์มีกลิ่นอายหนังแนวสืบสวนสอบสวน ตัวละครหลักอย่าง เอช นักขนเงินหน้าใหม่ของบริษัทที่เข้ามาทำงานในช่วงที่บริษัทขนเงินกำลังเจอปัญหาโจรบุกปล้นพนักงานขวัญเสีย แต่เขาเลือกมาทำงานขับรถขนเงินเพื่อทำการสืบข้อมูลอะไรบ้างอย่าง ยิ่งผ่านไปเรื่อยๆตัวละครเริ่มพบความไม่ชอบมาพากลในองค์กรตัวเอง พนักงานยักยอกเงิน มีที่พักหรูแบบผิดสังเกตุ มีคนในเป็นไส้ศึกร่วมกับโจรด้วยซ้ำ หนังวางพล็อตให้คนดูได้รู้จักตัวละครที่ Jason เล่นปูพื้นฐาน จากนั้นค่อยๆย้อนกลับไปดูที่มาที่ไปของการสืบเสาะหาข้อมูล ว่าใครกันแน่ที่อยู่เบื้องหลังการปล้น
ชอบบรรยากาศหนังที่ทำให้เกิดความตึงเครียด ซาวด์ประกอบที่มีความเป็นทริลเลอร์อาชญากรรมสูง จุดนี้บิ้วความอารมณ์ทำให้หนังมีชั้นเชิงมากกว่าเป็นหนังแอ็คชั่นปล้นล้างแต้นโดยทั่วไป หนังฉลาดที่จะเล่าเรื่องผ่านตัวละครทั้ง Jason โจรปล้นเงินให้เห็นมุมมองเหตุการณ์ที่พวกเขาต้องเผชิญหน้าปมปัญหาที่ค้างคาใจของตัวละคร บทสนทนาของหนังมีนัยยะแอบแฝงเยอะมาก จังหวะจะโคนในการพูดรับส่งบทกัน ทำให้ผู้ชมแบบเราๆต้องลุ้นว่าเหตุการณ์ครั้งนี้มันจะมีฉากปล้น ฉากล้างแค้นที่เป็นไคล้แม็กซ์อะไรบ้างนะ เพราะว่าสิ่งที่ Guy Ritchie ใส่เข้าไปคือเหตุการณ์ที่ซับซ้อนทำให้เราลุ้นระทึกว่า โจรจะมาเมื่อไหร่ แล้ว Jason จะรับมือกับโจรยังไง เพราะโจรกลุ่มนี้ก็วางแผนมาอย่างรอบคอบเหมือนกัน มันเลยกลายเป็นการเจอกันระหว่างคนพันธ์เดียวกันเนี่ยแหละ องค์ประกอบหนังช่วงที่ 3 เป็นอะไรที่พีคมาก ทำให้เราคิดได้ทันทีว่าบางครั้ง โจรก็แฝงกลายเป็นคนใกล้ตัวเรานี่แหละอาศัยความไว้ใจโลภได้ไม่มีที่สิ้นสุดพร้อมจะทำร้ายกันได้ทุกเมื่อ เพื่อเงินเพื่อความอยู่รอด
ส่วนนักแสดงนำชื่นชอบ Jason Statham เขาสามารถตีความเป็นตัวละครเอช ได้น่าสนใจช่วงแรกมาแบบนิ่งๆเย็กเย็น ทำตัวแบบไม่มีพิษไม่มีภัย แต่เมื่อดำเนินเรื่องผ่านไป เขาค่อยๆเปิดเผยตัวต้นที่แท้จริงออกมาทั้งทักษะการใช้ปืนที่แม่นยำราวกับจับวาง สายตาที่ซ๋อนเร้นไปด้วยความแค้นความเหี้ยมโหดที่รอจะจัดการกับโจรปล้นเงิน หรือการซักข้อมูลจากเพื่อนร่วมงานในองค์กรที่คอรัปชั่นเงิน ยิ่งในช่วงองค์ประกอบสุดท้ายที่เป็นบทสรุปของหนังทำให้เราเข้าใจหัวอกของคนที่พบเจอกับความสูญเสีย แววตาสีหน้าเศร้าเลยทำให้การแก้แค้นเป็นอะไรที่เด็ดดวงมาก ส่วนนักแสดงคนอื่นๆ Post Malone นักร้องขวัญใจแฟนๆที่มาเป็นโจรปล้นเงิน แสดงได้เกรียนพออสมควร Josh Hartnett อดีตพระเอกคนดังที่มาเล่นบทมาดกวนสร้างปัญหาให้เพื่อนร่วมงานไม่เว้นในแต่ละวัน Scott Eastwood โจรตัวแสบที่หัวร้อนเจ้าเล่ห์ไว้ใจอะไรไม่ได้ พร้อมหักหลังทรยศคนอื่นเพื่อให้ได้มาซึ่งเงินมหาศาล นี่คือตัวละครสำคัญที่มาเติมเต็มให้หนังปล้นล้างแค้นเรื่องนี้ดุเดือดมากในช่วงท้าย
เกร็ดจากหนังเรื่องนี้
- นี่คือโปรเจ็คในฝันที่ Guy Ritchie รอเวลานานถึง 12 ปีเพื่อหนังเรื่องนี้
- หนังรีเมคมาจากหนังปล้นของฝรั่งเศสเรื่อง Le Convoyeur
- Jason Statham กลับมาร่วมงานกับ Guy Ritchie ในรอบ 15 ปี
- ผลงานเรื่องที่ 4 ที่ Jason Statham ร่วมงานกับ Guy Ritchie ถัดจากเรื่อง Lock, Stock and Two Smoking Barrels, Snatch, Revolver