หนังเอเชียขยี้น้ำตา_00

7 หนังรักเอเชียชั้นดีขยี้น้ำตา ที่ไม่ควรพลาดใน Disney Hotstar

เชื่อว่าหลายๆ คนที่สมัคร #DisneyHotstar ตอนนี้ก็หวังจะได้ดู Content ระดับ Premium แบบตระกูล Marvel, Star Wars, Disney/Pixar รวมถึงสารคดีอย่าง National Geographic แต่หากใครได้ลองเซอร์เวย์แอพดูสักหน่อย จะเห็นได้ว่ามันมีหนังเอเชียที่น่าสนใจอยู่ไม่น้อยเลย โดยเฉพาะโซนๆ จีน เกาหลี ญี่ปุ่น รวมถึงไทยเอง ที่เรียกได้ว่าจัดเต็มกันมามาก ซึ่งส่วนมากก็มาจากลิขสิทธิที่ค่ายในไทยถือเอาขึ้นไปนั่นเอง

วันนี้ #โกดังหนัง เอง ก็กลัวคนจะเลือกกันไม่ถูกว่าอยากหาหนังรักเอเชียดีๆ สักเรื่องจะต้องกดไปที่เรื่องไหน เลยลองคัดสรรมาแนะนำกัน แบบหลากหลายชาติ หลายสไตล์ ที่เชื่อว่าน่าจะไถน้ำตาจากคนดูกันได้ไม่น้อยเลยล่ะ (หากดู List นี้แล้วน้ำตาไม่ไหลสักเรื่อง นั่นแปลว่าคุณไม่มีหัวใจแล้ว!) ลองมาดูกันดีกว่าว่าจะมีเรื่องอะไรที่น่าสนใจและตรงใจคุณกันบ้าง  

Tomorrow I will Date with Yesterday’s you (2016) – พรุ่งนี้ผมจะเดตกับเธอคนเมื่อวาน

หนังเอเชียขยี้น้ำตา_01

ทาคาโตชิ นักศึกษามหาวิทยาลัยที่ตกหลุมรักสาวน่ารักคนหนึ่งจากบนรถไฟ เขาได้รวบรวมความกล้าและตัดสินใจลงรถไฟตามเธอไป เพื่อทำความรู้จักกับเธอ จนได้รู้ว่าเธอชื่อ เอมิ และได้ค่อยๆ สานสัมพันธ์กันขึ้นมา ทุกอย่างดูเป็นไปได้ด้วยดี จนกระทั่งวันหนึ่งที่ เอมิ ได้สารภาพบางอย่างกับเขาว่า โลกที่เขาทั้งสองอยู่เป็นโลกที่ขนานกัน ในขณะที่ ‘เวลา’ ของ ทาคาโตชิ เดินไปข้างหน้า เวลาของ เอมิ กลับถอยหลังสวนกัน อีกทั้งพวกเขายังมีเวลาแค่เพียง 1 เดือนเท่านั้นในทุกๆ 5 ปีที่จะเจอกันได้ 

หนังรักอีกเรื่องที่เล่นกับเงื่อนไขของ ‘เวลา’ แถมยังเป็นท่ายากของเวลาที่สวนทางกัน จนทำให้อนาคตฝ่ายชายกลายเป็นอดีตของฝ่ายหญิง ส่วนอนาคตฝ่ายหญิงก็คืออดีตของฝ่ายชาย (แค่นี้ก็งงแล้วไหม) แต่ในเรื่องก็อธิบายกลไกเหล่านี้ออกมาได้ดี เข้าใจได้ไม่ยาก จนเปิดโอกาสให้หนังขยี้เรื่องราวความรักที่เกิดขึ้นในครั้งนี้ได้อย่างเต็มที่ แม้ว่าคนดูจะรู้ปลายทางอยู่แล้วก็ตาม แต่ก็เล่นเอาน้ำตาซึมไปตั้งแต่ฉากแรก และน้ำตาแตกในฉากสุดท้ายได้อย่างเต็มที่ไปเลย

I want to eat your pancreas (2017) – ตับอ่อนเธอนั้น ขอฉันเถอะนะ

เด็กหนุ่มหนอนหนังสือที่ชอบเก็บตัวคนหนึ่ง ได้บังเอิญไปพบกับไดอารี่ ยามากูจิ ซากุระ นักเรียนมอปลายสาวสวยในรุ่น ที่ระบุว่าเธอกำลังจะตายภายในไม่กี่ปีต่อจากนี้ ด้วยโรคร้ายอย่างมะเร็งตับ จนทำให้เขาได้ใช้เวลาในชีวิตเพื่ออยู่กับเธอในช่วงเวลาที่เหลืออยู่ ซึ่งใน 12 ปีต่อมา เขาก็ได้กลับมาเป็นครูที่โรงเรียนเดิม พร้อมกับรับหน้าที่ดูแลห้องสมุด จนได้พบกับไดอารี่เล่มอื่น ที่เป็นความลับที่ถูกซ่อนมากว่า 12 ปี

แม้ชื่อหนังอาจจะดูประหลาดๆ อยู่หน่อย (จริงๆ ก็ไม่หน่อยหรอก) แต่ชื่อต้นฉบับของญี่ปุ่นก็แปลออกมาได้ตามนี้จริงๆ แต่ถึงชื่อเรื่องจะสื่อออกมาดูน่ากลัวแต่มันกลับเป็นหนังรักแบบปั๊ปปี้เลิฟของคนวัยหนุ่มสาวแบบเต็มตัว ที่จะพาคนดูไปสำรวจความสัมพันธ์แบบรักแรกอีกครั้ง โดยมีโรคร้ายมาเป็นเสมือนสิ่งที่ทำให้พวกเขาต้องแยกจากกันในวันหนึ่ง ที่แม้คนดูจะรู้ปลายทางของทั้งคู่อยู่แล้ว จากการที่หนังตัดสลับอดีตกับปัจจุบัน แต่นั่นจะเป็นเรื่องราวทั้งหมดหรือไม่ คงต้องลองไปดูกันเอง เพราะถึงจะเป็น Light Novel แต่เรื่องราวข้างในกลับดูหนักอึ้ง และทำร้ายจิตใจคนดูเสียจริง

In the Mood for Love (2000) – ห้วงรักอารมณ์เสน่หา

เจ้ามู่หวัน คอลัมนิสท์หนังสือพิมพ์เจ้าหนึ่ง ที่ได้บังเอิญมาพบกับ ชั่นไลเจิน เลขาบริษัทนำเข้าส่งออกสินค้า จากการที่ย้ายมาอยู่ในห้องเช่าที่ติดกันในประเทศฮ่องกง แม้ว่าทั้งคู่ต่างแต่งงานมีคู่ครองเป็นของตัวเองแล้ว แต่ความสัมพันธ์ในชีวิตคู่ของพวกเขาก็อยู่ในช่วงที่จืดจาง และสั่นคลอนเต็มที จนทำให้ความเหงา เปล่าเปลี่ยว ของพวกเขาก็นำมาสู่ความสัมพันธ์ต้องห้าม ของคนที่มีคู่ครองกันอยู่แล้ว

หลายคนคงเคยได้ยิน Verb to “หว่อง” กันมาโดยตลอด ซึ่งความ ‘หว่อง’ ที่ว่าก็คือสไตล์การทำหนังแบบผู้กำกับชื่อดังที่มีชื่อว่า หว่องกาไว กันนั่นเอง ที่มักเน้นสไตล์บรรยากาศชวนเหงา มีเรื่องราวที่เรียบเงียบ และพาไปสำรวจจิตใจอันแสนปล่าวเปลี่ยวของมนุษย์ ประกอบกับโทนเนิบๆ แต่ซึมลึกบาดใจยิ่งกว่าอะไรดี โดย In the Mood for Love เรื่องนี้ ก็นับเป็นอีกผลงานขึ้นหิ้งของผู้กำกับที่คลาสสิคเหนือการเวลา และเป็นจุดเริ่มต้นชั้นดี กับการกระทำการหว่องกัน

More than Blue (2018) – ถึงวันนั้น ฉันจะบอกรักเธอ

จากซื่อไค่ คบกับ ซ่งหยวนหยวน คู่รักที่คบกันมาหลายปี แต่แล้ววันหนึ่ง จางซื่อไค่ ก็พบว่าตัวเองกำลังจะตายด้วยโรคร้าย เขาจึงพยายามทุกอย่าง เพื่อให้คนรักของเขาไปมีความสุข กับผู้ชายดีๆ คนอื่น ซึ่งก็มี หยางยู่เสียน ทันตแพทย์หนุ่มหล่อ ที่มีคุณสมบัติครบถ้วน แต่ติดอยู่ที่เขามีคู่หมั้นอย่าง ซินดี้ ไปแล้ว จางซื่อไค่ เลย วางแผนให้กับคนรักของเขาทุกอย่าง โดยยอมเลือกรับความเจ็บปวดเอาไว้เอง

หนังไต้หวันที่รีเมคมาจากต้นฉบับเกาหลีในชื่อเดียวกัน ที่มีพล็อตแสนน้ำเน่า ของพระเอกสไตล์ฉันขอรับทุกอย่างไว้เอง ฉันขอเป็นทุกข์เอง เพื่อให้เธอได้มีความสุข ซึ่งพล็อตสไตล์แบบนี้ หากไปใช้ในสายหนังรักฝรั่งก็คงไม่มีใครอิน แต่พอเข้ามือฝั่งเอเชียปุ้ป มันกลับทำงานได้ดีมากๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อหนังสะท้อนให้เราได้เห็นถึงอีกมุมของเรื่องราวแล้ว ก็เสมือนเป็นการขยี้สิบแรงมือแบบเอาเป็นเอาตาย จนอดไม่ได้ที่จะต้องปล่อยให้น้ำตาไหลพรากไปกับเรื่องราวกันเลยทีเดียว

You’re The apple of my eyes (2011) – เธอคือสุดที่รักของฉัน

เคอเถิง นักเรียนมอปลายที่วันๆ เอาแต่เล่นสนุก ไม่สนใจในการเรียน จนกระทั่งวันหนึ่งเข้าได้ถูกลงโทษให้ย้ายมานั่งข้างหัวหน้าห้องคนสวยอย่าง เฉินเจียยี่ ซึ่งเธอก็คาดหวังอยากเปลี่ยนเคอเถิง ให้เป็นคนที่ดีขึ้น จนเป็นจุดเริ่มต้นของความสัมพันธ์ในวัยเรียน ท่ามกลางปัญหาชีวิตและการเติบโตของพวกเขา ที่อาจทำให้ความรักอาจไม่ได้เป็นดั่งที่คิด

หนังรักวัยรุ่นจากไต้หวันอีกเรื่อง ที่ดูเหมือนจะมีกลิ่นอายหนังไทยดังๆ หลายๆ เรื่องในยุคก่อนหน้านั้น กับการเล่าเรื่องความรักในวัยเรียนออกมาได้อย่างกลมกล่อม ทั้งวีรกรรมสุดห่าม ความตลก ความโรแมนติก ปัญหาชีวิต และการเติบโต แม้ว่าตัวบทจะไม่ได้มีอะไรแปลกใหม่ไปจากหนังรักวัยรุ่นเรื่องอื่นๆ แต่ทว่าประเด็นด้านความสัมพันธ์ในหนังก็ทำออกมาได้ดีอยู่ไม่น้อย รวมถึงยังมีประโยคเด็ดๆ ที่น่าจดจำอยู่อีกมากมาย จนไม่แปลกใจนักหาก You’re the apple of my eyes จะเป็นหนังรักวัยใสที่ถูกใจใครหลายๆ คนอย่างแน่นอน

Love of Siam (2011) – รักแห่งสยาม

โต้ง เด็กมอปลายหน้าตาดี ที่มี โดนัท แฟนสาวที่สวยจนหลายคนต้องอิจฉา แต่ชีวิตของโต้งก็เริ่มเปลี่ยนไป เมื่อพี่สาวของเขาได้หายไปจากบ้าน โดยที่ไม่รู้ว่าเป็นตายร้ายดีอย่างไร จนกระทั่งส่งผลกระทบถึงความสัมพันธ์ในครอบครัว เขาได้มาเจอกับ มิว เด็กหนุ่มขี้เหงาที่มีโจทย์ในการแต่งเพลงรักให้กับวง จนทำให้ความสัมพันธ์ของพวกเขาดูพัฒนาไปเกินกว่ามิตรภาพระหว่างเพื่อนสองคน

หนังรักที่เป็นมากกว่าหนังรัก ที่ได้ใจหลายๆ คนไปมากมาย ที่เล่าเรื่องความสัมพันธ์หลากหลายรูปแบบทั้งความรักในวัยรุ่น การแอบรัก และปัญหาในครอบครัว ที่หลอมรวมกันมาให้กลายเป็นการค้นหาตัวตน และการเติบโตของวัยรุ่นที่กำลังจะก้าวข้ามผ่านวัย ซึ่งหลายๆ ส่วนในหนังก็มอบแง่คิดที่ดีมากๆ จนเรียกได้ว่าพาร์ทของครอบครัว ยังเป็นส่วนที่เสียน้ำตาได้มากกว่าพาร์ทความรักของวัยรุ่นเสียอีก จนถึงทุกวันนี้มันก็ยังนับเป็นหนังรักดีๆ ที่ข้ามกาลเวลามาให้พูดถึงได้อยู่เสมอ

A Little Thing Called First Love – สิ่งเล็กๆ ที่เรียกว่ารัก (2010)

น้ำ สาวน้อยมอต้นหน้าตาบ้านๆ ที่แอบชอบ พี่โชน รุ่นพี่มอสี่ที่เป็นขวัญใจสาวๆ ในโรงเรียน แต่ด้วยความชอบสุดหัวใจ ทำให้ น้ำ พยายามเปลี่ยนแปลงตัวเองทุกอย่าง เพื่อให้ พี่โชน ได้หันมามองเธอให้ได้ ซึ่งจากการช่วยเหลือจากบรรดาเพื่อนๆ ร่วมตัว ก็เริ่มเปลี่ยนให้ น้ำ กลายมาเป็นดาวเด่นในโรงเรียน จนมีหลายๆ คนมารุมล้อม แต่เธอก็ยังคงไม่เปลี่ยนเป้าหมาย และยังรอคอยแค่พี่โชนที่เป็นรักแรกของเธอเท่านั้น

หนังรักวัยเรียนสไตล์รุ่นน้องแอบชอบรุ่นพี่ ที่มีความน่ารักมากๆ จากกลับเล่าเรื่องได้แบบเข้าถึงง่าย สะท้อนชีวิตการแอบชอบใครสักคนในวัยเรียนได้เป็นอย่างดี และชวนคนดูให้ย้อนระลึกความหลังถึงประสบการณ์ในสมัยนั้น รวมถึงเคมีนักแสดงก็ดูเข้ากันดี และมีเสน่ห์ทั้งคู่ แม้ว่าตัวหนังเองจะไม่ได้ถือว่าสมบูรณ์มาก โดยเฉพาะในช่วงตอนจบที่ดูขัดใจไม่น้อย แต่โดยภาพรวมแล้วมันก็ยังเป็นรักในวัยเรียนที่มีอะไรที่น่าจดจำเป็นอย่างยิ่ง และยังเป็นที่พูดถึงมาจนถึงทุกวันนี้เลย