Sexphone (2003)

คลื่นเหงาสาวข้างบ้าน

Sexphone Poster
8.5/10

คะแนน
โกดังหนัง

หนังรักรอมคอมที่ให้ความรู้สึก Feel Good ใช้คลื่นวิทยุมาเป็นสื่อกลางจนกลายเป็นความรัก บีม กวี และพอลล่า ทำให้เราหลงรักหนังเรื่องนี้มาก

หมวดหมู่ : Romantic
สัญชาติ : Thai
กำกับโดย : Haeman Chatemee
ความยาว : 1 ชั่วโมง 53 นาที
นักแสดงนำ : Kawee Tanjararak, Paula Taylor

คำคมจากภาพยนตร์

"ความรักก็เหมือนคลื่นวิทยุ ต้องหา ต้องปรับ ต้องจูนกันอยู่เสมอ"

เรื่องย่อ

ดื้อ ดีเจหนุ่มรักสงบ ที่อาศัยอยู่กับคุณปู่ แต่วันดีคืนดีเขามาเจอเพื่อนบ้านสาว เจ ลูกครึ่งที่มีความมั่นใจในตัวเองสูง แต่ทั้งสองคนคือเพื่อนบ้านที่ไม่ลงรอยกันมาตลอด แต่เมื่อเพื่อนสนิทของเจ ได้ฝากเบอร์โทรศัพท์ของบ้านเจ เอาไว้ให้กับสถานีวิทยุที่ชื่อ "คลื่นเหงา" ของดีเจ.แมน (อนันต์ บุนนาค) ที่ดื้อทำงานเป็นผู้ช่วยสถานีวิทยุอยู่ที่นั้น แต่แล้วเมื่อวันที่ดื้อต้องจัดรายการวิทยุโดยจำเป็น ดื้อได้ต่อโทรศัพท์เข้าบ้านของเจ แล้วเกิดการเข้าใจผิดกัน ทำให้เจคิดว่าคนที่เธอคุยอยู่นั้น คือ "เซ็กส์โฟน" แต่หลังจากคืนนั้น เจก็กลายเป็นข่าวดังเพียงช่วงข้ามคืน เจเลยได้ต่อโทรศัพท์เข้าไปต่อว่าดื้อในรายการวิทยุก่อนวันขึ้นปีใหม่ แต่ไม่นานทั้งสอง ก็กลายเป็นเพื่อนคุยที่รู้ใจกันในที่สุด แต่หารู้ไม่ว่าคนที่ทั้งสองคุยกันนั้น ก็คือเพื่อนบ้านตัวแสบที่ไม่ลงรอยกันนั้นเอง

หนังเรื่องนี้เหมาะกับใคร

สำหรับ Sexphone คลื่นเหงา สาวข้างบ้าน จัดเป็นหนังรักในดวงใจใครหลายคนไม่เพ้อฝันจนเกินไป หยิบจับคน 2 คนที่ไม่ถูกชะตากันอย่างรุนแรง แต่กลับตกหลุมรักกันทั้งที่ไม่เคยเจอหน้ากันมาก่อนผ่านการฟังเพลงและบทสนทนาโทรศัพท์ หนังค่อยๆละลายความอคติในใจของตัวละครทิ้งไป ส่วนตัวเป็นหนังรักที่ดูเพลิดเพลินโดยไม่ต้องพยายามเลย แถมมีเพลงประกอบเพราะๆอีกตั้งหาก

  • สายหนังโรแมนติก
  • สายหนังที่ชอบบีม กวี

 

รีวิว / สรุปเนื้อหา

นี่คือหนังรักวัยรุ่นของคนแอบเหงาเพื่อนบ้านที่ไม่ถูกชะตาอย่างรุนแรงเจอกันเมื่อไหร่ทะเลาะกันเมื่อนั้น แต่กลับมาเป็นคนที่เข้าอกเข้าใจเพราะต่างระบายปัญหาชีวิตให้อีกฝ่ายจนเป็นความรู้สึกผูกพันธ์ อีกคนหนึ่งรู้แล้วว่าเป็นใครแต่อีกคนนั้นไม่รู้ มันเป็นหนังกุ๊กกิ๊กโรแมนติกที่มีอารมณ์แบบละครไทย ตอนที่เราได้ดูหนังเรื่องนี้ ความรู้สึกในหัวคือรู้สึกว่าคิดถึงการฟังเพลงผ่านคลื่นวิทยุมาก มันคือช่วงเวลาที่เรามีความสุขมารอฟังเพลงที่ชอบเอาไว้ บทหนังใช้คลื่นวิทยุเป็นสื่อกลาง ทำให้คน 2 คนที่ไม่ชอบหน้ากัน ได้มาทำความรู้จักกัน พูดคุยกันแบบเปิดใจ ทั้ง 2 ฝายต่างมีความเข้าใจกันและกันโดยไม่ต้องพยายาม ประเด็นนี้มันสะท้อนให้เราเห็นว่าบางครั้งคนเราย่อมเลือกที่จะคุยแลกเปลี่ยนเรื่องราวามากกว่าคนแปลกหน้ากันมากกว่า เพราะว่าบางครั้งคนที่เราเจอหน้าคุยกันทุกวันอาจไม่สามารถไปคุยรับฟังได้เสมอไป


พระเอกที่เดิมทีก็ไม่ชอบนางเอกทั้งมุมมองและนิสัย พอได้คุยกับเธอผ่านทางโทรศัพท์ได้เรียนรู้เธอไปเรื่อยๆ จนเกิดเป็นความรักความรู้สึกดี กลายเป็นว่ากำแพงในใจที่มีนั้นค่อยๆๆหายไป ทั้งคู่แลกเปลี่ยนพูดคุยกันอย่างสนุกปากเปิดบทสนทนาคุยเพื่อนินทากันได้ และต่างฝ่ายก็มีสิ่งที่ชอบและไม่ชอบในชีวิตประจำวันอยู่ที่เปิดอกคุยกันได้แบบไม่เกรงใจ ทั้ง 2 ฝ่ายกลับรู้สึกดีต่อใจ สนิทกันจนเกิดเป็นความรักแบบไม่รู้ตัวและรอคอยที่จะเจอกัน หนังเรื่องนี้สะท้อนให้เรารับรู้ได้อย่าง 1 ว่าคนเราจะรักกัน บางครั้งเราต้องศึกษาและเข้าใจอีกฝ่าย รับกันให้ได้ ปรับตัวเข้าหากันเพื่อเปิดโอกาสให้อีกคนเข้ามาในชีวิต


นักแสดง ส่วนตัวแล้วชอบนักแสดงนำ 2 คน บีม กวี และพอลล่า เทเลอร์ ทั้งคู่คีย์แมนหลักที่ทำให้เนื้อหาดูน่ารัก บทไม่มีอะไรมาก ตัวละครเกลียดกันไม่ชอบกัน และก็มีแกนกลางคือวิทยุมาทำให้ทั้งคู่ได้รักกันชอบกัน บีม ดีทูบีดังมาก อาร์เอสก็ไม่เอารอช้าที่จะส่งเด็กในสังกัดมาแสดงนำในหนังรักร่วมกับพอลล่า เทเลอร์ ที่ลุคลูกครึ่งใสๆพูดไม่ชัด กลายเป็นเคมีการแสดงที่ลงตัว ไม่ซิเล่นเป็นพระนางได้กลมกลืน จากบทพนักงานเบื้องหลังเปิดในคลื่นวิทยุ กับสาวออฟฟิศขี้เหวี่ยง

เกร็ดจากหนังเรื่องนี้

  • นี่คือหนังเรื่องที่ 2 ของพอลล่า เทเลอร์
  • บีม กวี แสดงหนังเรื่อง 3 ในค่ายอาร์เอส ถัดจาก ๙ พระคุ้มครอง และ สังหรณ์
  • หนังเรื่องนี้อาร์เอสปล่อยมา ในช่วงกระแสอัลบั้มของ D2B พอดี
  • หนังได้รางวัลสื่อมวลชนดีเด่นประเภทภาพยนตร์ ประจำปี 2546 จากสื่อมวลชนคาทอลิค
  • หนังทำเงินไปเพียงแค่ 26 ล้านบาท เพราะจำนวนโรงฉายน้อยในเวลานั้น