Groundhog Day (1993)

วันรักจงกลม

Groundhog Day Poster
8.5/10

คะแนน
โกดังหนัง

หนังพล็อตวนลูปชื่อดังแห่งยุค 90s ที่น่าจะเป็นต้นกำเนิดการตื่นขึ้นมาเจอวันเดิมๆ ด้วยธีมความเป็นหนังรัก ดราม่า และให้ตัวละครได้เรียนรู้ชีวิตอย่างอบอุ่นหัวใจ

หมวดหมู่ : Comedy Fantasy Romantic
สัญชาติ : American
กำกับโดย : Harold Ramis
ความยาว : 1 ชั่วโมง 41 นาที
นักแสดงนำ : Bill Murray, Andie MacDowell, Chris Elliott

คำคมจากภาพยนตร์

“What would you do if you were stuck in one place and every day was exactly the same, and nothing that you did mattered?”
“คุณจะทำอย่างไร ถ้าคุณติดอยู่ในสถานที่เดิมๆ ที่ทุกวันเหมือนกันทุกประการ และไม่ว่าคุณจะทำอะไรมันก็ไม่สำคัญอีกต่อไป?”

เรื่องย่อ

ฟิล คอเนอร์ นักข่าวพยากรณ์อากาศหนุ่มนิสัยเสีย ที่ได้รับมอบหมายให้ไปทำข่าวพยากรณ์อากาศที่เมืองพังซูทาวน์นีย์ รัฐเพนซิลเวเนีย ในวัน Groundhog Day ที่เป็นธรรมเนียมโบราณว่าจะให้ตัวกราวด์ฮ็อกนั้น ออกมาใช้พยากรณ์อากาศต่อหน้าผู้คน ซึ่งเขาเองก็ไม่เต็มใจที่ทำงานนี้เท่าไรนัก แต่เหตุการณ์ประหลาดก็เกิดขึ้น เมื่อหลังจากที่เขานอนค้างในเมืองนี้หลังทำงานเสร็จ ก็ต้องพบว่าเขากลับตื่นขึ้นมาวนเจอวันแบบนี้ซ้ำแล้วซ้ำเล่า จนทำให้เขาต้องหาทางที่จะให้ชีวิตหลุดจากลูปนี้ออกไปให้ได้

หนังเรื่องนี้เหมาะกับใคร

สำหรับ Groundhog Day นั้น เป็นต้นแบบของหนังวนลูปอีกหลายๆ เรื่องที่ออกตามหลังมา ด้วยพล็อตเรื่องที่น่าสนใจ ที่ว่าด้วยเรื่องของคนที่ตื่นมาวันใหม่ทีไรก็ต้องพบเจอแต่วันเดิมๆ แถมยังเป็นวันที่เขาไม่ค่อยพอใจเท่าไรอีก อีกหนึ่งหนังดูง่ายๆ ดูสบายๆ อบอุ่นหัวใจในตำนานอีกเรื่องที่พูดถึงหนังวนลูปทีไรก็ต้องมีเรื่องนี้ติดเข้าไปในหมวดอยู่เสมอ ใครที่กำลังมองหาหนังสไตล์ฟีลกู้ดมีแง่คิดดีๆ ให้กับชีวิต ผ่านเนื้อเรื่องที่อบอุ่นดูสบายๆ ที่มีความแฟนตาซีเข้ามาผสมผสาน อย่าง About Time หรือ Click แล้ว น่าจะชอบ Groundhog Day ที่เป็นหนังที่เล่นกับเงื่อนไขเวลาเหมือนกัน

  • สายหนังตลกดราม่า
  • สายหนังดราม่าอบอุ่นหัวใจ
  • สายหนังฟีลกู๊ดข้อคิดดีๆ

รีวิว / สรุปเนื้อหา

อีกหนึ่งหนังฟีลกู๊ดพล็อตล้ำในยุคสมัยนั้น ที่หยิบมาดูในสมัยนี้ก็ยังสนุก อบอุ่นหัวใจได้เหมือนเดิม กับพล็อตเรื่องเกี่ยวกับตัวละครที่ต้องตื่นขึ้นมาเจอวันเดิมๆ ทุกวัน จนน่าจะเป็นหนังเรื่องแรก (หรือไม่ก็เรื่องแรกๆ) ที่เอาพล็อตวนลูปแบบนี้มาใช้ และสร้างความน่าสนใจได้มากๆ เพราะมันชวนให้คนดูคิดได้เป็นอย่างดี ว่าหากเราต้องติดอยู่ในสถานการณ์แบบนั้นบ้างเราจะทำอย่างไร เราจะทำแต่เรื่องดีๆ ให้เวลามันผ่านพ้นไป หรือจะทำเรื่องไม่ดี เพราะคิดว่าถึงอย่างไรนั้นก็ไม่ได้มีผลกับเหตุการณ์ในวันถัดไปอยู่ดี เราจะจัดการความเบื่อ และความสัมพันธ์ที่เกิดขึ้นในแต่ละวันไปได้อย่างไร ซึ่งนั่นก็คือโจทย์ที่ตัวละครหลักในเรื่องนี้ต้องเผชิญ 

LateNite @ the District: Groundhog Day | BreckCreate

ด้วยความที่ Genre มันเป็นหนังแฟนตาซี จึงไม่ต้องไปหาเหตุผลอะไรมากนักว่าเหตุใดตัวเอกถึงติดอยู่ในลูปเวลานี้ แต่มันทำมาเพื่อให้เราสนุกไปกับการเห็นตัวละครที่ค่อยๆ ปรับตัวและเปลี่ยนแปลงตัวเองไปมากกว่า ซึ่งก็ต้องชื่นชม Bill Murray มากในบทบาทนี้ เพราะช่างเป็นตัวละครที่มีความเป็นมนุษย์ที่มีทั้งข้อดีและข้อเสียในตัวเองจริงๆ โดยในช่วงแรกนั้นเขาก็เล่นเป็นชายที่ชวนหงุดหงิดได้ใจมาก กับนิสัยขี้หงุดหงิดและไม่แยแสอะไรกับคนรอบข้างตัวเขา อีกทั้งยังห่วงแต่เรื่องของตัวเองที่สุด แต่สุดท้ายแล้วตัวละครกลับค่อยๆ มีการเปลี่ยนแปลง และมีการพัฒนาตัวเองจากวันเดิมๆ ที่วนอยู่แบบนี้

จนไม่แปลกนักที่ใครดูแล้วต่างก็ชอบ ด้วยการเล่าเรื่องที่เรียบง่ายดูได้แบบลื่นๆ มีตัวละครที่เชื่อมโยงได้ง่าย จากการที่มีทั้งข้อดีและข้อเสีย ประกอบกับเรื่องราวในแต่ละวันที่แม้จะซ้ำๆ แต่ก็มีจุดที่ตัวเอกพยายามทำให้มันต่างออกไป จนมีอะไรให้น่าติดตามอยู่ตลอด อีกทั้งด้วยประเด็นของเรื่องราวก็ง่ายต่อการเข้าถึง เพราะมันทำให้คนดูได้กลับมามองตัวเองดูว่าในแต่ละวันเราทำตัวดีต่อคนรอบข้างมากน้อยขนาดไหน จนอยากลุกขึ้นมาปรับปรุงตัวเองบ้าง เพื่อสร้างวันดีๆ ให้กับตัวเอง นับเป็นหนังวนลูปน่ารักๆ อีกเรื่องที่แทบจะเป็นต้นตำหรับให้กับหนังแนวนี้เรื่องอื่นๆ กันเลย

เกร็ดจากหนังเรื่องนี้

  • Bill Murray นั้น โดนเจ้า groundhog ในเรื่องกัดถึง 2 ครั้ง ในระหว่างถ่ายทำ ทำให้เขาต้องฉีดวัคซีนป้องกันเลย เพราะพวกมันกัดได้โหดร้ายเหลือเกิน
  • ตอนแรกผู้กำกับ Harold Ramis นั้นต้องการให้ Tom Hanks มารับบทนำในหนังเรื่องนี้ แต่สุดท้ายเขาก็กลับรุ้สึกว่า Hanks นั้นดูเป็นคนดีเกินกว่าที่จะมารับบทตัวละครนี้… (แต่ก็ใช่แหละ ไม่งั้นเราคงไม่รู้สึกรำคาญตัวละครในช่วงแรกเท่านี้แน่ๆ)
  • เนื่องจากตัวละครของ Bill Murray นั้นจะมีช่วงที่เขาเป็นทั้งตัวละครขี้หงุดหงิดอารมณ์ร้าย กลับช่วงที่เขาเปลี่ยนแปลงตัวเองแล้ว ทำให้เขาต้องคอยถามผู้กำกับทุกครั้ง ว่าฉากที่กำลังจะถ่ายนี้เป็น Good Phil หรือ Bad Phil กันแน่