The Founder (2016)
อยากรวยต้องเหนือเกม
คะแนน
โกดังหนัง
พาไปดูจุดเริ่มต้นของ Fast Food แห่งความสุข ที่ไม่ได้สุขอย่างที่ตาเห็น อีกเบื้องหลังธุรกิจแฟรนไชส์ที่มีที่มาไปสุดหวือหวา และชวนติดตาม
คำคมจากภาพยนตร์
“Business is war. It’s dog eat dog, rat eat rat. If my competitor were drowning, I’d walk over and I’d put a hose right in his mouth.”
“ธุรกิจก็คือสงคราม หมากินหมา หนูกินหนู ถ้าคู่แข่งของผมกำลังจมน้ำตาย ผมคงเดินเข้าไปแล้วเอาสายยางยัดปากเพิ่มไปอีก”
เรื่องย่อ
เรย์ ครอค เซลล์ขายเครื่องปั่นธรรมดาๆ คนนึง ที่ได้รับแจ้งจากเลขาของเขา ว่ามีร้านอาหารใหม่ชื่อว่า McDonald’s ของสองพี่น้อง แมค และ ดิ๊ค ที่ต้องการสั่งเครื่องปั่นทำมิลค์เชคถึง 6 เครื่อง เขาจึงดั้นด้นเดินทางมาแต่ไกล เพื่อหาคำตอบในความสงสัยของตัวเองว่า มันคือร้านอะไรกันที่ต้องใช้เครื่องเยอะขนาดนี้ เมื่อเขาไปถึงก็ต้องรู้สึกเหมือนเปิดโลกใหม่ จากการได้เห็นระบบของการทำ Fast Food ที่น่าตื่นตาตื่นใจ จนสนใจอยากร่วมทำธุรกิจนี้แบบแฟรนไชส์ด้วย และนี่ก็คือจุดเริ่มต้นสำคัญของอาณาจักร้าน Fast Food ที่ใหญ่ที่สุดอีกเจ้าของโลกอย่าง Mcdonald
หนังเรื่องนี้เหมาะกับใคร
สำหรับ The Founder นั้น เหมาะอย่างยิ่งสำหรับคนที่กำลังมองหาหนังเกี่ยวกับธุรกิจสักเรื่องที่ไม่ได้มีแต่มุมสานฝัน หรือแรงบันดาลใจในการทำธุรกิจแต่เพียงอย่างเดียว แต่ยังพาคนดูไปเห็นถึงด้านมืด การเจรจา การหักหลังอะไรต่างๆ ในการทำธุรกิจด้วย อีกทั้งยังเป็นแบรนด์ชื่อดังที่หลายๆ คนน่าจะมีประสบการณ์ร่วมอยู่แล้ว อย่าง Mcdonald ก็น่าจะทำให้อินกันได้ไม่ยาก หากใครชอบหนังสายธุรกิจแนวสู้ชีวิตโดยที่ไม่ได้โลกสวยจนเกินไป อย่าง Joy หรือ The Social Network แล้ว จะสนุกและได้สาระไปกับเรื่องนี้แน่ๆ
- สายหนังแรงบันดาลใจทำธุรกิจ
- สายหนังดราม่าชีวประวัติ
- สายหนังดราม่าที่มาธุรกิจ
รีวิว / สรุปเนื้อหา
The Founder คือหนังสไตล์ชีวประวัติอีกเรื่องที่พูดถึงจุดเริ่มต้นของการทำธุรกิจ รวมไปถึงชีวประวัติของ เรย์ ครอค ผู้ที่ทำให้อาณาจักรของ Mcdonald ยิ่งใหญ่มาจนถึงทุกวันนี้ ซึ่งที่ผ่านมานั้น เราอาจจะได้เห็นความเป็นแบรนด์ที่สนุก มีความแฮปปี้ แต่การดูหนังเรื่องนี้ก็ทำให้พบว่าที่มาของมันอาจได้แฮปปี้ตามที่เราเห็นจากในแบรนด์อย่างแน่นอน เพราะมันช่างเต็มไปด้วย เบื้องลึกเบื้องหลังที่หมิ่นเหม่ในเรื่องจริยธรรม และศีลธรรมในการตัดสินใจในด้านต่างๆ ของการทำธุรกิจ ที่ทำออกมาได้น่าสนใจ และมีความดาร์คอยู่ไม่น้อยเลย
ความสนุกของหนังคือเราจะเห็นมุมที่ต่างจากหนังนักธุรกิจทั่วๆ ไปที่อาจใส่มาในด้านดี เน้นแรงบันดาลใจ สู้ชีวิต และฝ่าฟันอุปสรรคมาจนถึงความสำเร็จ แต่ในเรื่องนี้มันกลับใส่คาแรคเตอร์ตัวเอกที่แสนทะเยอะทะยาน และพร้อมทำลายทุกอย่างที่ขวางหน้าเพื่อให้ตัวเองประสบความสำเร็จตามที่หวังเอาไว้ เนื้อเรื่องมันจึงเต็มไปด้วยการเล่ห์เหลี่ยมในการทำธุรกิจของตัวละครที่ดูสนุก ด้วยความสามารถในการขาย และความหัวหมอที่จะยึดทุกอย่างมาเป็นของตัวเอง ก็ดูเป็นขั้วตรงข้ามของนักธุรกิจตัวเอกในหนังเรื่องอื่นๆ ได้เป็นอย่างดี
แม้ว่าตัวเรื่องราวของหนังอาจจะไม่ได้มีมิติให้กับตัวละครมากนักในแต่ละด้าน เพราะส่วนมากก็จะมุ่งเน้นในความด้านการทำธุรกิจ ก็อาจสร้างข้อดีในแง่ความมันส์ ดุเดือดสำหรับคนที่ชอบหนังสายธุรกิจเน้นๆ แต่ในทางกลับกันเราอาจจะได้รู้จักกับคนอย่าง เรย์ ครอค แค่ด้านเดียวอย่างน่าเสียดาย ทั้งนี้ทั้งนั้น ส่วนตัวก็ยังมองว่าหนังยังสร้างความบันเทิงเอาไว้ได้ตามมาตรฐานหนังแนวนี้ และได้เห็นด้านมืดของการทำธุรกิจบ้างก็เป็นประสบการณ์ที่สนุกดีอีกเรื่องเลยล่ะ
เกร็ดจากหนังเรื่องนี้
- บริษัทของ Ray Kroc ก่อน McDonald ที่มีชื่อว่า Prince Castle นั้น ทุกวันนี้ก็ยังอยู่ และดำเนินการเป็น Supplier ในด้านอุปกรณ์ต่างๆ ให้กับ Mcdonald เองด้วย เรียกได้ว่ากินรวบกันเลยทีเดียว
- กองถ่ายทีมนี้ทำงานกันหนักมาก เพราะใช้เวลาเกินกว่า 12 ชั่วโมงต่อวันมาโดยตลอด (แต่ก็ถ่ายจบใน 22 วัน) ทำให้บางวันที่ถ่ายทำยาวนาน ดาราใหญ่อย่าง Michael Keaton ก็ถึงกับเหมารถไอติมมา 2 คันใหญ่เพื่อเลี้ยงทีมงานทั้งหมดหลังจากที่เห็นพวกเขาต้องเหนื่อยกับงานเหล่านี้