เรื่องย่อ

เรื่องราวความรักของเด็กหนุ่ม“ทาคากิ โทโนะ” และเด็กสาว “อาการิ ชิโนฮาระ” ที่เป็นเพื่อนสมัยเด็กกันและต่างเป็นรักแรกของกันและกัน แต่เมื่อถึงเวลาขึ้นชั้นม.1 อาการิ กลับต้องย้ายโรงเรียน โทโนะที่ไม่ได้บอกความรู้สึกของตัวเองก่อนที่อาการิจะไป ทำให้โทโนะติดอยู่กับอดีต ไม่สามารถก้าวไปข้างหน้าได้ แม้จะเชื่อมั่นว่าวันนึงจะได้อยู่ด้วยกัน แต่ ระยะทางและเวลาก็เป็นอุปสรรคสำคัญของความสัมพันธ์ของทั้งสอง ที่ทำให้ทั้งสองเริ่มห่างกันเรื่อยๆ

หนังเรื่องนี้เหมาะกับใคร

สำหรับ 5 Centimeters per Second กลายเป็นหนังที่แฟนๆผู้รัก Makoto Shinkai ที่เสพติดเนื้อหาความรักและภาษาที่คมคายควรหามาดู ก่อนที่ Your Name จะโด่งดังก้องโลก นี่คือหนังที่หยิบจับความรัก ความคิดถึง ความโหยหามาเล่าให้เจ็บปวด หนังขยี้ความรู้สึกคนดูให้อินไปกับตัวละคร แถมงานภาพของหนังก็ยังชวนจิ้นให้แฟนๆอยากไปตามรอยเพราะโลเคชั่นแต่ละจุดดัดแปลงจากสถานที่จริง แฟนหนังที่มองหาความรักที่ผิดหวัง เรื่องนี้ตอบโจทย์คุณแน่นอนครับ

• สายหนังอนิเมชั่น
• สายหนังโรแมนติก
• สายหนังญี่ปุ่น
• สายหนังที่รักงานของ Makoto Shinkai

รีวิว / สรุปเนื้อหา

ความน่าสนใจของหนังคือการนำประเด็นเวลากับมาระยะทางมาเล่นกับผู้ชมซึ่งตัวหนังเองก็เล่นกับเรื่องเหล่านี้ซะสะเทือนอารมณ์ผู้ชม โทโนะ และ ‘อาคาริ’ หนุ่มสาวที่เชื่อมั่นมาเสมอว่าความใกล้ชิดในตอนเด็ก จะคงอยู่อย่างนั้นตลอดไป แม้ว่าจะไม่ได้ใกล้ชิดกันในแง่ของระยะทาง แต่ในทุกช่วงเวลา เขาและเธอจะยังใกล้ชิดกันอย่างนั้นเสมอ แต่เมื่อระยะเวลาผ่านไป อะไรที่พวกเขาเคยมั่นใจ มันก็ไม่ใช่แบบนั้นอีกแล้ว
.

ทาคากิยังคงยึดติดกับอดีตใช้ชีวิตอย่างไร้จุดหมาย แต่อาคาริเลือกที่จะเก็บอดีตไว้ในความทรงจำแล้วก้าวเดินต่อไป แต่สุดท้ายแล้วไม่มีใครสามารถใช้ชีวิตอยู่ในห้วงของอดีตได้ตลอดไป ทาคากิเลือกที่จะตัดในแล้วก้าวข้ามผ่านความทุกข์ของตนเองให้ได้แม้จะยากลำบากและเจ็บปวดก็ตาม ชอบตอนจบมันทำให้เรารู้สึกว่าแม้ความรักของทั้งคู่ไม่สมหวัง แต่ความรัก ความอบอุ่นหัวใจที่เคยเกิดขึ้นในสมัยเด็กก็ยังอยู่ในความทรงจำของกันและกันตลอดไปหนังมีความยาวแค่ 1 ชั่วโมงกับอีก 3 นาที ซึ่งเป็นข้อดี

.
สิ่งที่เราชอบมากคงเป็นเรื่องมุมภาพการเล่าเรื่องนี่แหละ ที่นำสถานที่จริงในญี่ปุ่น มาใช้เป็นต้นแบบแล้วสร้างเป็นงานอนิเมะที่งดงาม แวดล้อมต่างๆเมื่อถูกนำมาใส่อยู่ในตัวหนัง ได้ความรู้สึกที่โหยหาเจ็บปวด และทำให้ตัวละครเวลาเดินทางไปไหนมันรู้สึกว่ายังมีหวังอยู่ ทั้งที่ความจริงมันคือความหวังลมๆแล้ง แถมเพลงประกอบ One more time,One more chance ก็มาช่วยบิ้วอัพบรรยากาศในหนังให้รู้สึกเจ็บปวดและหม่นหมองในเวลาเดียวกันไม่แปลกใจที่แฟนหนังมากมายชอบงานชิ้นนี้ของ Makoto Shinkai