Jurassic Park (1993)

กำเนิดใหม่ไดโนเสาร์

Jurassic Park Poster
10/10

คะแนน
โกดังหนัง

หนังไดโนเสาร์สุดคลาสสิคที่หยิบมาดูเมื่อไรก็ไม่มีวันเก่า สมจริงซะจนเมื่อก่อนคิดว่าโลกนี้ยังมีไดโนเสาร์เหลืออยู่

หมวดหมู่ : Adventure Sci-Fi
สัญชาติ : American
กำกับโดย : Steven Spielberg
ความยาว : 2 ชั่วโมง 7 นาที
นักแสดงนำ : Sam Neill, Laura Dern, Jeff Goldblum

คำคมจากภาพยนตร์

“If there is one thing the history of evolution has taught us, that life will not be contained. Life breaks free.”
“สิ่งหนึ่งที่ประวัติศาสตร์ของการวิวัฒนาการได้สอนเรา ก็คือ สิ่งมีชีวิตจะไม่ยอมถูกกักขัง พวกมันจะหาทางเป็นอิสระ”

เรื่องย่อ

มหาเศรษฐี John Hammond ได้จัดตั้งทีมค้นคว้าวิจัยเพื่อให้ในไดโนเสาร์กลัยมามีชีวิตอีกครั้งที่เกาะ อิสลานูบลาร์ และหวังให้สวนแห่งนี้กลายเป็นแหล่งท่องเที่ยว จึงได้มีการให้ ดร. อลัน และ ดร. แอลลี่ นักบรรพชีวินวิทยา รวมถึง ดร.เอียน นักคณิตศาสตร์ ได้เข้ามาเยี่ยมชมเพื่อทำการรับรองความปลอดภัยของสถานที่แห่งนี้ก่อนจะเปิดให้คนทั่วไปได้เข้ามาเยี่ยมชม แต่แล้วกลับมีคนในที่ปิดระบบรักษาความปลอดภัยทั้งหมดของที่นี่ เพราะหวังเอาตัวอ่อนไปขาย จนทำให้บรรดาไดโนเสาร์ที่อยู่บนเกาะนี้ต่างหลุดออกมา จนทำให้ทุกคนต่างต้องเอาชีวิตรอดจากบรรดาสัตว์ดึกดำบรรพ์ที่กลับมามีชีวิตอีกครั้ง

หนังเรื่องนี้เหมาะกับใคร

สำหรับ Jurassic Park นั้น คงไม่ต้องพูดถึงกันมาก ว่าหนังเหมาะกับใคร เพราะใครที่บอกว่าตัวเองเป็นคอหนังแต่ยังไม่เคยดู Jurassic Park จะถือว่าเป็นอะไรที่ผิดบาปมหันต์มาก เพราะนี่เป็นอีกหนึ่งหนังคลาสสิคที่อยู่เหนือกาลเวลาที่สุดอีกเรื่องนึงเลย กับการเอาไดโนเสาร์กลับมามีชีวิตได้อีกครั้งหนึ่ง นับเป็นอีกหนึ่งมนขลังต์ของพ่อมดแห่งวงการ Hollywood อีกเรื่องที่เราบังคับดูจริงๆ ถ้าชอบงานปู่สปีลเบิร์กที่ล้ำจินตนาการอยู่แล้วไม่ควรพลาด ยิ่งคนรุ่นใหม่ๆ ที่ได้ดู Jurassic World มาก่อนยิ่งต้องย้อนกลับมาดู Jurassic Park กันด้วย

  • สายหนังพ่อมดสปีลเบิร์ก
  • สายหนังคลาสสิค
  • สายหนังไดโนเสาร์สัตว์ประหลาด

รีวิว / สรุปเนื้อหา

ผลงานคลาสสิคที่อยู่เหนือกาลเวลาอย่างแท้จริง เพราะไม่ว่าเวลาจะผ่านมากี่สิบปีการดู Jurassic Park ก็ยังคงให้ความรู้สึกสนุกและมีความสดใหม่อยู่เสมอ และกล้าพูดได้เลยว่า ไม่มีหนังไดโนเสาร์หรือหนังสัตว์ประหลาดเรื่องไหนที่ดีเทียบเท่ากับ Jurassic Park ได้อีกแล้ว ซึ่งที่น่าชื่นชมอันดับแรกของ Jurassic Park เลย ก็คือการร่ายมนต์ของพ่อมดแห่งวงการ Hollywood อย่าง Stephen Spielberg ที่ทำให้ไดโนเสาร์ที่เราเคยเห็นแค่ภาพ กลับมาเคลื่อนไหวและมีชีวิตได้อีกครั้ง โดย CG ที่ทำออกมาสวยเนียนตา มีความสมจริงมากๆ ถึงขนาดที่ทุกวันนี้เอามาดูก็ยังไม่ได้รู้ว่ามันเก่าเลย แม้ตัวหนังจะฉายตั้งแต่ปี 1993 แล้วก็ตาม

ซึ่งในส่วนของไดโนเสาร์แต่ละตัว ก็ทำออกมาได้ดี และมีพื้นที่หาซีนของตัวเอง ตั้งแต่ความยิ่งใหญ่ของ Brachiosaurus (ตัวคอยาวกินพืช) ที่โผล่มาเปิดตัวด้วยความใหญ่อลังการในแบบที่เราไม่เคยเห็นในหนังเรื่องไหนมาก่อน ความแสบของเจ้า Velociraptor (หรือที่เรียกว่า Raptor เป็นตัวเล็กๆ กินเนื้อ) ที่เอาออกมาวิ่งไล่ตัวละครในพื้นที่ปิดได้ชวนลุ้นจนลืมหายใจ รวมไปถึงสุดท้ายเจ้าบอสใหญ่ของหนังอย่าง Tyrannosaurus Rex (หรือเรียกกันว่า T-Rex ไดโนเสาร์กินเนื้อขนาดใหญ่) ก็เป็นพันธุ์อันตรายที่ออกมาคราใด รับรองได้ว่ามีคนตายแน่นอน ซึ่งแต่ละตัวที่ออกมาก็ล้วนแล้วแต่เนรมิตฉากที่น่าจดจำได้เป็นอย่างดี จนต้องชมการออกแบบทั้งการเปิดตัวและความสามารถในการล่าของพวกมันมากๆ

ด้วยความที่บทดูสนุก แถมหนังยังเน้นการผจญภัยเอาตัวรอดแบบเต็มรูปแบบ ทำให้คนดูนอกจากจะทึ่งกับไดโนเสาร์แล้ว ยังได้ลุ้นกับบรรดาตัวละครที่ออกแบบมาดี มีเสน่ห์และความชาญฉลาดมากๆ สมมง ดร. ทุกคน อีกทั้งยังคงประเด็นสำหรับนิยายได้เป็นอย่างดี สำหรับการพยายามทำตัวเป็นพระเจ้า ในการสร้างสรรค์สิ่งมีชีวิตที่เคยสูญพันธ์ไปแล้วของมนุษย์ สุดท้ายแล้วก็กลายมาเป็นความวุ่นวายที่ควบคุมไม่ได้ ทำให้ Jurassic Park เป็นหนังผจญภัยที่ครบรส จนขึ้นแท่นสุดยอดหนังคลาสสิคที่ใครๆ ก็รักจริงๆ

เกร็ดจากหนังเรื่องนี้

  • แน่นอนว่าด้วย CG ระดับนี้ ทั้งตัวไดโนเสาร์และเสียงอันแสนสยดสยองของมัน ทำให้หนังได้รางวัลออสการ์สาขา Best Sound, Best Sound Effects Editing และ Best Visual Effects มาได้แบบไร้ข้อกังขา ไร้คู่แข่งในปีนั้นเลยจริงๆ
  • Universal เล็งเห็นถึงศักยภาพของบท จึงจ่าย 2 ล้านเหรียญให้กับ Michael Crichton (นักเขียนชื่อดัง) ก่อนที่นิยายจะถูกตีพิมพ์เสียอีก
  • เสียงของ T-Rex ในหนังถูกสังเคราะห์มาจากส่วนผสมของ สุนัข เพนกวิน เสือ จรเข้ และช้างมารวมกัน