Battle Royale (2000)

เกมนรก โรงเรียนพันธุ์โหด

Battle Royale Poster
9/10

คะแนน
โกดังหนัง

เกมนรกสุดโหด จากนิยาย/มังงะสุดมันส์ กับนโยบายจับเด็กในชั้นมาฆ่ากันเอง ตีแผ่สันดานดิบของมนุษย์ ผ่านการฆ่ากันสุดโหด เป็นอีกหนึ่งตำนานมากๆ

หมวดหมู่ : Action Drama
สัญชาติ : Japan
กำกับโดย : Kinji Fukasaku
ความยาว : 2 ชั่วโมง 2 นาที
นักแสดงนำ : Tatsuya Fujiwara, Aki Maeda, Tarô Yamamoto

คำคมจากภาพยนตร์

“Life is a game. So fight for survival and see if you’re worth it.”
“ชีวิตก็เป็นเหมือนกับเกม ดังนั้นสู้เพื่อเอาชีวิตรอดซะ และพิสูจน์ว่าพวกแกมีค่าพอ”

เรื่องย่อ

ในโลกอนาคตที่ประเทศญี่ปุ่นตกอยู่ในสภาวะทางเศรษฐกิจจนประเทศแทบพัง ทั้งข้าวของราคาแพง และปัญหาอาชญากรรมที่เกิดขึ้นจากวัยรุ่น ทางรัฐบาลจึงออกนโยบายในการปฏิรูปการศึกษาใหม่ เพื่อหวังกำราบให้เด็กๆ เชื่อฟังผู้ใหญ่มากขึ้น จากการให้เด็กชั้นมัธยมเข้าร่วมเกม Battle Royale โดยหลอกว่าพวกเขาจะได้ไปทัศนศึกษา แต่เมื่อพวกเขาตื่นขึ้นมาก็ได้พบว่า พวกเขาถูกปลอกคอระเบิดควบคุมอยู่ หากใครที่แหกกฏก็จะตายในทันที โดยทุกคนจะต้องหาทางเอาตัวรอด และฆ่ากันให้ตายภายใน 3 วัน จนเหลือผู้รอดชีวิตแค่เพียงคนเดียว ไม่เช่นนั้นทุกคนจะต้องตายจากระเบิดที่คอทั้งหมด

หนังเรื่องนี้เหมาะกับใคร

สำหรับ Battle Royale คือหนังที่คอหนังโหดควรได้ดูสักครั้งในชีวิต ซึ่งในความโหดของมันนั้น ไม่ใช่แค่เพียงแค่การนั่งดูคนฆ่ากันตาย เพราะหนังหลายๆ เรื่องก็ทำเช่นนี้อยู่แล้ว แต่มันกลับเป็นการทำร้ายจิตใจที่ได้เห็นบรรดากลุ่มคนที่เคยเรียนมาด้วยกัน และเป็นเพื่อนกันมาก่อน หันอาวุธมาฆ่ากันเองด้วยวิธีต่างๆ จนกลายเป็นการสะท้อนสันดานดิบในการเอาตัวรอดของมนุษย์ แม้ว่าพวกเขาจะมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันมาก่อนหน้าก็ตาม อีกทั้งหนังจะเหมาะอย่างมากสำหรับคอหนังที่ชอบแนวจับคนไปฆ่ากันให้เหลือคนรอดคนเดียว อย่าง The Hunger Games และ The Comdamned เพียงแต่เรื่องนี้อาจจะชวนหดหู่และทำร้ายจิตใจเราได้มากกว่า

  • สายหนังแอคชั่นพันธุ์โหด
  • สายหนังรวมคนฆ่ากัน
  • สายหนังญี่ปุ่นในตำนาน

รีวิว / สรุปเนื้อหา

จากนิยายที่ตีพิมพ์เมื่อปี 1999 ด้วยคำปรามาสว่าไร้รสนิยม จากการเอาเด็กมาฆ่ากันตาย แต่สุดท้ายหลังการตีพิมพ์กลับประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก จนนำมาสู่ฉบับมังงะ และกลายเป็นฉบับภาพยนตร์ ซึ่งก็แน่นอนว่าดังเป็นพลุแตกกันอีกเช่นเคย ด้วยความโหดร้ายในแบบที่ไม่มีมาก่อน มันจึงเป็นเนื้อเรื่องที่สดใหม่มากๆ จากการเอากลุ่มนักเรียนที่เคยเป็นเพื่อนกัน ให้มาฆ่ากันตายบนเกาะแห่งหนึ่งจนกว่าจะเหลือเพียงคนเดียว มันเลยมีพื้นที่ให้หนังเล่นในพาร์ทแอคชั่นเอาชีวิตรอด การวางแผนต่างๆ ไปจนถึงพาร์ทดราม่า ที่ต้องฆ่าเพื่อน ที่เห็นหน้ากันมาโดยตลอด หรือมีความสนิทสนมกัน

นอกจากพล็อตที่น่าสนใจแล้ว กติกาของเกมก็เป็นอะไรที่สนุกชวนลุ้นมากๆ เริ่มตั้งแต่ที่ทุกคนที่เข้าร่วมจะได้อุปกรณ์ยังชีพมา 1 ถึง โดยแต่ละคนจะได้รับอาวุธที่แตกต่างกันออกไป บางคนได้ปืน บางคนได้มีด แต่บางคนกลับมีแค่ฝาหม้อ ทำให้แต่ละคนต้องอาศัยไหวพริบในการเอาตัวรอดจากอุปกรณ์ที่ได้มา อีกทั้งการใช้ปลอกคอก็เป็นตัวสร้างความลุ้นมากๆ เพราะนอกจากจะทำให้พวกเขาต้องดำเนินตามกติกาไม่ให้แหกกฏแล้ว มันยังใช้เป็นตัวบีบพื้นที่ให้คนที่กระจัดกระจายกันอยู่ให้ได้เข้ามาเผชิญหน้า และฆ่ากันได้อย่างรวดเร็วขึ้น ทำให้ตลอดเวลา 2 ชั่วโมงของหนังจึงเต็มไปด้วยความลุ้นระทึกในการเอาใจช่วยให้กับตัวเอกและผองเพื่อนรอดไปด้วยกัน แต่นั่นก็หมายถึงความตายของคนอื่นด้วย

แม้ว่าตัวหนังจะเน้นการฆ่ากันของกลุ่มวัยรุ่นบนมิตรภาพของพวกเขา แต่ตัวหนังก็เป็นการสะท้อนถึงปัญหาจากวัยรุ่นที่เกิดขึ้นในสังคม และผู้ใหญ่ที่ต้องการกดขีี่พวกเขาจากการที่ไม่เชื่อฟัง และไม่เคาระบรรดาผู้ใหญ่เหมือนอย่างที่เคยทำมา จึงต้องมีการกวาดล้างพวกคนไร้ที่คุณค่าออกไปจากประเทศ (ด้วยวิธีที่สุดโต่งเหลือเกิน) จนทำให้เกิดคำถามขึ้นตามมาอย่างแน่นอนว่าระหว่างเด็กที่ฆ่ากัน กับผู้ใหญ่ที่กำหนดกฏกติกาเหล่านี้ใครเลวร้ายกว่ากัน ซึ่งจากความสำเร็จของมันนั้น ก็นำไปสู่การต่อยอดต่างๆ ในฉบับหนัง Hollywood ไม่ว่าจะเป็นหนังดังอย่าง The Hunger Games ที่สร้างโลกขึ้นมาใหม่ให้มีการรวมคนไปฆ่ากันทุกปี หรืออย่าง The Condemnded ที่จับนักโทษมาฆ่ากันบนเกาะแห่งหนึ่ง  

เกร็ดจากหนังเรื่องนี้

  • สมาชิกรัฐบาลญี่ปุ่นหลาๆย คนพยายามจะแบนนิยายเรื่องนี้ตั้งแต่ออกมาแล้ว แต่ก็ไม่สำเร็จ จนกระทั่งเมื่อหนังออกมาก็มีความพยายามจะแบนอีก แต่เมื่อยิ่งแบนก็ยิ่งเป็นการกระตุ้นให้คนสนใจและเป็นกระแสขึ้น จนสุดท้ายมันก็ประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก (ซึ่งสภาพก็ไม่ค่อยต่างจากตอนมาฉายในบ้านเราสักเท่าไร)
  • แม้ว่าจะแบนในบ้านเกิดตัวเองไม่สำเร็จ แต่ในเกาหลีหนังกลับไม่มีโอกาสได้ฉายเลย
  • ฉากหลังของหนังนั้นถูกถ่ายทำบนเกาะสุดหลอนอย่างเกาะ ฮาจิมะ ที่มีบทบาทมากๆ ในช่วงสงครามโลก