Mission: Impossible 8 (2025)

มิชชั่น: อิมพอสซิเบิ้ล ปิดปฏิบัติการล่าพิกัดมรณะ

Mission: Impossible 8 Poster
8/10

คะแนน
โกดังหนัง

ฉากแอ็คชั่นเสี่ยงตายบ้าระห่ำคือที่สุด คงไม่มีใครทำแบบ Tom Cruise ไปได้อีกแล้ว การดูในโรงหนังเนี่ยแหละมันเพลิดเพลินมากๆ

หมวดหมู่ : Action
สัญชาติ : American
กำกับโดย : Christopher McQuarrie
ความยาว : 2 ชั่วโมง 50 นาที
นักแสดงนำ : Tom Cruise, Pom Klementieff, Hayley Atwell

คำคมจากภาพยนตร์

"This was your calling. Your destiny."
“นี่คือการเรียกร้องของคุณ ชะตากรรมของคุณ”

เรื่องย่อ

ภารกิจครั้งสุดท้ายของ Ethan Hunt ที่ต้องเผชิญหน้ากับศัตรูที่ร้ายกาจที่สุดอย่าง ดิ เอ็นทิตี้ ปัญญาประดิษฐ์สุดอำมหิตที่มีความสามารถถึงขนาดทำให้มนุษยชาติสูญสิ้น แถมยัง ต้องเผชิญหน้ากับกาเบรียล เพื่อนเก่าที่นำหน้าไปหนึ่งก้าวและต้องขอความช่วยเหลือจากปารีส ศัตรูเก่าของพวกเขา อุปสรรคที่ทีมของเขาต้องเผชิญก็สูงลิบลิ่วยิ่งกว่าเดิมเมื่อพวกเขาต้องดิ้นรนเพื่อแย่งชิงอาวุธเพียงหนึ่งเดียวที่อาจจะปราบดิ เอ็นทิตี้ ซึ่งซ่อนอยู่ใต้ครอบน้ำแข็งขั้วโลก ใต้ทะเลเบริง ในซากของเรือดำน้ำรัสเซียที่จมดิ่งอยู่ ที่มีชื่อว่า เดอะ เซวาสโทโพล

หนังเรื่องนี้เหมาะกับใคร

สำหรับ Mission Impossible 8 นั้น น่าจะกลายเป็นหนังสายลับระดับตำนานที่ติดโผหนังยอดเยี่ยมครองใจผู้ชมแน่ๆ มันยกระดับความบ้าบิ่นเหนือกฏเกณฑ์จาก 7 ภาคที่ผ่านมา งานสตั๊นเพื่อให้ได้ฉากแอ็คชั่นเสี่ยงตาย ภารกิจที่เป็นไปไม่ได้ หนังความครบเครื่องในสิ่งที่หนังสายลับควรมีอยู่เกือบครบทุกองค์ประกอบ อีกทั้งยังใส่ฉากแอคชั่นที่สร้างสรรค์มากมาย  โดยที่ไม่ต้องเน้นแค่ฉากยิงกันเพียงอย่างเดียว จนทำให้หนังมีฉากแอคชั่นหลายฉากที่น่าจดจำและชวนลุ้นอยู่ไม่น้อย บทพูดที่ประชัดประชัน เนื้อหาที่สอดคล้องกับโลกยุคใหม่ หนังคืนฟอร์มเก่งสับขาหลอกล่อคนดูไปมา ตอบโจทย์คนดูที่อยากเสพติดงานแอ็คชั่นที่โดนใจแห่งปีมันคงไม่ใช่เรื่องไกลเกินจริง ปิดตำนานส่งท้ายได้น่าจดจำ

  • สายหนังแอคชั่นสายลับ
  • สายหนังซับซ้อนซ่อนเงื่อน
  • สายหนังสปายสืบสวน

รีวิว / สรุปเนื้อหา

ในยุคที่หนังแอ็คชั่นที่เทรนด์ส่วนใหญ่พยายามเจริญรอยตาม John Wick หนังกลิ่นอายนักฆ่ามือสังหารที่เน้นศิลปะการต่อสู้แบบระยะประชิด Tom Cruise คงเป็นนักแสดงเพียงไม่กี่คนที่ยกระดับผลงานตัวเองให้ไปไกลกว่านั้น ข้อดีของ Mission คือแฟรนไชส์นี้ไม่จำเป็นต้องมีชุดข้อมูลดูภาคที่แล้วมา คุณสามารถเปิดใจดูภาคใหม่ได้ทันที แต่ในอีกด้านหนึ่ง พระเอกจอมเก๋าก็มักมีลูกเล่นใหม่ๆ กับการสร้างฉากเสี่ยงตายแบบที่คนอื่นทำไม่ได้มาเสิร์ฟอยู่เสมอ ชื่อเสียงของเขายังคงขายได้และเรียกศรัทธาจากผู้ชมกลับเข้าสู่จอยักษ์ได้ไม่ยาก แม้ว่าคนดูจะหันไปดูคอนเทนต์สตรีมมิ่ง แต่เขายืนยันหนักหน่วง หนังของเขาทุกเรื่องจำเป็นต้องฉายโรงเท่านั้น สิ่งที่ Tom ทำพูดได้เต็มปาก ไม่ใช่เรื่องไกลเกินจริง งานของเขาดูสนุก งานภาพ บรรยากาศความตรึงเครียด เทคนิคงานสร้างการถ่ายทำ ฉากเสี่ยงตายที่ดูหวาดเสียวไม่มีทางที่จอเล็กๆจะทำออกมาได้ดีแบบที่ Tom ทำแน่ๆ และ Mission ภาคนี้ก็ปิดจบพร้อมกับการเสี่ยงตายที่บ้าระห่ำอีกแล้ว ฉากต่างๆทั้งเรือดำน้ำ, การปืนเครื่องบินเก่ายุค 30 ที่รอยอยู่บนอากาศ คือจุดขายที่บ่งบอกว่าเขา พร้อมจะทำหนังแอ็คชั่นที่ท้ามรณะต่อไป ส่วนตัวคิดว่า Tom อยากพิสูจน์ว่า ถ้าหากสร้างงานที่ดู ท้าทายเทคนิคงานสร้างแบบที่คนอื่นทำไม่ได้ ยังไงแฟนหนังมากมายพร้อมสนับสนุน ซึ่งภาคนี้ก้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าเขาทำมันออกมาเหมือนเป็นเรื่องปกติ


หนังพยายามรวบรวมความทรงจำจากภาคเก่าๆในแฟรนไชส์เข้าไว้ด้วยกัน ซึ่งถ้าหากเคยดูมาก่อนจะเข้าใจได้ไม่ยาก แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่ได้เป็นปัญหาสำหรับคนดูหน้าใหม่เลย หนังอัดแน่นด้วยพล็อตเรื่องการกอบกู้โลกของสายลับที่ไม่กลัวตาย การวางประเด็นที่ดูแล้วก็ไม่เชย Tom พยายามขายงานตัวเองให้ตัวเองไม่เด่นเกินไป แต่พยายามเปิดตัวละครอื่นๆให้มีพื้นที่มีเวลาได้แสดง หนังเองไม่ได้ต่างจากอารมณ์หนัง MCU ที่ทุกอย่างพึ่งพา Ethan Hunt เพียงแต่ว่านี่ไม่ได้มีพลังพิเศษก็เท่านั้น ตัวละครวายร้ายก็เหลี่ยมจัดเจ้าเล่ห์ มีวิธีเอาตัวรอดที่เหนือกว่าสายลับ บรรยากาศการเล่าเรื่องที่ปรับเปลี่ยนอารมณ์บรรยากาศหนังถือเป็นไฮไลท์หลัก เพื่อไม่ทำให้โทนหนังน่าเบื่อ การได้สัมผัสหนังบนจอยักษ์ถือว่าเป็นความสนุกแบบที่สตรีมมิ่งให้ไม่ได้จริงๆ

ส่วนตัวแล้วชอบการแสดงของ Hayley Atwell ที่ภาคนี้มีความโดดเด่น มีเสน่ห์ พลิกจากโจรขโมยเปลี่ยนมาเป็นสายลับ, Pom Klementieff ที่พูดฝรั่งเศสมันทั้งเรื่อง, Greg Tarzan Davis ที่ต่อยอดตัวเองจากตัวประกอบใน Top Gun ได้บู๊เต็มตัว, Esai Morales ที่แสดงได้ดีเหลี่ยมจัดมากๆ, Simon Pegg เข้าใจแล้วว่าทำไมตัวละครตุยไม่ได้ เพราะเขาถูกวางให้ตลก สร้างอารมณ์ขัน จุดที่หนังไม่สนุกคือ เราสัมผัสได้ว่า ภาคนี้ถ้าไม่ใช้หนังแอ็คชั่นที่เน้นการแสดงเสี่ยงตายของ Tom Cruise หนังก็เหมือนเน้นข้อมูลคุยกันมากเกินไป ส่วนตัวคิดว่า ทีมงานพยายามฉีกกรอบจาก ภาค 4 ภาค 5 และ ภาค 6 เพียงแต่ว่าเทรนด์หนังแอ็คชั่นยุคนี้มันยังไม่มีเรื่องไหนที่เข้ามาพลิกเทรนด์ไปได้เลย ซึ่งไม่แปลกใจว่าทำไมหนังถึงพยายามนำประเด็นเก่าๆในยุคแรกๆเอาใส่ในภาคนี้

เกร็ดจากหนังเรื่องนี้

  • Hayley Atwell ท้อง 8 เดือนในระหว่างถ่ายทำหนัง
  • ฉากหิมะไปถ่ายสถานที่จริงใน Norway ท่ามกลางอุณหภูมิที่ติดลบ
  • Tom Cruise พา Pom Klementieff ไปกระโดดล่มในระหว่างถ่ายทำ
  • Tom Cruise เสี่ยงตายเกาะเครื่องบินเก่าที่มีอายุกว่า 80 ปี ด้วยมือเปล่าในฉากไคลแม็กซ์