Harry Potter and the Sorcerer’s Stone (2001)
แฮร์รี่ พอตเตอร์กับศิลาอาถรรพ์
คะแนน
โกดังหนัง
หนังว่าด้วยพ่อมดเวทมนตร์ที่ร่ายมนต์ใส่คนดูเข้าอย่างจัง
อีกหนึ่งเรื่องราวที่เต็มไปด้วยจินตนาการ ที่ชวนหลงใหล และให้ไปสำรวจมากยิ่งขึ้น
คำคมจากภาพยนตร์
“Wicked...” “ร้ายกาจ...”
เรื่องย่อ
แฮรี่ พอตเตอร์ เด็กน้อยที่เกิดมาพร้อมกับรอยแผลเป็นรูปสายฟ้าที่หน้าผาก ภายใต้การเลี้ยงดูของลุงและป้าของเขา จนกระทั่งวันเกิดปีที่ 11 เขาก็ได้รับรู้ความจริงว่าตัวเองเป็นพ่อมด และได้เดินทางไปยังโรงเรียนของผู้มีเวทมนตร์ที่มีชื่อว่า ฮอกวอตส์ พร้อมกับเพื่อนใหม่ อย่าง รอน และ เฮอร์ไมโอนี่ ที่ทั้งสามคนก็ได้เข้าไปพัวพันกับความลับอันดำมืดบางอย่างเกี่ยวกับ ศิลาอาถรรพ์ ซึ่งเป็นความลับอย่างในหนึ่งในโรงเรียน พร้อมทั้งการกลับมาของ ลอร์ดโวลเดอมอร์ เจ้าแห่งศาสตร์มืดผู้ชั่วร้าย ซึ่งเป็นที่มาของแผลเป็นที่หน้าผากของแฮรี่
หนังเรื่องนี้เหมาะกับใคร
สำหรับ Harry Potter and the Sorcerer’s Stone เป็นเรื่องที่ยาก ที่จะบอกว่ามันไม่เหมาะกับใคร เพราะคนในรุ่นที่หนังออกฉายนั้นต่างก็ได้ดื่มด่ำและหลงใหลไปกับโลกเวทมนตร์ได้อย่างเต็มเปี่ยม ด้วยความสร้างสรรค์จากผู้กำกับที่เหมาะกับงานหนังเด็กอยู่แล้วก็ยิ่งทำให้ทุกอย่างดูลงตัวเข้าที่เข้าทางกันเข้าไปใหญ่ ด้วยงาน CG งานโปรดักชั่น งานคอสตูม พร้อมทั้งทีมดาราที่เหมือนที่ต้นฉบับบรรยายเอาไว้ ทำให้หนังภาคปฐมบทของ Harry Potter นี้ จึงออกมาโดนใจทั้งแฟนๆ นิยาย และคนที่ไม่ได้ตามด้วย หากใครที่ชอบงานวรรณกรรมเยาวชนอมตะที่ถูกดัดแปลงเป็นหนังอย่างชุด Narnia หรือ Percy Jackson แล้ว ก็ต้องมี Harry Potter ไว้ติดลิสท์กันอย่างแน่นอน
- สายหนังแฟนตาซี
- สายหนังจากวรรณกรรมเยาวชน
- สายหนังดัดแปลงจากนิยายแฟนตาซี
รีวิว / สรุปเนื้อหา
อีกหนึ่งหนังที่พาเอาโลกในจินตนาการจากนิยายชื่อดัง มาสู่ภาพยนตร์ที่แฟนๆ นิยายต่างตื่นตาตื่นใจ เมื่อได้เห็นสิ่งที่ตัวเองได้จินตนาการเอาไว้ออกสู่ฉบับคนแสดงได้อย่างสมจริง ไม่ว่าจะเป็นฉากของโรงเรียนฮอกวอตส์ที่สร้างสรรค์ออกมาได้ตื่นตาตื่นใจในทั่วๆ บริเวณของโรงเรียนทั้งภายนอกภายใน วิชาเรียน การร่ายมนต์คาถาต่างๆ หรืออย่างการแข่งควิดดิช รวมไปถึงงานโปรดักชั่นก็เป็นอะไรที่เรียกได้ว่าอลังการงานสร้างในทุกรายละเอียด จนคนที่อ่านหนังสือมาต่างก็ต้องหลงรักในดีเทลของสิ่งต่างๆ ได้ออกมาโลดแล่นในฉบับภาพยนตร์
ด้วยความที่ภาคแรกตัวละครยังมีอายุแค่เพียง 11 ปี การใช้ Chris Columbus ที่เชี่ยวชาญในการทำหนังเด็กอยู่แล้วมากำกับก็นับเป็นตัวเลือกที่เยี่ยมมาก เพราะเขาก็เลือกใช้เนื้อหาในส่วนที่โดดเด่นจากนิยายมาขึ้นจอได้เป็นอย่างดี และมีฉากที่น่าจดจำมากมายสำหรับในภาพปฐมบทนี้ ในส่วนของทีมดารานั้นก็แคสมาได้ดีมากๆ เพราะแต่ละคนต่างก็มีภาพลักษณ์ตรงกับที่หลายๆ คนจินตนาการเอาไว้ (อาจจะยกเว้น เฮอร์ไมโอนี่ ที่ดันออกมาสวยขึ้นเรื่อยๆ และมีความโดดเด่นกว่าที่นิยายบรรยายเอาไว้) แล้วแต่ละคนก็เล่นได้เข้ากับบทบาทตามในเรื่องราวเป็นอย่างดี
แม้ว่าการหยิบมาดูใหม่ในตอนนี้ เราอาจจะเห็นอะไรที่ตลก และไม่สมเหตุสมผลในหนังเท่าไรนัก แต่ก็ต้องยอมรับว่าประสบการณ์ที่เราได้ดูมันครั้งแรกนั้น ก็เสมือนกับว่าหนังร่ายมนตร์ใส่เราอย่างแท้จริง ให้ได้หลงใหลไปกับโลกของเวทมนตร์ใบนี้ที่มีอะไรให้น่าค้นหาอีกมากมาย จนนับว่าเป็นอีกประสบการณ์ที่ดีของการรับชมภาพยนตร์เป็นอย่างมาก ในด้านของงาน CG เอามาดูใหม่ก็ยังไม่แย่จนขัดตาสักเท่าไร แต่ในส่วนของการจัดฉากตกแต่งอะไรก็นับได้ว่าโดดเด่นมาก รวมถึงงานประพันธ์เสียงจาก John Williams ก็ติดหูเสียจนหยิบมาใช้ได้ตั้งแต่ภาคแรกตลอดจนถึงภาคสุดท้ายในอย่างน่าจดจำ นับเป็นหนังดัดแปลงจากนิยายชั้นดีอีกชุดที่ควรได้ดูสักครั้งในชีวิต
เกร็ดจากหนังเรื่องนี้
- J.K. Rowling เคยออกมาเปิดเผยในเว็บไซต์ของตัวเองว่า เธอเคยรับการขอให้เล่นเป็น Lily แม่ของ Harry ในฉากที่กระจกที่เผยความต้องการ แต่เธอเองก็ปฏิเสธบทนี้ไป เพราะคิดว่าเธอไม่ใช่นักแสดง ยังไงก็ทำฉากนี้พังแน่ๆ
- ดาราอย่าง Alan Rickman ที่รับบท Snape นั้นถูกเลือกด้วยมือของ J.K. Rowling เอง และได้รับคำแนะนำพิเศษสำหรับบทของตัวละครนี้ (ที่คนดูหรือคนอ่านก็รู้กันว่าที่มาและปลายทางของตัวละครนี้เป็นอย่างไร)
- Tom Felton ที่รับบทของ Malfoy นั้น ไม่เคยอ่านหนังสือ Harry Potter เลยสักภาคก่อนมาทำการออดิชั่น ซึ่งเมื่อผู้กำกับถามคนที่มาแคสทั้งหลายว่าชอบพาร์ทไหนของหนังสือที่สุด Tom Felton ก็ตอบตามคนก่อนหน้าเป๊ะๆ ในทันทีว่าฉาก Gringotts