The Cabin in the Woods (2011)
แย่งตาย ทะลุตาย
คะแนน
โกดังหนัง
จดหมายรักถึงคอหนังสยองขวัญ ที่อุดมไปด้วยพล็อตเรื่องที่คุ้นเคย และความสยองที่คุ้นตา ควรรับชมแบบไม่ต้องรับรู้อะไรเลยเป็นอย่างยิ่ง
คำคมจากภาพยนตร์
“Society needs to crumble. We’re all just too chickenshit to let it happen.” “สังคมตอนนี้ควรจะพังทลายไปได้แล้ว พวกเราแค่ขี้ขลาดเกินไปที่จะปล่อยให้มันเกิดขึ้น”
เรื่องย่อ
วัยรุ่นมหาลัย 5 คน ได้รวมตัวกันไปเที่ยวที่บ้านพักในกระท่อมกลางป่าหลังหนึ่ง จากบรรยากาศที่คิดว่าควรจะสนุกสนาน ก็ต้องเปลี่ยนแปลงไป เมื่อพวกเขาได้พบกับบันทึกส่วนตัวของบุคคลที่เคยอยู่ในบ้านหลังนี้ และได้อ่านมันออกมาเป็นภาษาละติน จนนำมาสู่เรื่องราวสุดสยองเกินกว่าที่พวกเขาจะจินตนาการได้
หนังเรื่องนี้เหมาะกับใคร
สำหรับ Cabin in the Woods เหมาะกับคอหนังสยองขวัญที่ผ่านหนังสยองขวัญในหลายๆ ยุคมาพอสมควร เพราะหนังเรื่องนี้มันเป็นการหยิบล้อขนบธรรมเนียมสูตรของหนังประเภทนั้นได้อย่างสนุกสนาน เป็นตลกร้ายบนความโหดเลือดสาดที่สนุกไม่แพ้กัน เพราะลำพังแค่เนื้อเรื่องกลุ่มวัยรุ่นไปกระท่อมกลางป่า แล้วไปอ่านหนังสือบันทึกภาษาละติน ก็ทำให้เรารู้แล้วว่า นี่มันคือ Evil Dead ชัดๆ ซึ่งถ้าไม่ได้อินกับหนังสยองเหล่านี้มาก่อน ก็อาจสนุกได้ประมาณนึง แต่ถ้าเป็นแฟนพันธุ์แท้หนังสยองมาแล้ว คุณจะฟินกับมันได้มากๆ ซึ่งถ้าชอบหนังสยอง หนังเชือดแฝงด้วยตลกร้ายอย่าง Scream, Evil Dead แบบนี้แล้ว ต้องลองลิ้มรสยำใหญ่เรื่องนี้สักครั้งจริงๆ
- สายหนังสยองขวัญเชือดวัยรุ่น
- สายหนังสยองขวัญล้อขนบ
รีวิว / สรุปเนื้อหา
หนังที่แฟนๆ หนังสยองขวัญนั้นจะต้องร้องออกมาว่า “แม่เจ้าโว้ย” อย่างสุดเสียง กับมหกรรมรวมความสยองที่จัดเต็มในหนังเรื่องนี้ ที่เต็มไปด้วยความสดใหม่และความแปลกใหม่มากๆ จากการเขียนบทของ จอสส์ วีดอน แห่งจักรวาล Marvel ทีแจ้งเกิดใน The Avengers มาแล้ว ในเรื่องนี้เราก็ได้เห็นทัศนวิสัยของเขาในมุมต่างออกไป แต่กลับกลายเป็นว่ามันดันทำงานได้ดีในแง่ของคนที่เป็นแฟนพันธุ์แท้หนังสยองขวัญมากๆ ซึ่งในส่วนของเรื่องราว ก็เรียกได้ว่าเล่ายาก ถ้าหากว่าจะไม่ต้องการรู้เนื้อหาของหนัง เพราะสิ่งที่จะทำให้ดูหนังเรื่องนี้อย่างได้อรรถรสที่สุด ก็คือการดูโดยไม่รับรู้อะไรเลยจากในเรื่อง ซึ่งหากอ่านมาเท่านี้และสนใจ ขอเชิญไปดูหนังกันได้เลย เพราะย่อหน้าถัดไปจะเข้าส่วนเนื้อหากัน
****** เนื้อหาต่อจากนี้ เปิดเผยเรื่องราวในหนัง ******
การที่ไม่อยากให้รู้อะไร นี่ก็เป็นส่วนหนึ่งในการโปรโมทของหนังที่รณรงค์งดสปอยล์กันสุดฤทธิ์ในช่วงที่หนังออกฉาย เพราะมันมีจุดเฉลยที่กลายเป็นตัวอธิบายเรื่องราวทั้งหมดโดยแทบไม่ต้องลุ้นอะไรแล้ว แต่เอาเข้าจริงส่วนตัวหลังจากได้ดูหนังอีกรอบก็พบว่า ด้วยองค์ประกอบความโหด และพิสดารของบรรดาเหล่า Monster หรือ ฆาตกร ต่างๆ ในหนังที่ออกมาวาดลวดลาย หรือแม้แต่การล้อขนบธรรมเนียมของหนังประเภทนี้ที่มักให้ขี้ยา หรือสาวไม่สงวนพรหมจรรย์ตายก่อน ก็ถูกนำมาบิดให้สนุกมากขึ้นในเรื่องนี้ จนแม้ว่าเราจะรู้เรื่องราวอยู่แล้ว เราก็ยังมองว่าสามารถสนุกไปกับหนังได้อยู่ดี
ส่วนตัวชอบมากกับไอเดียที่เอาความสยองมายำกันโดยมีผู้ที่ควบคุมอยู่เบื้องหลัง และเอาบรรดาวัยรุ่นเข้ามาเป็นเครื่องบวงสรวงสังเวย และยิ่งขำลั่นมากๆ เมื่อได้เห็นความชิบหายวายป่วงของความล้มเหลวในการบูชายัญของแต่ละประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับในประเทศญี่ปุ่นที่ความ JHorror ที่สร้างสรรค์ดี ในส่วนของฉากสยองก็ทำมาได้สนุก เลือดสาด คุมโทนความโหดได้ดี แม้มันจะผสานกับความตลกร้ายไปด้วยก็ตาม ประกอบกับตอนจบที่บ้าคลั่งจนไม่มีทางคาดเดาถูกแล้ว มันจึงเสมือนเป็นจดหมายรักมาถึงคอหนังสยองขวัญได้เป็นอย่างดี
เกร็ดจากหนังเรื่องนี้
- แรงบันดาลใจของผู้กำกับอย่าง Drew Goddard ได้มาจาก การที่เขาได้เห็นอาชีพอย่างบรรดาพวกนักวิทยาศาสตร์ที่มีงานเกี่ยวข้องกับการสร้างอาวุธนิวเคลียร์ต่างๆ แต่ก็ใช้ชีวิตที่ทำงานและที่บ้านเหมือนคนปกติทั้งๆ ที่งานของพวกเขาสามารถทำลายโลกได้เลย ก็เลยเอามาปรับใช้กับองคืกรในหนังเรื่องนี้
- ในฉากที่พิธีกรรมในแต่ละประเทศล่มสลายแล้วเต็มไปด้วยความสยองสุดสร้างสรรค์นั้น ได้แรงบันดาลใจสุดคลาสสิคมาจากตัวละครในประเทศต่างๆ อย่างญี่ปุ่นก็มี The Ring, ที่บัวโนสไอเรส มี King Kong, ที่ Stockholm มี The Thing และที่ Madrid ก็ใช้ Dracula เข้ามา เป็นอีกฉากที่ต้องปรบมือให้กับความบ้าของมันจริงๆ