23:23 สัญญาสัญญาณ (2023)

23:23 สัญญาสัญญาณ

23:23 สัญญาสัญญาณ Poster
8.5/10

คะแนน
โกดังหนัง

งานรีเมคเกาหลีที่เข้าขั้นคุณภาพ สืบคดีเข้มข้น สนุกมากทุกๆตอนไม่ทำให้ผิดหวัง

หมวดหมู่ : Mystery
สัญชาติ : Thai
กำกับโดย : Sivaroj Kongsakul
ความยาว : 18 Episodes
นักแสดงนำ : Chakrit Yamnam, Chanon Santinatornkul, Khemanit Jamikorn

คำคมจากภาพยนตร์

“อำนาจบารมีทำให้เรื่องผิดเป็นเรื่องถูกก็ได้ ทำให้เรื่องโกหกเป็นเรื่องจริงก็ได้ ถ้าผมทำไม่รู้ไม่เห็นผมไม่เป็นแล้วตำรวจ"

เรื่องย่อ

หมวดวินทร์ เจ้าหน้าที่วิเคราะห์พฤติกรรมอาชญากรที่ทำงานในกองสืบสวนสอบสวนพิเศษส่วนกลาง ซึ่งมีปมในอดีตเกี่ยวกับพี่ชายของเขาที่ถูกใส่ร้ายจนนำมาสู่การเสียชีวิต วันหนึ่งเขาได้พบกับวิทยุสื่อสารรุ่นเก่า และมีเสียงลึกลับของใครบางคนที่เขาไม่รู้จักเรียกชื่อเขา หมวดวินทร์แปลกใจที่สามารถสื่อสารผ่านวิทยุเก่า ๆ ได้ และเพื่อพิสูจน์ความจริงว่าสิ่งที่เขาได้ยินผ่านวิทยุสื่อสารเป็นเรื่องจริง สารวัตรริสา หัวหน้าทีมสืบสวน ตำรวจสาวที่เคยมีความเชื่อว่าเธอสามารถช่วยโลกใบนี้ได้ แต่โลกอันสดใสของเธอกลับแตกสลาย เมื่อรักแรกของเธอหายตัวไป เธอจึงอุทิศชีวิตให้กับงานอย่างหนัก หมวดวินทร์, สารวัตรริสา และเจ้าหน้าที่ทีมคดีดำ ได้ร่วมกันเปิดเผยหลายคดีที่เป็นปริศนา โดยได้รับความช่วยเหลือจาก ผู้กองยอดชาย นายตำรวจจากอดีต ที่หายตัวไปนานเกือบ 20 ปี

หนังเรื่องนี้เหมาะกับใคร

สำหรับ 23:23 สัญญาสัญญาณ เป็นซีรีส์ที่เหมาะกับคนที่ชอบหนังสไตล์สืบสวนสอบสวนโดยเฉพาะ แถมวิพากษ์วิจารณ์การทำหน้าที่ของตำรวจไทยที่เจ็บแสบ เพราะเรื่องนี้เนื้อหาซัดเน้นๆ สลับซับซ้อนได้ดูได้คิดตาม พล็อตเรื่องเข้มข้นดุดันไม่เกรงใจใครของจริง ไม่ได้แค่มาไขคดี แต่ยังหยิบคดีปริศนาระดับตำนานเกาหลีมาปัดฝุ่นเล่าเรื่องได้เหมาะกับสภาพสังคมแบบไทยๆแถมโยงใยเข้ากับประเด็นทางสังคม มองดูรายละเอียดของเนิ้อหามันแฝงไปด้วยปัญหาที่ถูกเพิกเฉยต่อสังคม กลายเป็นความเดือดที่ฟาดฟันถึงข้อบกพร่องของคนจดที่ไม่มีวันได้รับการแก้ไข

  • สายหนังสืบสวนสอบสวน
  • สายหนังระทึกขวัญ

รีวิว / สรุปเนื้อหา

ไม่คิดเลยว่าเวอร์ชั่นนี้จะตีความออกมาได้เหมาะสมกับสังคมไทยจริงๆ ตำรวจหนุ่มที่รักความยุติธรรม 2 ยุค ที่มีนิสัยคล้ายๆกัน มาช่วยกันไขคดีหาเบาะแสไล่ล่าตัวคนร้าย ต้นฉบับเขียนบนมาค่อนข้างดีๆมากๆ และทีมผู้สร้างก็พิถีพิถันใส่ใจที่จะเสนอพล็อตเรื่องให้ดูสนุก ถ้ามองดูงานเวอร์ชั่นนี้ค่อนข้างตื่นเต้น ลุ้นระทึก สนุกจนไม่กล้าพลาดมันสักตอน การโยงใยคดีฆาตกรรมที่ปิดไม่ได้ในแต่ละตอน เชื่อมโยงกับปูมหลังตัวละครได้น่าสนใจ โลเคชั่นที่เกิดเหตุในทุกๆคดี ทำออกมาราวกับเป็นเหตุการณ์จริง จากเด็กสาวที่หายตัวไป ฆาตกรโรคจิตฆ่าผู้หญิง, คดีฆาตกรรมปริศนามากมาย ทุกๆคดีการจัดวางเนื้อหาในแต่ละฉาก ลำดับภาพ จัดแสง การวางโลเคชั่น การตัดต่อให้อารมณ์เหมือนในช่วงปลายยุค 90 ในขณะเดียวกันนอกจากการใส่ใจพาร์ทของตัวละครหลัก ทีมงานก็ทำให้เนื้อหาเข้าอกเข้าใจแง่มุมตัวละครในฝั่งของฆาตกรและเหยื่อ สิ่งที่เวอร์ชั่นไทยสื่อสารออกมาก็ยังพูดถึงการต่อสู้ของตำรวจชั้นผู้น้อย ทั้ง หมวดวินทร์ และผู้กองยอดชาย ที่พยายามพิสูจน์ความจริง ไขคดีเพื่อหาคนร้ายตัวจริง ทำให้สังคมน่าอยู่ ไม่ใช่ปล่อยให้คนร้ายรอยนวลไปฆ่าคนบริสุทธิ์ได้ตามใจชอบ หรือการปล่อยปะละเลยให้อำนาจมืด ความดีความชอบนี้คงต้องยกให้ผู้กำกับ ศิวโรจน์ คงสกุล ที่สร้างเรื่องนี้ให้มีกลิ่นอายเหมือนหนังฆาตกรรม

นอกจากนี้สิ่งที่ทีมงานใส่ใจลงไปหรือการพยายามเน้นไปยังอารมณ์ความรู้สึกของตัวละคร ที่การไขคดีคลี่คลายปมปัญหาต่างๆทำออกมาได้น่าสะเทือนใจ และการที่ทีมงานสร้างสรรค์เนื้อหาให้ไม่ซ้ำซากกับทางเกาหลี ถึงว่าบทสรุปของเกาหลีจะดูแบบค้างคาแต่แบบของไทยกลับสะท้อนไปยังการทำงานวิพากย์วิจารณ์ตำรวจที่ยังเป็นเครื่องมือรับใช้นักการเมืองนักธุรกิจรับส่วยวิ่งเต้นเพื่อผลประโยชน์เพื่ออำนาจเพื่อความอยู่รอด พอดูไปดูมาแล้วเราจะเห็นว่าคอนเทนต์นี้เหมาะกับบริบทเนื้อหาสังคมไทย การที่ยอดชายกล้าหาญในขณะที่คนอื่นเมินเฉยกลับกลายเป็นว่าเขาคือคนแปลกหน้าแกะดำในกลุ่มไปทั้งที่มันเป็นหน้าที่ของตำรวจ หรือการจัดฉากสร้างภาพของตำรวจที่หวังสร้างภาพสร้างผลงานปิดคดีให้รวดเร็วเป็นสิ่งที่เราคุ้นเคยคุ้นชินในสังคมไทย ยัดข้อหาให้ผู้บริสุทธิ์ทำร้ายชีวิตของคนไม่รู้อิโหน่อิเหน่เพียงเพราะความจนแบบนี้เราจะมีตำรวจไว้ทำไมยิ่งดียิ่งเข้าอกเข้าใจว่าทำไม คาแรกเตอร์ของคุณชาคริตถึงเหมาะเพราะดูแล้วไม่มีนักแสดงคนไหนที่เหมาะกับบทนี้เท่าเขาอีกแล้ว เสียสละทำหน้าที่เพื่อความถูกต้อง

แคสติ้งของนักแสดงนำกลายเป็นอีก 1 ปัจจัยหลักที่ทำให้คอนเทนต์น่าดู ถ้าหากบทไม่เขียนมาดีจริง ก็คงไม่สามารถดึงพลังของนักแสดงนำชั้นยอดไปได้แน่ๆ ผู้กองยอดชาย หรือคุณชาคริต แย้มนาม ที่ดัดแปลงมาจากต้นฉบับ อีเเจฮัน ตำรวจที่ยึดมั่นในความถูกต้อง เป็นสัญลักษณ์เเห่งความพยายามเเละไม่ยอมเเพ้ต่ออุปสรรค ไม่แคร์ตำรวจเลวหน้าไหนทั้งนั้น ขอแค่ทำหน้าที่ตำรวจจับคนร้าย อาจเป็นคนขว้างโลกเห็นต่างจากตำรวจคนอื่น แต่เขาเป็นคนยึดมั่นในอุดมการณ์รักษากฏหมาย ปกป้องคนบริสุทธิ์ , นนกุล ชานน สันตินธรกุล พระเอกหนุ่มมาแรงปีนี้เราแทบจะได้เห็นงานแสดงที่หลากหลายแน่ๆ ตำรวจหนุ่มเลือดร้อนรักความถูกต้อง เป็นตัวละครที่ต่อสู้ไม่แพ้ผู้กองยอดชาย นี่คือคาแรกเตอร์ที่มีรอยร้าวในชีวิตเกลียดตำรวจแต่มาเป็นตำรวจเพื่อไขคดี ต้นฉบับคือ พัคเฮยอง เด็กหนุ่มไร้ประสบการณ์ที่ใครต่อใครดูถูกว่าอ่อนหัด แต่มันสมองความเป็นคนช่างสังเกตทำให้ทุกๆคดีผ่านการคลี่คลายได้ยอดเยี่ยม นนกุล ก้าวมาไกลแล้วจากบ้านนาดาว สีหน้าแววตามีความสลับซับซ้อนเชื่อว่าคดีสุดท้ายน่าจะได้เห็นทักษะการแสดงที่เจ๋งกว่านี้อีก ด้านคุณแพนเค้ก เขมนิจ จากผู้กองไอริน สู่สารวัตรมาริสา เรื่องนี้การแสดงบุคลิกแตกต่างไปจากเดิม พอเข้าบทกับนนกุล กลายเป็นหัวหน้างานกับลูกน้องที่ต่อปากต่อคำได้สนุกพลิกคาแรกเตอร์จากเรื่อง Voice ไปเรียบร้อยแล้ว

เกร็ดจากหนังเรื่องนี้

  • นี่คือคอนเทนต์เรื่องที่ 3 สำหรับ Sivaroj Kongsakul ที่กำกับงานรีเมคของเกาหลี ต่อจาก Remember You และ รักนี้ชั่วนิจนิรันดร์
  • นี่คือการรีเมคเป็นหนที่ 4 ของ Signal ต่อจาก Signal ของญี่ปุ่น และ Unknown Number ของจีน