Destination Wedding (2018)
ไปงานแต่งเขา แต่เรารักกัน
คะแนน
โกดังหนัง
หนังรักเรียบง่ายมีบทพูดสนุกสนาน กลายเป็นงานที่เหนือความคาดหมาย ตลกร้ายเสียดสีความรู้สึกคนดูแน่ๆ พระเอกนางเอกคุณภาพมากๆ
คำคมจากภาพยนตร์
'You don't stop loving someone just because they hurt you."
"คนเราไม่ได้หยุดรักใครสักคนแค่เพราะเขาทำเราเจ็บ"
เรื่องย่อ
แฟรงค์ และ ลินซี่ แขกรับเชิญสองคนที่เผอิญมางานแต่งงานที่เดียวกัน พวกเขาต่างรู้สึกเบื่อหน่ายกับงานแต่งครั้งนี้ นั่นเป็นเพราะทั้งแฟรงค์และลินซี่ไม่ใช่คนที่เชื่อในความรัก แต่ถึงแม้พวกเขาจะมีปากเสียงกันตลอดเวลา ความสัมพันธ์บางอย่างระหว่างเขาและเธอกลับเริ่มงอกเงยในงานแต่งสุดอลเวงครั้งนี้คนเราไม่ได้หยุดรักใครสักคนแค่เพราะเขาทำเราเจ็บ
หนังเรื่องนี้เหมาะกับใคร
สำหรับ Destination Wedding กลายเป็นหนังรักโรแมนติกในสไตล์ Before Trilogy คนแปลกหน้าเจอกันพูดคุยถกเถียงสนทนากันอย่างเมามันส์ ถกเถียงได้เห็นมุมมองทัศนคติชายหญิง หน้าหนังเองก็ไม่ได้หวือหวาอะไรแต่กลับวิพากย์วิจารณ์ความรักความสัมพันธ์ได้สนุก เนื้อหาเล่าผ่านบทสนทนาล้วนๆ เลยจริงๆ ดังนั้นหากคนที่ต้องการอะไรหวือหวา โรแมนติกฟินจิกหมอน หรือใส่ดราม่าเข้ามาเป็นตัวดำเนินเรื่องแล้ว อาจจะยังไม่ตอบโจทย์เท่าไร เพราะทั้งเรื่องมีแค่ 2 คนคุยกันผ่านฉากหลังสวยๆ เท่านั้นจริงๆ ซึ่งใครที่ชอบหนังสไตล์คนรักกันในช่วงเวลาสัั้นๆ อย่าง Before We Go หรือ One Day แล้ว เรื่องนี้นับว่าขึ้นหิ้งที่ต้องดูเลย
- สายหนังรักโรแมนติก
- สายหนังโรแมนติกดราม่า
รีวิว / สรุปเนื้อหา
ถ้าจะบอกว่านี่คือหนังแบบไตรภาค Before Trilogy ก็คงไม่ผิดแปลกอะไร แต่ทว่าหนังเองมาในมุมมองที่โรแมนติกคอมเมดี้สนุกสนาน ใส่ความตลกเสียดสีสังคมชีวิตคู่ หรือออกแนวกัดจิกเสียดสีสังคมทั่วไปที่วิ่งตามหาความรัก หาคนที่ใช่ ให้คนดูได้คิดตามเยอะแยะเต็มไปหมด พูดแบบเข้าใจง่ายคือหนังพูดถึงทัศนคติคนยุคนี้ที่มองความรักความสุขว่าเป็นตัวปัญหา เป็นเรื่องใหญ่ที่ต้องมีแฟน ไม่มีดูอายไม่เท่ห์ จนไปๆมาๆกลับกลายเป็นการปิดกั้นความสุขส่วนตัวและอคติกันไปมา ช่วงๆแรกหนังมาแบบถกเถียงเปิดประเด็นสนทนากันยกใหญ่ จากเดิมที่ประชดประชันกลายเป็นตัวละครทั้ง แฟรงค์ และ ลินซี่ ค่อยๆปรับตัวเข้าหากัน
ระหว่างทางหนังทำให้เราเห็นภาพความเปราะบางของตัวละครที่มีความหวาดกลัวความรู้สึกล้มเหลวในจิตใจตัวเองมันบานปลายกลายเป็นความหวาดกลัวที่จะมีแสว่งหาความสุขในการใช้ชีวิต ลากยาวไปถึงความสัมพันธ์กับคนแปลกหน้า ส่วนอีกคนก็เป็นความที่พยายามปกปิดความเศร้าออกไป จริงๆแล้วพวกเขาแค่แยกแยะมันไม่ออก หนังสร้างโครงเรื่องที่มาแบบความบังเอิญ โชคชะตาพามาเจอกัน เหมือนที่ตลอด 90 นาที เราได้เห็นพัฒนาตัวละครไปเรื่อยๆ หนังมี Message ที่คมคายคนเราหวาดกลัว ไม่เปิดใจอะไรใหม่ๆ เพราะความอคติจากปมในอดีต พอได้เห็นการพูดคุยทำให้เข้าใจตัวละครทั้ง แฟรงค์ และ ลินซี่
หนังมาด้วยกลิ่นอายอารมณ์หนังยุค 90 ที่มีการพูดถึงความรักคู่ครองคนยุคนี้ผ่านมุมมองทำให้ ดึงการแสดงของดารานำอย่าง Keanu Reeves ออกมา รู้สึกว่าแปลกตาดีเพราะปกติจะคุ้นเคยคุ้นชินกับการเป็น John Wick ซะมากกว่า เรื่องนี้เหมือนเป็นงานฆ่าเวลาที่แต่งคอสตูมนักฆ่ามาเข้าฉากถ่ายทำหนังในพาร์ทความรัก ได้เห็นคาแรกเตอร์ใหม่ๆที่แปลกประหลาดให้ความสนุกสนานบันเทิงดีมากๆ ผสมผสานกับนางเอกสาวในฝันของหนุ่มๆยุค 90 Winona Ryder กลายเป็นเคมีที่เข้าขารู้ใจกันไปทันที รับส่งบทกันได้ดู จำบทพูดไดอาล็อคยาวๆแสดงออกมาได้เป็นธรรมชาติ ชอบในพาร์ทประชดประชันกันทำให้เห็นภาพผู้คนในยุคนี้จริงๆ
เกร็ดจากหนังเรื่องนี้
- Winona Ryder และ Keanu Reves กลับมาเจอกันในรอบ 26 ปี จากหนังเรื่อง Bram Stoker's Dracula
- Keanu Reeves มาแสดงเรื่องนี้ได้เพราะพักกองถ่ายจาก John Wick 3