Seven (1995)
เจ็ดข้อต้องฆ่า
คะแนน
โกดังหนัง
สุดยอดหนังสืบสวนสุดละเมียดละไม กับการฆาตกรรมบาป 7 ประการสุดโหด กับการไขคดีสยองสุดขั้ว ที่ทำให้คุณต้องช็อคกับบทสรุปของมัน
คำคมจากภาพยนตร์
“What is in the fucking box?.” “มีอะไรอยู่ในกล่องเชี่ยนั่น?”
เรื่องย่อ
โซเมอร์เซต ตำรวจวัยใกล้เกษียณ กับ มิลล์ นักสืบหนุ่ม ที่ได้จับมือกันเป็นคู่หู เพื่อมาร่วมสืบสวนคดีฆาตกรรมต่อเนื่อง ที่ศพแรกเป็นชายร่างอ้วนถูกฆาตกรรมอย่างอำมหิต พร้อมทั้งเบาะแสต่างๆ ที่ถูกทิ้งเอาไว้ และไม่นานนักก็พบกับเชื่อมโยงของการฆาตกรรมสุดวิปริตในครั้งนี้ว่ามันเป็นการฆ่าคนตามบาปทั้ง 7 ประการของศาสนาคริสต์นั่นเอง พวกเขาจึงต้องเดินตามรอยที่คนร้ายทิ้งเอาไว้ แต่เมื่อยิ่งเข้าไปก็ยิ่งพบกับอันตรายที่มากขึ้นกับพวกเขาเองและคนใกล้ตัวด้วย
หนังเรื่องนี้เหมาะกับใคร
สำหรับ Se7en นับว่าเป็นหนังสืบสวนสอบสวนคดีฆาตกรรมสุดพีค ว่าด้วยบาป 7 ประการที่ยังไม่เห็นในหนังเรื่องใดมาก่อน ด้วยการถ่ายทอดในโทนลึกลับ มืดหม่น และเต็มไปด้วยความโหดอำมหิต จนทำให้ใครที่ชอบหนังสืบสวน แต่รับความโหดไม่ได้ อาจจะต้องมองข้ามไป แต่ถ้าใครที่ชอบในความโหดดิบ เข้มข้น รับกับความรุนแรงเหล่านี้ได้ Se7en ก็จะเป็นหนังสืบสวนอีกเรื่องที่โยนเบาะแสให้กับคนดูตามไปพร้อมๆ กับตัวละครตำรวจคู่หูได้อยากสนุก ชวนติดตาม พร้อมกับรายละเอียดชั้นเยี่ยม เหมือนหนังอย่าง Zodiac ของผู้กำกับที่ใหม่กว่า แต่ถ้าใครอยากได้งานสืบระดับ Masterpiece แล้วก็ต้องเป็น Se7en จริงๆ
- สายหนังสืบสวนสอบสวน
- สายหนังฆาตกรรมสุดโหด
- สายหนังสืบสวนยุค 90s
รีวิว / สรุปเนื้อหา
สุดยอดผลงานกู้ชื่อของผู้กำกับอย่าง David Fincher ที่หลังจากประเดิมผลงาน Alien 3 ออกมาอย่างผิดพลาดด้วยปัจจัยต่างๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับความกดดัน จนกลายเป็นตราบาปที่สุดในชีวิตผู้กำกับของเขา ซึ่งสำหรับ Se7en นี้จึงเป็นโอกาสที่จะสร้างชื่อของเขาอีกครั้งกับหนังสืบสวนสอบสวนสุดดาร์คระดับขึ้นหิ้ง ที่กลายเป็นลายเซ็นที่ชัดเจนของเขาในการทำหนังประเภทนี้ไปแล้ว ซึ่งตัวหนังเองก็จัดเต็มในระดับ Rate R จนเรียกได้ว่าใช้เรทได้อย่างคุ้มค่ามากๆ กับบรรดาฉากเหยื่อแต่ละรายของฆาตกรฆ่าตามบาปคนนี้ ที่ต้องอยู่ในสภาพสุดอเนจอนาถจากการฆ่าในแบบสุดโหดอำมหิต
ตัวละครคู่หูในเรื่องอย่าง โซเมอร์เซต และ มิลล์ นั้น ก็ถือเป็นตัวละครที่ถูกออกแบบมาได้ดี มีเคมีที่เข้ากันแม้ว่าอุปนิสัยของทั้งคู่จะมีความแตกต่างกันก็ตาม เพราะอย่างโซเมอร์เซ็ต ก็จะเป็นต้นแบบของนักสืบที่มีประสบการณ์ และเข้าใจเบาะแสต่างๆ ได้อย่างรวดเร็ว ในขณะที่ตัวมิลล์เองก็มักใช้อารมณ์เป็นที่ตั้ง ตามสไตล์วัยรุ่นใจร้อน แต่ด้วยความทั้งคู่มีเป้าหมายเดียวกันก็คือการตามล่าฆาตกรคนนี้ก่อนที่จะมีศพต่อๆ ไป ซึ่งตัวหนังก็โหดแบบโหดจัดมากๆ แม้เราจะไม่ได้เห็นกระบวนการฆ่าในเรื่องเลย แต่สภาพศพก็เป็นตัวบอกความรุนแรงอยู่แล้ว หรือแม้กระทั่งฉากจำในช่วงใกล้จบนั้น เราก็ไม่ได้เห็นอะไรมากนัก แต่กลับจินตนาการไปถึงภาพความสยดสยองได้เป็นอย่างดี เรียกว่าหนังทำงานได้ดีในการสร้างจินตนาการให้คนดูผ่านทางฉากและการแสดงของดารามากๆ
ในแง่ของการดำเนินเรื่องก็เป็นสไตล์สืบสวนแท้ๆ ที่เรียกร้องความสนใจ และความตั้งใจดูของคนดูอยู่มากๆ ในทุกๆ บทสนทนาและเบาะแสต่างๆ ก็ช่วยทำให้คนดูเดาเรื่องราวได้สนุกขึ้น ประกอบกับการเอาเรื่องราวของบาป 7 ประการมาใช้อย่างชาญฉลาด ทำให้คนที่เคยรู้จักเรื่องราวเหล่านี้ ก็จะสามารถเชื่อมโยงไปกับการฆาตกรรมที่เกิดขึ้นได้เป็นอย่างดี และชอบในไอเดียแต่ละศพซะเหลือเกิน ซึ่งในแง่รายละเอียดต่างๆ ของหนังก็ทำมาได้ดี จนเรียกได้ว่าเป็นงานสืบสวนแบบปราณีต ละเมียดละไมบนความโหดดิบเป็นอย่างมาก จนนำไปสู่ตอนจบของหนังที่น่าทึ่งและน่าจดจำฝังใจให้กับหลายๆ คนที่ดูจบได้เลย
เกร็ดจากหนังเรื่องนี้
- กลายเป็นที่ถกเถียงกันระหว่างค่ายกับทีมงานมากๆ ในส่วนของกล่องปริศนาภายในเรื่อง ที่ทางค่ายและผู้บริหารเองไม่อยากให้มีฉากของกล่องนั้นเข้ามาในเรื่อง เพราะมันจะสร้างความอึดอัดกระอักอ่วนเกินไปให้กับคนดู ในขณะที่ดาราอย่าง Brad Pitt เองกับยืนยันว่าหนังจะต้องจบแบบนี้เท่านั้น ไม่งั้นเขาก็ไม่เล่น ซึ่งก็นับว่าเป็นการตัดสินใจที่ถูก เพราะมันทำให้เป็นฉากจำสุดคลาสสิคของเรื่องเลย
- ด้วยความที่ผู้กำกับ David Fincher เป็นคนที่ละเอียดละออกับทุกอย่างมากๆ ดังนั้นฉากศพต่างๆ ล้วนต้องออกมาสมจริง และเป็นภาพที่น่าสะอิดสะเอียน อย่างฉากของเหยื่อบาป Sloth หรือความเกลียดคร้านนั้น ใช้เวลาในการสร้างสรรค์ถึง 14 ชั่วโมงเลยทีเดียว