5 เหตุผลทำไม Little Women ถึงจะกลายมาเป็นซีรีส์เกาหลีกระแสหลักช่วงนี้
ในแต่ละช่วงเวลาดูเหมือนว่า Netflix ก็จะวางแผนไว้แล้วว่า จะมีซีรีส์เกาหลีเรื่องใดที่จะถูกปล่อยมาเป็นกระแสหลัก ที่จะให้คนพูดถึงและติดกันแบบทั่วบ้านทั่วเมือง โดยช่วงที่ผ่านมานั้นก็มีซีรีส์ในลักษณะนี้หลายเรื่อง ที่เข้าข่ายที่ว่าหากไม่ดู จะคุยกับใครๆ ไม่รู้เรื่อง ซึ่งในตอนนี้เองก็มีซีรีส์ที่น่าจะเข้าข่ายที่ว่าเพิ่งเข้าใหม่ในชื่อว่า Little Women หรือ 4 ดรุณี ที่ชื่อเสมือนนิยายคลาสสิคที่ถูกเอามาดัดแปลงเป็นภาพยนตร์หลายครั้งแล้ว
โดยในเวอร์ชั่นของเกาหลีนี้จะเล่าถึงชีวิตของ 3 พี่น้องชนชั้นกลางที่ค่อนไปทางล่าง พวกเธอต้องเผชิญกับแม่ที่ขโมยเงินที่เป็นค่าทัศนศึกษาของน้องคนเล็ก เพราะเธออยากที่จะไปเที่ยวของเธอเอง จนทำให้พวกเธอต้องอยู่กันตามลำพัง ในขณะที่ชีวิตของแต่ละคนก็ต้องเผชิญกับปัญหาหลายอย่าง ทั้งพี่คนโตที่ติดเหล้า น้องคนกลางที่เผอิญได้รับเงินทุจริตก้อนโต และน้องคนเล็กที่พยายามดิ้นรนอยู่ด้วยตัวเอง ซึ่งเรื่องราวจะเป็นอย่างไรต่อ ต้องไปดูได้ใน Little Women บน Netflix ส่วนสาเหตุที่เราอยากให้ดูกันนั้น ก็ตามนี้เลย
การตีความใหม่ของ 4 ดรุณี ที่ดันอยู่ในเกาหลี
“เพราะผู้หญิงนั้นอยู่ยากในยุคสมัยของโลกใบนี้” นั่นเลยเป็นสาเหตุที่ Little Women หรือ 4 ดรุณีที่เป็นงานเขียนของ Louisa May Alcott จึงเป็นผลงานที่คนมักหยิบมาเล่า ในบริบทที่เปลี่ยนไปในแต่ละช่วงเวลาอยู่บ่อยครั้ง อย่างก่อนหน้าเราก็ได้เห็นฉบับของผู้กำกับสายพลังหญิงอย่าง Greta Gerwig ในปี 2019 ที่หยิบเอาเรื่องเก่าแก่มาเล่าใหม่ได้เข้ากับบริบทปัจจุบันมากๆ กับเรื่องของ 4 สาวพี่น้องที่ต้องเผชิญกับชีวิตที่แตกต่างกัน
ซึ่งในฉบับนี้ก็เป็นการเอาผลงานที่ว่ามาตีความกันใหม่อีกครั้ง โดยปรับให้พวกเธอเหลือเพียงพี่น้อง 3 คนเท่านั้น และย้ายสัมโนครัวของพี่น้องทุกคนมาอยู่ในเกาหลียุคปัจจุบัน ที่ยังคงมีความเป็น ปิตาธิปไตย หรือสังคมที่เพศชายเป็นใหญ่ รวมถึงยังสะท้อนถึงการต่อสู้ระหว่างชนชั้นแรงงานและผู้มีอิทธิพลในสังคมด้วย ซึ่งการปรับในครั้งนี้ก็เรียกได้ว่าแปลกตาไปมาก และเพิ่มประเด็นได้เยอะเลยทีเดียว
จองซอคยอง มือเขียนบทระดับเทพที่ต้องจับตา
หากจะนับมือเขียนบทหญิงแนวหน้าของเกาหลีนั้น คงต้องมีชื่อของ ซองซอคยอง โผล่มาแน่ๆ เพราะที่ผ่านมานั้นเธอเขียนมาแต่บทที่เป็นหนังที่ต้องมีดีเท่านั้น ตั้งแต่ Sympathy for Laday Vengence ที่เป็นหนึ่งในไตรภาค Vengence ของผู้กำกับ ปาร์ค ชาน-วุค หรือจะแนวรักๆ ก็มี I’m a Cyborg, But That’s ok ด้วย ไปจนถึงแนวดราม่า ระทึกขวัญ อีโรติก ที่สับขาหลอกคนดูได้อย่างสนุกสนานใน The Handmaiden พร้อมด้วยหนังใหม่ที่จะเข้าฉายในปีนี้่อย่าง Decision to Leave ด้วย
จึงไม่แปลกนักที่เธอเองจะถูกจับตามองมาเสมอเวลามีหนังใหม่ๆ ที่เธอเป็นคนเขียนบท ซึ่งในเรื่องนี้ เธอก็ยังคงเน้นเรื่องของพลังหญิงเหมือนเดิม ไม่ต่างจากผลงานที่เคยออกมา และมักมีตัวละครหญิงที่มีบทเด่นกว่าตัวละครชายในเรื่องอยู่เสมอ อีกทั้งยังมักใส่ประเด็นการโดนสังคมกดทับเข้าไปด้วย ทำให้ไม่น่ามีใครเหมาะเท่าเธอแล้วจริงๆ เอาแค่ Ep แรกของเรื่องก็เข้มมากๆ แล้ว
3 ดาราพี่น้อง ที่พร้อมถ่ายทอดบทได้ดี
อีกส่วนที่จะทำให้ซีรีส์เรื่องนี้ไปต่อได้ดีก็คือทีมดารา 3 พี่น้องนี่แหละ ที่แคสมาได้สมบทบาทมากๆ ตั้งแต่ คิมโกอึน ที่มารับบทเป็นพี่สาวคนโต ที่ทำหน้าที่เสมือนเป็นเสาหลักของบ้านด้วยเพราะเธอมีแม่ที่แย่ เลยต้องแบกรับทุกอย่างในบ้านเอาไว้ด้วยตัวเอง และพยายามช่วยเหลือน้องให้ได้มากที่สุด โดยคิมโกอึนก็เคยเล่นซีรีส์มาเยอะมาก อย่างใครดู The King: Eternal Monarch ก็น่าจะคุ้นเคยกันอยู่
ส่วน นัมจีฮยอน ก็มาเป็นน้องสาวคนกลาง ที่เป็นนักข่าว และต้องต่อสู้กับอำนาจจากเบื้องบน แถมยังมีปัญหาชีวิตที่ติดแอลกอฮอล์อีก ซึ่งเธอก็มีผลงานก่อนหน้าอย่าง 100 Days My Prince ส่วนน้องคนเล็ก ก็น่าจะเป็นที่คุ้นหน้ากันหากใครดูซีรีส์ All of Us Are Dead เพราะได้น้องพัคจีฮู มาเป็นน้องสุดท้อง ที่มีปมในใจจากการที่พี่ๆ ต้องคอยดูแลเธอจนรู้สึกว่าพึ่งพาพี่ๆ มากเกินไป
ไม่ใช่แค่ดราม่า แต่ยังมีหลายแนวให้ตาม
แม้หน้าซีรีส์จะออกมาเป็นดราม่าแน่ๆ แต่จริงๆ แล้วมันกลับเต็มไปด้วยประเด็นสังคมมากมาย อย่างเรื่องการเสียดสีชนชั้น การใช้ชีวิตของผู้หญิงในเกาหลียุคปัจจุบัน ไปจนถึงเรื่องของความระทึกขวัญที่กำลังคืบคลานเข้ามาหาแต่ละตัวละคร ตั้งแต่ที่พวกเธอได้เจอเงินก้อนจากการทุจริต ไปจนถึงการเข้าไปมีเรื่องกับคนใหญ่คนโตในเรื่อง ก็เลยทำให้มันมีความน่าติดตาม มากกว่าที่จะตามติดชีวิตพวกเธอทั้งสามคน
แต่ยังมีจุดให้ชวนลุ้น ให้เอาใจช่วย ว่าพวกเธอจะทำยังไงกับสถานการณ์แบบนี้ อีกทั้งยังสร้างความเข้มข้นให้กับเรื่องราว ว่าแต่ละตัวละครก็มีความเสี่ยงในชีวิตเพิ่มขึ้นมาได้เหมือนกัน
งาน Production สุดเลิศ ที่ชวนเสพอยู่ในแต่ละฉากของเรื่อง
ด้วยความที่ซีรีส์ได้ รยูซองฮี อีกหนึ่งมือทำองค์ประกอบวิจิตรศิลป์ให้กับหนังดังๆ มาแล้วหลายเรื่อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในหนังของ ปาร์ค ชาน-วุค ที่เราจะเห็นองค์ประกอบภาพสวยๆ และส่วนประกอบฉากต่างๆ ที่ชวนสวยเสียจนอยาก Snap เก็บเอาไว้ ซึ่งจุดสังเกตที่น่าสนใจคืองาน Background หรือ Wallpaper ในฉากต่างๆ ของหนังยังคงสไตล์แบบเดิม ที่ดูปุ้บก็น่าจะรู้ปั้บว่าเป็นเธอแน่นอน
ซึ่งด้วยความที่เป็นมือทองแบบนี้ จึงทำให้ที่ผ่านมานั้น เธอจึงทำงาน Production Design ให้กับหนังฉายโรงเท่านั้น และเป็นหนังที่เธอมั่นใจว่าต้องออกมาดี แต่กับเรื่องนี้แม้จะเป็นซีรีส์แต่เธอก็ตัดสินใจมาทำให้ จนทำให้การันตีได้เลยว่า ตัวบท หรือเรื่องราวมันจะต้องดีมากๆ อย่างแน่นอน และคนดูเองก็คงฟินไปกับแต่ละฉากด้วยเช่นกัน