แต่ล่าสุดคิดว่าทุกคนน่าจะเห็นเธอในบทของหมอคริสทีน พาล์เมอร์ใน Doctor Strange:Multiverse of Madness จากทั้งสองจักรวาลกันไปแล้ว ที่ไม่ว่าจะเป็นจักรวาลไหนเธอก็ยังคงเป็นสาวแกร่งที่ไม่ต้องพึ่งพาผู้ชาย จนกลายเป็นอีกขวัญใจของแฟนหนัง Marvel อยู่ไม่น้อย ซึ่งเพื่อรู้จักเธอให้มากขึ้น เราจึงอยากแนะนำหนังของ Rachel McAdam กันไว้ แม้ว่าจะไม่ครบทุกเรื่อง แต่ที่คัดมาก็มีส่วนโดดเด่น และความแปลกใหม่ในบทของเธอแน่นอน เชียร์ให้ดูทั้งหมดเลย

Mean Girls (2004) – ก๊วนสาวซ่าส์ วีนซะไม่มี

คาดี้ สาวน้อยวัย 16 ปี ที่เคยเรียนแต่โฮมสคูลที่แอฟริกา เนื่องจากพ่อ แม่ของเธอนั่นเป็นนักสัตววิทยาที่นั่น จนเพิ่งได้มีโอกาสย้ายเข้ามาเรียนในไฮสคูลในอเมริกา ทำให้เธอต้องพยายามปรับตัวเข้ากับคนอื่นๆ เป็นอย่างมาก ด้วยความที่หลายอย่างแตกต่างกันเหลือเกิน อีกทั้งเธอยังต้องรับมือกับกลุ่มพลาสิค ที่มี เรจินา เป็นหัวโจก จนทำให้เกิดเป็นเรื่องสุดวุ่นวายในโรงเรียนขึ้น

อีกหนัง Chick Lit ที่ถูกพูดถึงกันมาอย่างข้ามเวลามากๆ และเน้นที่ตัวละครผู้หญิงเป็นหลัก และฉีกภาพลักษณ์สาวๆ ในไฮสคูลมาเป็นกลุ่มมารร้ายสุดแซ่บ ที่มีเนื้อเรื่องที่ชวนติดตามไม่น้อยเลย หลายๆ คนอาจจะมองว่าหนังค่อนข้างไร้สาระ แต่เน้น Bitch ๆ แต่จริงๆ แล้วหนังก็มีประเด็นที่น่าพูดถึงเป็นอย่างมาก ทั้งเรื่อง Self-Esteem, Bullying และสังคมวัยรุ่นอเมริกันที่ทำออกมาได้อย่างน่าสนใจ จนทุกวันนี้ใครๆ ก็ยังพูดถึงอยู่ ซึ่ง Rachel McAdam ในเรื่องก็รับบทเป็นยัยตัวร้ายเรจิน่าที่คนดูนั้นเกลียดเธอไม่ลงจริงๆ แหละ

The Notebook (2004) – รักเธอหมดใจ ขีดไว้ให้โลกจารึก

โนอาห์เด็กหนุ่มที่เป็นช่างทำงานก่อนสร้าง ได้พบกับอัลลี่สาวน้อยที่บ้านมีฐานะ แม้ว่าพวกเขาจะรักกัน แต่ทว่าบ้านของอัลลี่ก็กีดกันเพราะความไม่สมฐานะนี้ จนกระทั่งครอบครัวอัลลี่ย้ายบ้านไปทำให้ทั้งคู่ต้องแยกจากกัน แต่โนอาห์เองก็ยังคงไม่ตัดใจจาก อัลลี่ ยังคงส่งจดหมายหาเธอแม้ว่าจะโดนกีดกันอยู่เสมอ จนกระทั่งเขาก็ได้ข่าวว่า อัลลี่ กำลังจะแต่งงานกับหนุ่มที่ดีพร้อมทุกอย่าง ซึ่ง อัลลี่ เองก็ยังไม่แน่ใจ จนตัดสินใจเดินทางกลับมาที่เมืองเดิมอีกครั้งในรอบ 10 ปี

หนังหวานปนเศร้าจากนิยายของ Nicholas Spark ที่ยังคงทำออกมาเพื่อรีดน้ำตาคนดูให้ไหลพรากๆ เช่นเคย โดนในเรื่องนี้ได้พระ-นาง หล่อสวยแห่งยุคทั้ง Ryan Gosling และ Rachel McAdams กับความรักที่เต็มไปด้วยอุปสรรค ที่แม้ว่าจะรักกันมากแค่ไหน ก็เหมือนคนเขียนมันก็จงใจจะขยี้ให้คนดูตายคาจอกับความรักของทั้งคู่ นับเป็นอีกหนังรักในดวงใจของใครหลายๆ คน แม้ว่าบางคนจะมองว่าน้ำเน่าเกินเบอร์ แต่สุดท้ายก็ดราม่าแบบนี้แหละที่ได้ใจคนดูไปเต็มๆ

Red Eye (2005) – เที่ยวบินระทึก

ลิซ่า สาวพนักงานโรงแรมที่ต้องขึ้นเครื่องบินไฟล์ทดึกไปที่ไมอามี่ จนเธอได้นั่งข้างกับ แจ็คสัน ชายที่เธอเคยนั่งดื่มด้วยกันที่อาคารผู้โดยสารของสนามบิน แต่แล้ว แจ็คสัน กลับแสดงท่าทีคุกคามด้วยการขู่เธอให้จัดการสั่งเปลี่ยนห้องพักของ เจ้าหน้าที่ด้านความมั่นคงของประเทศ ซึ่งเป็นลูกค้าของโรงแรมที่เธอดูแลอยู่ เพราะเขานั้นมีแผนที่จะลอบสังหารลูกค้ารายนั้น โดยมีชีวิตพ่อของเธอเป็นตัวประกัน เธอจึงต้องใช้ไหวพริบที่มีในการเอาตัวรอดจากสถานการณ์อันเลวร้ายนี้

หนังสุดระทึกของผู้กำกับ เวส คราเวน ผู้สร้างตำนานนิ้วเขมือบและ Scream ที่เปลี่ยนมาเล่าความระทึกขวัญบนท้องฟ้าในเครื่องบินที่เป็นพื้นที่ปิดกันบ้าง กับโจทย์ที่ว่าถ้าคนข้างๆ ดันเป็นคนร้ายสุดโหดเราจะเอาตัวรอดยังไงบ้าง ซึ่ง Cillian Murphy ก็รับบทนี้ได้อย่างน่ากลัวดี และมีความจิตอย่างมาก แต่บท Rachael Mcadam ก็ฉีกจากหนังรักๆ โรแมนติกมารับบทสาวไหวพริบดี ที่พยายามเอาตัวรอดได้เป็นอย่างดีเลย เพราะทั้งคู่ทำให้หนังออกมาระทึกสุดๆ และมีการชิงไหวชิงพริบ ให้รู้สึกว่าเธอไม่ได้เป็นแค่มวยรอง แต่สู้กลับได้อย่างน่าเอาใจช่วยจริงๆ

The Time Traveler’s Wife (2009) -รักอมตะของชายท่องเวลา

แคลร์ และเฮนรี่ หนุ่มสาวที่ต่างตกหลุมรักกัน แต่ความสัมพันธ์ของทั้งคู่ต่างต้องเผชิญกับอุปสรรคที่แปลกแยกจากคนอื่น ตรงที่ เฮนรี่ เองนั้นเป็นชายที่มียีนส์ประหลาดที่ทำให้เขาท่องเวลาได้ แต่ไม่สามารถควบคุมมันได้ ทำให้เขานั้นต้องเดินทางข้ามเวลาอยู่บ่อยครั้งแบบเลือกไม่ได้ จนทำให้ความสัมพันธ์ของพวกเขาต้องเผชิญกับหลายสถานการณ์ที่เฮนรี่ไม่ได้อยู่ในช่วงเวลาที่แคลร์ต้องการ พวกเขาจึงต้องพยายามที่จะประคองความสัมพันธ์นี้ไปให้ได้

หนังที่หยิบเอาพล็อตการข้ามเวลามาใช้กับความรัก และทำให้ความสามารถพิเศษเป็นเสมือนกับคำสาป เมื่อการข้ามเวลาคือสิ่งที่ควบคุมไม่ได้ จนทำให้เขาแว้บไป แว้บมาข้ามเวลาโดยที่ไม่รู้เลยว่าจะโผล่ที่ไหนหรือเมื่อไร ขนาดว่าจะมีลูกกับคนรักก็ยังลำบาก เพราะลูกดันมียีนนี้ ทำให้ท้องทีไรน้องก็วาร์ปจนไม่ได้เกิดสักที มันเลยเป็นหนังโรแมนติค ที่ผสมความแฟนตาซี แต่กลับมีความดราม่าหนักๆ จนใครที่ชอบพล็อตข้ามเวลาแล้วอยากเปลี่ยนแนวบ้าง ก็น่าลองเปิดใจมาดู โดยเรื่องมาก่อน About Time ที่ Rachel Mcadam ก็เล่นเป็นภรรยาของชายผู้ข้ามเวลาอีกแล้ว!

Sherlock Holmes (2009) – เชอร์ล็อค โฮล์มส์ ดับแผนพิฆาตโลก

ในปี 1891 กรุงลอนดอน เชอร์ล็อกโฮล์ม นักสืบผู้มีชื่อเสียงในการไขได้ทุกปริศนาไม่ว่าจะซับซ้อนเพียงใดก็ตาม ร่วมกับ นายแพทย์จอห์น วัตสัน ผู้ช่วยฝีมือดี ที่คอยติดตามและช่วยไขคดีกันมาด้วยกันมากมาย ที่มาครั้งนี้ พวกเขาต้องเผชิญกับคดีฆาตกรรมอันโหดร้ายจาก ลอร์ด แบล็ควูด ฆาตกรต่อเนื่องที่ดูเหมือนจะใช้พลังด้านมืดเหนือธรรมชาติมาสรรค์สร้างการฆาตกรรมที่ยากเกินกว่าจะคาดเดา จนทำให้ทั้งโฮล๋ม และวัตสันนั้น ต่างต้องระดมสมองมาไขคดีอันแสนประหลาดเหล่านีี้ด้วยกัน ก่อนที่จะมีเหยื่อรายใหม่มากขึ้น

Sherlock Holmes เวอร์ชั่นนี้นับเป็นอีกเวอร์ชั่นที่ค่อนข้าง Mass อยู่มาก เมื่อพิจารณาจากรายได้กว่า 524 ล้านเหรียญที่ทำไปได้ทั่วโลก และน่าจะถูกอกถูกใจคอหนังหลายๆ คนเป็นอย่างดี ด้วยการใส่จังหวะเรื่องราวที่ตื่นเต้น น่าติดตาม ชวนอยากรู้ว่าสุดท้ายแล้วรูปคดีจะออกมาอย่างไร ด้วยการใส่แอคชั่นที่มีสไตล์เฉพาะตัวเข้ามาด้วย ก็ยิ่งเพิ่มสีสันให้กับหนังไปกันใหญ่ แต่สำหรับคนที่มีภาพ Sherlock ในหัวที่เป็นในโหมดเงียบขรึม ที่เป็นนักสืบสุดคูล ไม่โฉ่งฉ่างแบบนี้แล้ว ก็มีโอกาสที่จะทำใจรับหนังไม่ได้อยู่เหมือนกันนะ ส่วน Rachel เรื่องนี้รับบท Irene Adler สาวฉลาดขวัญใจ Sherlock ที่มีทั้งส่วนผสมของความน่ารักและความฉลาดจริงๆ

Midnight in Paris (2011) – คืนบ่มรักที่ปารีส

เรื่องราวของผู้ชายคนหนึ่งที่มีอาชีพเป็นนักเขียนนิยายมาปารีสกับคนรักเพื่อมาพบกับว่าที่พ่อตาและแม่ยาย เขาตกหลุมรักเมืองหลวงแดนน้ำหอมเข้าอย่างจังชนิดถอนตัวไม่ขึ้น ผิดกับคนรักของเขาเองที่มีมุมมองรสนิยมไม่เหมือนกัน จนกระทั่งคืนหนึ่งระหว่างเดินกลับโรงแรมในเวลาเที่ยงคืนได้พบกับรถยนตร์ทรงโบราณลึกลับที่พาเขาย้อนกลับไปยังยุคอดีต ยุคที่มีศิลปินแทบทุกแขนงมากมายในปารีส และนั้นทำให้เขาได้เข้าใจและเรียนรู้ความหมายที่แท้จริงของชีวิตจริงๆ ว่าควรพอใจกับสิ่งที่มี

หนังที่มีกลิ่นอายยุคเก่าและยุคใหม่ เนื้อหาคือความรักโรแมนติกที่พาคนดูไปดื่มด่ำกับบรรยากาศที่สวยงามในมหานครปารีส  หนังหยิบประวัติศาสตร์เข้ามาสอดแทรกกับเนื้อหาการใช้ชีวิตคนที่ไม่เคยพอใจในสิ่งที่มีอยู่เลย บทหนังมีความคมคายในเรื่องของภาษา ผ่านการแสดงที่ยอดเยี่ยมของ Owen Wilson และ Rachel Mcadam ที่ได้พาผู้ชมไปสำรวจเรื่องราวมากมายและทำให้แฟนหนังที่หลงรักมนเสน่ห์เมืองหลวงแดนน้ำหอมจะรู้สึกฟิน ใครที่ชอบหนังแบบฟิลอาร์ทๆ หน่อยแต่ไม่ดูยากมาก ต้องอินอย่างแน่นอน

About Time (2013) – ย้อนเวลาให้เธอ(ปิ๊ง)รัก

ทิม เลค ชายหนุ่มแสนธรรมดา ที่ในวัย 21 ได้ค้นพบว่าตัวเองมีพันธุกรรมหนึ่ง ที่ผู้ชายในตระกูลนี้จะสามารถย้อนเวลาได้ โดยข้อจำกัดก็คือสามารถย้อนไปในการแก้ไขชีวิตตัวเองได้ แต่ไม่สามารถไปเปลี่ยนแปลงประวัติศาสตร์หรืออะไรได้ เขาเลยมีความตั้งใจจะเอาพลังที่ว่านี้ไปใช้ในการจีบสาวที่เป็นเรื่องยากสำหรับเขา จนกระทั่งวันหนึ่ง เขาก็ได้พบกับ สาวสวยที่ชื่อ แมรี่ เขาได้ใช้พลังการย้อนเวลาวนกลับไปจนจีบเธอติด พร้อมทั้งแก้ไขสิ่งต่างๆ ในชีวิิต แต่แล้ววันหนึ่งเขาก็ต้องพบว่าพลังที่เขามีนั้น กลับส่งผลกระทบกับชีวิตเขามากกว่าที่คิด และในบางครั้งมันก็ไม่ได้ใช้แก้ได้ทุกปัญหาเสมอไป

หนังเหมาะอย่างมากสำหรับคนที่กำลังมองหาหนังฟีลกู้ด มองพลังบวกให้กับชีวิต ทั้งมุมมองด้านความรัก และความสัมพันธ์ในครอบครัว ที่หนังเรื่องนี้มีทุกอย่างที่มองหาเลย เพราะทั่้งพาร์ทความโรแมนติกก็ทำออกมาได้น่ารัก หรือพาร์ทดราม่าก็อบอุ่นหัวใจดี อีกทั้งในพาร์ทของการย้อนเวลาก็ทำออกมาเข้าใจง่ายๆ ไม่ได้เน้นความสมจริงให้มาปวดหัว (ซึ่งหากใครจะมาหาความไซไฟให้มองผ่านไปเลย) จนทำให้มันเป็นหนังรักฟีลกู้ดข้อคิดดีๆ อีกเรื่องที่จะทำให้หัวใจคนดูพองโตได้เป็นอย่างดีหลังดูจบ ซึ่ง Rachel Mcadam ในเรื่องนี้ ก็น่ารักแบบระดับ 10 กะโหลก ตั้งสเตปการอ่อยหนุ่ม ความเป็นสาวยุคใหม่ ที่ไม่ว่าใครก็ต้องหลงรักเธอในเรื่องนี้อย่างแน่นอน

Game Night (2018) – คืนป่วน เกมส์อลเวง

แม็กซ์ และแอนนี่ คู่รักที่แต่งงานกันมาพักใหญ่ แต่กลับมีปัญหาระหองระแหงกันอยู่ในเรื่องที่มีลูกไม่ได้ ในคืนหนึ่ง บรู๊คส์ พี่ชายของ แม็กซ์ นั้นก็มาชวนพวกเขาและแก๊งบอร์ดเกม เพื่อจัดกิจกรรม Board Game Night กัน แต่เมื่อทุกคนไปถึงก็ต้องตกใจ เมื่อพบว่ามีโจรมาลักพาตัวบรู๊คส์ไปต่อหน้าต่อตา แต่ที่น่าสงสัยก็คือ สิ่งที่เกิดขึ้นกับพวกเขาในตอนนี้ มันเป็นแค่เกมหรือมันเป็นเรื่องจริงกันแน่ จนทำให้พวกเขาแต่ละคนต้องเดินหน้าสืบสวนถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

หนังสายบันเทิงอีกเรื่องที่มีครบรสทั้งเนื้อเรื่องแนวสืบสวนที่ดูสนุกมีจุดพลิกผันไปมา มีมุขฮาๆ ที่ยิงเข้าเป้าแทบตลอดทั้งเรื่อง มีพาร์ทดราม่าเบาๆ ที่สอดแทรกมาในหนังได้อย่างกลมกล่อม จนรู้สึกว่าใครที่หาหนังอารมณ์ดี หรือหนังตลกที่มีพล็อตเจ๋งๆ สักเรื่องแล้ว จะสามารถตอบโจทย์ได้เป็นอย่างมาก เพียงแต่คนที่ไม่ใช่คอหนังอาจจะขำน้อยหน่อยกับบรรดามุขจิกกัดวงการฮอลลีวู้ดทั้งหลาย และ Rachel Mcadam ก็เป็นพิสูจน์อีกครั้งว่าเธอนั้นเหมาะกับหนังตลกหน้าตายแบบนี้อยู่เหมือนกัน