8 หนังคนโลเล ที่ไม่รู้ชีวิตต้องการอะไรกันแน่

ระยะหลังมานี้เรามักจะพบว่าตัวเองถูกเริ่มชอบหนังประเภทหนึ่งที่ดันตรงกับชีวิตตัวเองมาก หนังที่พูดถึงคนวัย 30 ต้นๆ หรือ 20 ปลายๆ ที่ยังหลงทาง ไม่รู้ว่าตัวเองมีแพสชั่นอะไรกันแน่ พูดเลยว่าบางครั้ง มันกระทบใครหลายๆคนแบบไม่ทันตั้งตัว หลายๆครั้งเรามักพบคำตอบให้ตัวเองว่าสิ่งที่เรานั้นอาจไม่ใช่ที่ของเรา แล้วก็หมดแพชชั่นไปแบบไม่มีเหตุผล แต่บางครั้งเรากลับทำหลายๆสิ่งที่ถูกมองข้ามไปออกมาดี หลายๆสิ่งหลายๆอย่างไม่มีอะไรที่บ่งชี้ว่ามีสูตรสำเร็จตายตัว เราเองต้องหาคำตอบให้ชีวิต บางคนสละออกไปได้แล้วเปิดรับสิ่งใหม่ๆ บางคนทดและจำยอม

หนังจากดูหนังนอร์เวย์เรื่องหนึ่งจบแล้วรู้สึกว่ามันกระทบตัวเอง เรามุ่งหวังแสว่งหาคำตอบให้ชีวิต แต่หลายๆครั้งเราเองมีชีวิตที่ไม่มั่นคงและบางครั้งมันอาจตั้งหลักไม่ถูกใจใครหลายๆคน ชีวิตมันเป็นของเรา สิ่งที่ทำได้ดีที่สุดเข้าใจและยอมรับว่า การก้าวเดินแต่ละครั้งไม่มีคำว่าง่าย เราเลยแยากแนะนำ 8 หนังคนโลเลที่ยังตั้งหลักให้ชีวิตไม่ได้ เพื่อบางเรื่องอาจเป็นข้อคิดเครื่องเตือนใจใครต่อใครเพื่อให้รับรู้ว่า ชีวิตเราเดินได้ด้วยตัวเองไม่ใช่คำพูด ชุดความิดคนอื่นเสมอไป

1.The Worst Person In The World (2021)

ยูลี่ หญิงสาววัย 30 ที่ทำงานในร้านหนังสือ ขณะที่เรียนถ่ายภาพไปด้วย ได้พบรักกับนักเขียนการ์ตูนหนุ่มที่ดูเหมือนเป็นรักแท้ของเธอ แต่เมื่อความสัมพันธ์เริ่มมาถึงจุดที่จืดจาง เธอบังเอิญไปพบชายหนุ่มที่ทำงานในร้านกาแฟที่ทำให้ชีวิตของเธอมีสีสันอีกครั้ง และทำให้เธอเป็นตัวของตัวเอง การนอกใจจึงเกิดขึ้นจนนำไปสู่การเลิกลา
.
สำหรับ The Worst Person In The World เป็นหนังรักรอมคอม Coming Of Age ที่เนื้อหาตรงใจคนหนุ่มสาวยุคปัจจุบัน กระเทาะเปลือกมุมมองผู้หญิงที่แสว่งหาความรักผู้ชายที่ใช่มาครองในชีวิต ภายใต้ความสัมพันธ์ที่จริงจังสอดแทรกปัญหาชีวิตรักที่ไม่ได้สวยงามมุมมองคนช่วงชีวิตทุกอย่างเปลี่ยนแปลงไปตามเวลา หนังดูเข้มข้นแต่สนุกสนานมีความตลก ดราม่า ตึงเครียดจนปวดตับกับความรัก โรแมนติก พาคนดูไปสำรวจความสัมพันธ์ที่เกิดขึ้นและสัมผัสถึงความน่ากลัวของความไม่แน่นอนในชีวิต ไม่เว้นแม้แต่เรื่องราวของการค้นหาตัวตน ผสมผสานกับเรื่องราวของความต่างระหว่างวัยและการผันเปลี่ยนของสังคมได้อย่างลงตัว

2.Reprise (2006)


ฟิลิป และ อีริค 2 หนุ่มเพื่อนรักที่เติบโตมาด้วยกัน มีความหลงใหลในงานวรรณกรรม และทั้งคู่ก็ต่างทะเยอทะยานจะเป็นนักเขียนชื่อดังให้ได้ ทว่าโชคชะตาของพวกเขากลับถูกกำหนดให้ดำเนินไปคนละทาง ฟิลิปกลายเป็นนักเขียนหน้าใหม่ที่ประสบความสำเร็จอย่างรวดเร็ว เขาได้พบหญิงสาวที่ตัวเองเชื่ออย่างสนิทใจว่าเธอคือคู่แท้ อย่างไรก็ตาม ช่วงเวลาแห่งความสุขก็ถึงคราวต้องจบลง เมื่อความหมกหมุ่นที่ฟิลิปมีต่อแฟนสาว มันได้กระตุ้นอาการจิตเวชในตัวเขา ทำให้เขาก่อเหตุความรุนแรงจนถูกส่งตัวไปบำบัดเป็นเวลาครึ่งปี ขณะที่อีริค แม้เขาจะส่งผลงานไปให้สำนักพิมพ์อย่างต่อเนื่อง แต่ก็ใช้เวลาอยู่นานกว่าที่หนังสือเล่มแรกของเขาจะได้รับการตีพิมพ์
.
สำหรับ Reprise เป็นหนังที่เนื้อหาตรงใจคนหนุ่มสาวยุคปัจจุบัน กระเทาะเปลือกมุมมองผู้ชายที่มีเป้าหมายในชีวิตคล้ายๆกัน คืออยากประสบความสำเร็จตามความฝันของตัวเอง แต่ปัญหาคือชีวิตจริงกับความฝันอาจไม่ได้เป็นอย่างที่หวัง เพราะมันมีปัจจัยมากมายมารุมเร้า หนังพูดถึงชีวิตและความไม้่แน่นอนของคน ไม่เว้นแม้แต่เรื่องราวของการค้นหาตัวตน ผสมผสานกับเรื่องราวของความต่างระหว่างวัยและการผันเปลี่ยนของสังคมได้อย่างลงตัว

3.Oslo, August 31st (2011)

แอนเดอร์ส ชายหนุ่มวัย 34 ที่อยู่ในระหว่างการบำบัดยาเสพติด และกำลังจะได้กลับบ้านในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า วันหนึ่งแอนเดอร์สต้องออกจากศูนย์บำบัดชั่วคราว เพื่อเดินทางไปสัมภาษณ์งาน และพบปะเพื่อนๆ ของเขาที่กรุงออสโล หวังจะรื้อฟื้นความทรงจำเก่าๆ และอัพเดตข่าวคราวในช่วงที่เขาไม่อยู่ แต่ทว่าการเดินทางเข้าเมืองครั้งนี้ กลับทำให้แอนเดอร์สเริ่มตระหนักถึงความจริงอันโหดร้าย (ผู้คนรอบตัวเขาต่างมีชีวิตที่ดีกันหมดแล้ว ขณะที่ตนยังไม่เป็นโล้เป็นพาย เพราะเสียเวลาไปกับการบำบัดนานหลายปี) อีกทั้งเขายังไม่สามารถจัดการกับอนาคตของตัวเองได้ ท้ายที่สุด กลายเป็นว่าแอนเดอร์สไม่รู้สึกเป็นส่วนหนึ่งกับผู้คนและเมืองแห่งนี้อีกต่อไป
.
หนังพูดถึงชายหนุ่มวัยกลางคนที่รู้สึกโดดเดี่ยวและกำลังเดินหลงทางหาทางออกให้ชีวิตไม่ได้ แต่เขาดันไม่เลือกที่จะแก้ปัญหาชีวิตด้วยการฆ่าตัวตาย เขาเลือกเดินไปแบบไร้จุดหมายในออสโลเมืองที่เติบโตมา และพบความจริงที่มันโหดร้ายคนรอบข้างเขาเติบโตกันหมดแล้ว มีหน้าที่การงานที่ดีที่มั่นคงมีความสุขในแบบของตัวเอง ผิดกับเขาที่เป็นคนสิ้นหวังขี้แพ้ขี้ยาแถม ยึดติดกับเรื่องราวในอดีต และเสียเวลาไปมากมายกับการบำบัด ทั้งที่เมื่อก่อนเขาเคยเป็นนักเขียนอนาคตไกล แถมยังรู้สึกแย่บั่นทอนตัวเองอีก จนไม่กล้าเดินหน้าไปทางไหนเลย 

4.Frances Ha (2012)

รานเชส สาวที่พึ่งเรียนจบมาหมาด โดยมีวิถีชีวิตที่ไม่พยายามผูกมัดกับใครจริงจัง ไม่ทำงานประจำและร่อนเร่ย้ายหอพักไปเรื่อยๆ ในนิวยอร์ก โดยมีความฝันว่าอยากเป็นนักเต้น ก่อนจะค่อย ๆ ตระหนักรู้ว่า การเบือนหน้าหนีจากความจริงแบบนี้ไปเรื่อยๆ อาจเป็นสิ่งที่เธอทำไม่ได้ทั้งชีวิต แถมชีวิตก็ย่ำแย่ความสัมพันธ์กับคนรอบข้างก็ไม่ดีอีก เงินที่มีก็เริ่มหมดจนฝันที่มีนั้นไกลออกไปแล้ว
.
นี่คือหนังอเมริกัน ที่ได้รับการยกย่องว่า ได้มอบสิ่งที่ขาดหายมานานในหนังอเมริกัน คือตัวละครหญิงที่มีชีวิตเลือดเนื้ออันสมจริง ทั้งวัยและสถานะทางสังคม นอกจากฟรานเชสต้องดิ้นรนเรื่องงานแล้ว เธอยังต้องเรียนรู้ความสัมพันธ์ – ที่ไม่ใช่กับเพื่อนชายที่ไหน แต่คือเพื่อนสาวสุดซี้อย่าง โซฟี ซึ่งเธอเคยเชื่อว่า จะอยู่เคียงข้างประคับประคองไปด้วยกันชั่วนิรันดร์ โดยไม่ทันตระหนักว่า ในไม่ช้า เพื่อนรักที่เติบโตและสนิทกันมา ก็ต้องการมีชีวิตเป็นของตนเองเช่นเดียวกัน

5. Garden State (2004)

แอนดรูว์ นักแสดงหนุ่มผู้มีอาการซึมเศร้าและต้องกลับมายังบ้านเกิดที่ นิวเจอร์ซีย์ เพื่อมางานศพของแม่ หลังจากที่พบความจริงว่าฝันที่วาดไว้ไม่ได้เป็นอย่างที่คิด เขากลายเป็นพนักงานร้านอาหารธรรมดาคนหนึ่งเท่านั้น การคัมแบ็คกลับมายังบ้านเกิดทำให้ต้องเผชิญหน้ากับอดีตอันเลวร้ายที่เขาอยากจะลืม แต่มันก็ทำให้เขาได้พบกับ แซม เด็กสาวที่ทำให้เขามองเห็นชีวิตในมุมที่เปลี่ยนไป แซมทำให้แอนดรูว์ได้เข้าใจว่า ถึงชีวิตจะไม่ได้มีแต่เรื่องสุขสมหวังอย่างที่เราฝันไว้ แต่เราก็ต้องเรียนรู้ที่จะอยู่กับสิ่งที่มีและยอมรับทั้งด้านดีและด้านร้ายของชีวิตอย่างเข้าใจ และแม้ว่าสุดท้ายแล้ว เราจะหลีกหนีจากความทุกข์ไปไม่ได้ แต่บางครั้ง เราก็ต้องกล้าที่จะหัวเราะให้กับความผิดหวัง และบอกตัวเองให้ลุกขึ้นสู้ใหม่อีกครั้ง
.
นี่คือหนังที่พูดถึงคนที่ล้มเหลวที่ซมซานกลับมาบ้านเกิด จากคนที่มีความฝันความหวัง การกลับมาเริ่มต้นใหม่ที่บ้านเกิดแบบไม่ได้ตั้งใจ มันเป็นการรื้อฟื้นหลายๆสิ่งหลายๆอย่างที่ขาดหายไป การพบเจอเด็กสาวคนหนึ่ง ก็ผลักดันให้เขาได้เข้าใจโลกว่าไม่มีใครมีความสุขหรือมีความทุกข์หรือทำอะไรได้อย่างที่ใจต้องการ ชีวิตจะดีจะร้ายมันเป็นของเรา เราหนีมันไปไม่พ้น บางทีการเริ่มต้นใหม่มันก็ไม่ได้แย่เสมอไป 

6.Laggies (2014)

ถึงแม้ว่าจะผ่านไปกว่า 10 ปีตั้งแต่ เมแกน จบจากไฮสกูล แต่ทัศนคติและมุมมองของเธอก็ไม่ได้เปลี่ยนไปเลย เมื่อเธอถูกแฟนที่คบกันมาตั้งแต่เรียนขอแต่งงาน เมแกน ก็กลัวและพยายามวิ่งหนีความรับผิดชอบ เธอต้องการที่จะใช้ชีวิตเหมือนเด็กไฮสกูลอีกครั้งก่อนที่จะก้าวเข้าสู่อีกช่วหนึ่งของชีวิต ซึ่งก็ทำให้เธอได้พบกับ แอนนิก้า สาววัยทีนที่โตเกินวัยและอาศัยอยู่กับพ่อคนเดียว เมื่อได้ทำความรู้จักกัน พวกเธอก็ได้ค้นพบว่าวัยไม่ใช่สิ่งที่กำหนดชีวิตของแต่ละคน แต่มันคือการทำตามความรู้สึกของตัวเอง ไม่ว่าอนาคตจะเป็นเช่นไร
.
หนังพูดถึงผู้หญิงคนหนึ่งที่ไม่พร้อมที่จะรับการเปลี่ยนแปลงคือยังคิดว่าตัวเองอายุ 20 ต้นๆตลอดไป ไม่เปลี่ยนความคิดว่าตัวเองต้องเติบโตไปเป็นผู้ใหญ่ ท่ามกลางคนรอบข้างที่ดูโต แต่เธอกลับเหมือนเด็กน้อย เป็นคนโลเล หลีกเลี่ยงมันทุกอย่าง ยังคงมีชุดความคิดแบบเดิมๆ เนื้อหาผสมผสานความเป็นดราม่าโรแมนติกเบาสมอง และสอดแทรกสาระการค้นหาตนเองไว้ได้อย่างน่าสนใจ แม้ประเด็นสาระอาจจะไม่ได้คมมากมาย แต่ก็ชวนให้เราย้อนคิดถึงตนเอง ตอนที่เราสับสนหรือรู้สึกผิดที่ผิดทาง 

7.Mistress America (2015)

เทรซี่ นักศึกษาสาวที่มาเรียนในมหานครนิวยอร์ก ซึ่งเธอพบว่าตัวเองเข้ากับใครไม่ได้เลยครับ จนกระทั่งเธอได้เจอกับ บรู๊ค สาววัย 30 ที่ใช้ชีวิตอยู่กับสิ่งเพ้อฝัน มีไอเดียเยอะแยะแต่ไม่เคยทำอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน จริงๆ แล้วเธอกำลังกลัวว่าชีวิตของเธอจะผ่านเลยไปโดยไม่มีอะไรสำเร็จสักอย่าง มันจะเป็นอย่างไร ถ้าคนที่ห่วยแตกดันมาเจอกัน
.
หนังพูดถึงผู้หญิงที่ไม่เป็นมิตรกับคนที่ไจ้จุดหมายปลายทางที่ดันมาสนิทเพราะเป็นญาติกัน ต่างฝ่ายต่างคิดไอ้คนนี่แม่งคนเก่งคนเท่ห์แน่ๆ แต่ความจริงพวกเธออ่อนหัดในการใช้ชีวิต โทนหนังมาในแบบอารมณ์ขัน จากนั้นก็ค่อยๆเสียดสีพฤติกรรมตัวละคร, เสียดสีสังคม, เสียดสีค่านิยม, จิกกัดกระแส ที่สำคัญคือบทหนังสอดแทรกสาระได้น่าคิด โดยเฉพาะโลกใบนี้มันเต็มไปด้วยความเหงา ความอ้างว้างที่ไม่มีทางไม่มีวันที่คนอื่นจะมาเข้าใจเราได้นอกจากตัวเอง และการที่ผู้หญิงอยากมีแฟนมีใครสักคนมันคงเป็นเรื่องที่เยียวยาเวลารู้สึกท้อแท้สิ้นหวัง 

8.La La Land (2016)

มีอา บาริสต้าสาวที่มีความฝันอยากจะเป็น ‘นักแสดง’ แต่ไปออดิชั่นมากี่งานก็ต้องผิดหวังอยู่ร่ำไป จนเธอได้มาเจอกับ เซบาสเตียน นักเปียโนหนุ่มที่ฝันอยากจะเปิดไนท์คลับที่บรรเลงเพลงแจ๊ซ เมื่อตอนที่ทั้งคู่เจอกัน สถานะของพวกเขาแทบไม่ต่างกัน ต่างฝ่ายต่างกำลังวิ่งตามฝัน และ ‘ความรัก’ ก็เป็นแรงบันดาลใจให้พวกเขากล้าที่จะลงมือทำอะไรสักอย่าง อย่าง มีอา ก็ลาออกจากการเป็นบาริสต้า และลงมือเขียนบทละคร พร้อมกับแสดงนำด้วยตัวเอง ส่วน เซบาสเตียน หลังจากที่อยู่ในสถานะทางการงานที่ไม่มั่นคงมาตลอด ก็ตัดสินใจเข้าร่วมกับวงดนตรีที่กำลังป๊อบมากในปัจจุบัน โดยเขาต้องทิ้งความเป็นตัวเองไป
.
เรื่องนี้ติดโผมาเพราะพระเอก Sebastian เนี่ยแหละ ชายหนุ่มที่โลเลเลือกไม่ได้สักอย่าง ว่าเขาจะเดินหน้าเพื่อฝันในการเป็นนักดนตรีแจ๊สจริงๆหรือเปล่า เพราะการที่เขาได้พบนางเอกระหว่างทาง มันทำให้เขาหลงทาง หนังค่อยๆพูดถึงประเด็นหนุ่มสาวที่ใช้ชีวิตอยู่ในเมืองใหญ่ คนหนึ่งรู้ว่าตัวเองหลงใหลอะไร แต่ไม่รู้จะทำยังไงต่อ ส่วนอีกคนมีฝันแล้วลงมือทำต่อ และสุดท้ายพวกเขาก็ลงเอยด้วยการแยกทางกัน และพระเอกก็ได้เล่นตนตรี แต่ไม่ได้บรรลุฝันที่เขาตั้งใจเอาไว้