The Northman (2022)
เดอะ นอร์ธแมน
คะแนน
โกดังหนัง
มีคนบอกว่าหนังดูยากๆ แต่จริงๆแล้วดันเป็นย้อนยุคที่เล่าเรื่องได้ดีมากๆ มันกลายเป็นหนังล้างแค้นที่องค์ประกอบครบเรื่อง ดุเดือด ประดุจงานศิลปะที่เนี๊ยบ ผสมผสานกับตำนานไวกิ้ง ความทริลเลอร์ไซไฟ ชวนลุ้นระทึกที่สะกดคนดูได้อยู่หมัด แน่นอนว่าติดโผหนังในดวงในปี 2022 แน่ๆ
คำคมจากภาพยนตร์
When You Must Choose Between Kindness For Your Kin Or Hate For Your Enemies?
ท่านต้องเลือกจะปราณีต่อญาติ หรือหมายพิฆาตศัตรู
เรื่องย่อ
เจ้าชายแอมเล็ธ ที่โชคชะตาชีวิตแปรผันอย่างกะทันหัน หลังจากที่ เฟียล์เนอร์ ผู้มีศักดิ์เป็นท่านอาแท้ ๆ ของเขาได้ทำการสังหารและลอบปลงพระชมน์พระบิดาต่อหน้าต่อหน้าเขา พร้อมกับแย่งบัลลังก์ขึ้นเรืองอำนาจแทน ทำให้เขาต้องจรลีหนีไปจากแผ่นดินและตั้งปฎิณาณตนว่าจะกลับมาแก้แค้นให้พ่อและช่วยแม่ให้จงได้
หนังเรื่องนี้เหมาะกับใคร
สำหรับ The Northman เป็นหนังดราม่าล้างแค้นที่ต้องดูแล้วทำความเข้าใจ เพราะไม่ใช่งานที่เล่าเรื่องแบบง่ายๆ แต่หนังปูเรื่องราวความแค้นความหลังตัวละครที่ให้ความรู้สึกไม่ต่างจากบทกวี มีความไซไฟ ผสมผสานกับอารมณ์หนังย้อนยุคที่มีความละเอียดอ่อนมากๆ ถ้าดูหนังเรื่องนี้แล้วเข้าใจคือจะชอบไปเลย แต่ถ้าดูแล้วไม่ชอบคืองงและปล่อยผ่าน พล็อตเรื่องนำเสนอได้แบบละเมียดละไม แถมลูกเล่นที่หนังใส่ลงไปก็ชั้นเชิงเหลือร้าย คอหนังทั่วไปจึงไม่ค่อยเหมาะกับการดูหนังเรื่องนี้ เพราะต้องใช้ความเข้าใจความอดทนที่ค่อนข้างสูงมากๆ
- สายหนังย้อนยุค
- สายหนังนอกกระแส
- สายหนังล้างแค้น
รีวิว / สรุปเนื้อหา
ความน่าสนใจของหนังเรื่องนี้ นอกจากประเด็นการแก้แค้นล้างแค้นของตัวละครหลัก แล้วหนังก็ยังพูดถึงความเลวร้ายการฆ่าแกงกันของผู้คนที่อยากเป็นใหญ่ช่วงชิงอำนาจกันของผู้คนยุคก่อน แต่ถึงกระนั้นหนังก็เปิดพื้นที่ให้เห็นเรื่องราวที่น่าตื่นเต้น มาด้วยฟีลแบบหลอนๆ มีความแปลกใหม่ บางฉากเล่นขวัญผวา ที่สำคัญคือหนังก็ยังมีความแฟนตาซีเข้ามาผูกเรื่องราวทำให้หนังมีลูกเล่นที่มากมาย ตัวละครหลักอย่างเจ้าชายแอมเล็ต สูญเสียพ่อจากการถูกฆ่าตาย และเขาต้องหนีเอาตัวรอดจนกลายเป็นคนเถื่อนไร้หัวใจไร้ความรู้สึก เติบโตมาในแวดล้อมที่จับคนโน่นคนนี่เป็นเชลยผู้คนโดนเข็ญฆ่ากันแบบไม่แคร์อะไรทั้งนั้น
สิ่งที่ชอบหนังคือเจ้าขายแอมเล็ตโหดเหี้ยมก็จริงอยู่ แต่เขาก็มีความฉลาดและพยายามเข้าใกล้อาตัวเองเพื่อจะได้แก้แค้น การปลอมตัวเพื่อคิดบัญชีแค้นกับอาตัวที่ฆ่าพ่อ ได้รับรู้ชีวิตแบบผู้คนธรรมดาที่เลวร้ายโสมมตอแหลมากกว่าตอนเป็นเด็กไร้เดียงสาที่ไม่รู้อะไรเลย และต้องพบกับความเศร้าเมื่อพ่อโดนฆ่าตาย และต้องหนีแบบหัวซุกหัวซุนจนกลายเป็นคนเถื่อน เรื่องราวกลับเต็มไปด้วยความเลวร้ายกว่าที่คิด มีประเด็นหักหลังทรยศคำพูดแบบลวงๆให้ได้คิดตาม ไม่ว่ายุคสมัยไหนสิ่งเหล่านี้ก็เกิดขึ้นอยู่ดี แถมหนังยังมีลูกเล่นการเล่าเรื่องและองค์ประกอบศิลป์ที่ไปได้สุดขั้ว ใช้เทคนิคงานภาพเล่นกับแสงและเงา
นอกจากนี้หนังยังนำประเด็นความเชื่อแบบโบราณตำนานความเชื่อแบบชาวไวกิ้งมากเท่าไร ทั้งในแง่ประวัติศาสตร์ สงคราม วัฒนธรรม หรือกระทั่งพิธีกรรมศักดิ์สิทธิมาซัพพอร์ททำให้บรรยากาศหนังโปรดักชั่นพาคนดูไปดื่มด่ำกับห้วงเวลานั้นได้เข้าถึงแก่น การจัดวางเรื่องราวประเด็นหลักเรื่องการล้างแค้นแข็งแรง ประเด็นรองที่พระเอกดิ้นรนหาคำตอบและพบเรื่องราวมากมาย ยอมรับว่าไอเดียดีมากๆ หนังฉลาดเล่าเรื่องและพยายามฉีกแนวทางหนังล้างแค้นให้มีความหลากหลาย ทุกฉากที่ออกมาสร้างสรรค์แบบที่ไม่มีใครเลียนแบบได้แน่ๆ แถมดารานำ Alexander Skarsgård ก็กลับงำความรู้สึกผ่านตัวละครนี้ที่ต้องดิ้นรนปากกัดเพื่อจะได้รอวันแก้แค้นได้แบบสุดยอดไปเลย หรือจะเป็น Anya Taylor-Joy ที่มาแบบทรงพลังฝากฝีไม้ลายมือได้แบบเยือกเย็นมีคุณภาพ
เกร็ดจากหนังเรื่องนี้
- Anya Taylor-Joy แจ้งเกิดในวงการภาพยนตร์เพราะผลงานการกำกับของ. Robert Eggers เรื่อง The VVitch เมื่อปี 2015
- หนังเลือกการถ่ายทำในสถานที่จริงไม่ใช่ Green Screen