เรื่องย่อ

หลังจากเหตุการณ์ครั้งแรก 9 ปี ริค และ เอฟเวอลีน ก็ได้แต่งงาน และมีลูกชายวัย 9 ขวบอย่าง อเล็กซ์ ที่เชื้อไม่ทิ้งแถวจากพ่อและแม่กันสักเท่าไร แต่ความสงบสุขที่มีอยู่ก็ต้องถูกทำลายลง เมื่อ มีลา อดีตมเหสีฟาโรห์ที่กลับชาติมาเกิดนั้น กลับมีแผนที่จะปลุกชีพ อิมโฮเทพ กลับมาอีกครั้ง ไปพร้อมๆ กับการปลุก ราชันย์แมงป่อง ขึ้นมา เพื่อใช้เป็นเครื่องมือปูทางให้กับ อิมโฮเทพ ได้ครองโลกอีกครั้ง ทำให้ ริค และครอบครัว พร้อมกับสมาชิกหน้าเดิมๆ จึงต้องกลับมารับมือกับแผนชั่วร้ายอีกครั้ง

หนังเรื่องนี้เหมาะกับใคร

สำหรับ The Mummy Returns นั้น ก็ยังคงเหมาะกับคนที่หลงรักในความสนุกบันเทิง ของ The Mummy ภาคแรกอยู่แล้ว ซึ่งหากใครที่ได้ดูภาคแรกมา ก็น่าจะอยากดูภาคต่อในธีมเดิมอยู่ไม่น้อย ด้วยผู้กำกับเดิม ทีมดาราเดิม และการแอคชั่นผจญภัยในแบบเดิมๆ ก็ไม่แปลกนักที่จะถูกใจกับภาคนี้ได้อีกครั้ง ซึ่งหากใครที่ชอบหนังในธีมแบบนี้อย่าง Van Helsing, Underworld หรืออะไรแบบนี้ ก็อยากให้ลองกลับไปดู The Mummy ภาคแรกมาให้เรียบร้อยก่อน และจะได้สนุกกับภาคนี้ได้อย่างเต็มที่กันไปเลย

• สายหนังแอคชั่นผจญภัย
• สายหนังภาคต่อคุณค่า
• สายหนังจักรวาลมอนสเตอร์

รีวิว / สรุปเนื้อหา

เรียกได้ว่าเป็นการสานต่อความสำเร็จได้อย่างเต็มปาก หลังจากที่ภาคแรกกวาดรายได้ทั่วโลกไปถึง 400 กว่าล้านเหรียญ ทำให้ค่ายไม่รอช้าเข็นภาคต่อมาในอีก 2 ปีต่อมา แต่ในส่วนเรื่องราวกลับมีการขยับไปแล้วถึง 9 ปี และมีตัวละครอย่าง อเล็กซ์ ลูกชายของตัวเอก ที่ออกมาสร้างสีสัน และสร้างความสดใหม่ให้กับเรื่องราวอยู่พอตัว กับความน่ารักและความป่วนของเขา ซึ่งผู้กำกับ Stephen Sommers ก็ยังคงดูสนุกไปการสร้างจักรวาลนี้ ด้วยความที่มันเปลี่ยนแปลงอะไรไม่มาก จนได้ผลงานที่ทำออกมาได้สนุกไม่ต่างจากเดิม อีกทั้งยังกวาดรายได้ทั่วโลกได้มากในระดับเดิมด้วย

ด้วยพล็อตเรื่องที่แทบจะเหมือนเดิมทุกประการ กับการเปิดเรื่องด้วยประวัติศาสตร์ในอดีต และผจญภัยของกลุ่มตัวเอกที่ต้องทำภารกิจล้างคำสาปของตัวร้ายหน้าเดิมๆ  ตัวหนังเลยต้องเพิ่มอะไรบางอย่างเข้ามา เพื่อสร้างสรรค์ฉากแอคชั่น หรือเรื่องราวให้ออกมาดูสนุกขึ้น เช่น การขนมัมมี่ให้เข้ามาบุกกรุงลอนดอน เพิ่มบทบาทให้กับ Anck-Su-Namun, เพิ่มตัวละครลูกชาย และ Scorpion King เข้ามาก็เพิ่มสีสันได้ดี แต่ในส่วนที่ดีอยู่แล้วหนังก็ยังคงเก็บเอาไว้ อย่างเช่น คาแรคเตอร์ในแบบการ์ตูนที่มากความสามารถของตัวละคร หรือฉากจดจำในภาคแรกอย่างพายุทะเลทราย ก็ยังถูกเอามาดัดแปลงได้อย่างน่าสนใจในภาคนี้

ด้วยองค์ประกอบที่ว่ามานั้น ก็ไม่แปลกใจนักหากผลตอบรับจากตัวหนังจะออกมาดีเช่นเดิม เมื่อทุกๆ อย่างแทบจะออกมาเหมือนเดิมในทุกประการ อีกทั้งผู้กำกับ Stephen Sommers ที่คุมจังหวะการเล่าเรื่องให้ฉับไว เดินเรื่องเร็ว และเต็มไปด้วยฉากแอคชั่นได้อยู่หมัด และมีการเอา Special Effect มาใช้ ได้ชวนตื่นตาตื่นใจมากขึ้น อีกทั้งยังมีความต่อเนื่องที่ได้มากจากภาคแรกได้เป็นอย่างดีด้วยตัวละครที่คนดูเคยหลงรักและคุ้นเคยไปกับพวกเขา ซึ่งถ้าหากใครชอบ The Mummy ภาคแรกอยู่แล้ว ก็น่าจะชอบภาคนี้ไปด้วยได้ไม่ยากเลย