The Handmaiden (2016)

เล่ห์รักนักล้วง

The Handmaiden Poster
10/10

คะแนน
โกดังหนัง

อีกผลงานชั่้นเยี่ยมของผู้กำกับ ปาร์ค ซานวุค ที่มีส่วนผสมของความอีโรติก ดราม่า และเนื้อหาที่มันชั้นเชิงจนยากจะคาดเดา

หมวดหมู่ : Drama Romantic Thriller
สัญชาติ : Korean
กำกับโดย : Chan-wook Park
ความยาว : 2 ชั่วโมง 25 นาที
นักแสดงนำ : Kim Min-hee, Jung-woo Ha, Cho Jin-woong

คำคมจากภาพยนตร์

"Where I come from, it's illegal to be naive.“
“ในที่ที่ฉันจากมานั้น ความไร้เดียงสาเป็นเรื่องที่ผิดกฏหมาย”

เรื่องย่อ

ซุคฮี เด็กสาวที่เติบโตมาในครอบครัวมิจฉาชีพ ที่มีชายที่ชื่อว่า ฟูจิวาระ ที่เป็นเสมือนหัวหน้าของที่แห่งนี้ เขาได้เลือกส่ง ซุคฮี ให้ไปเป็นสาวใช้ของ ฮิเดโกะ สาวญี่ปุ่นผู้มีฐานะและมีสมบัติมหาศาล เพื่อให้เธอนั้นคอยเป็นนกต่อทั้งคาบข่าว และคอยเชียร์ให้ฮิเดโกะกลับมารักเขา เพื่อหวังฮุบสมบัติที่เธอมี แต่เรื่องราวก็ไม่ง่ายเช่นนั้น เมื่อ โคซุกิ นายใหญ่ของบ้านหลังนั้นกลับหวังที่จะให้ ฮิเดโกะ ที่มีศักดิ์เป็นหลานสาวมาแต่งงานกับตัวเองอยู่เหมือนกัน เรื่องราวให้การหลอกลวง หักหลังกันด้วยเล่ห์กลจึงเริ่มขึ้น

หนังเรื่องนี้เหมาะกับใคร

สำหรับ The Handmaiden ที่หากตัดสินจากปกภายนอกก็คงดูเหมือนหนังสายอาร์ทที่เหมือนจะดูยากๆ แต่ในความเป็นจริงแล้ว หนังดูง่ายมากๆ (ถ้าหากตั่งใจดูมันดีๆ ได้ตั้งแต่ต้น) แต่ด้วยความที่มันมีฉากอีโรติกหวาบหวามเยอะ เพราะเลี่ยงไม่ได้จากการที่พูดถึงเรื่องตัณหา ราคะ และการหลอกลวง อันเป็นหัวใจสำคัญของเรื่อง ทำให้มันอาจจะไม่เหมาะกับเด็กและคนที่ต้องการเรื่องราวแบบเบาๆ ใสๆ สักเท่าไร เพราะมันก็มีความดาร์คอยู่พอสมควร ทำให้ใครที่ชอบเนื้อเรื่องสายดาร์คๆ หน่อย หรือชอบผลงานที่ผ่านมาของปาร์ค ซานวุคอยู่แล้วอย่าง Oldboy หรือ Stoker ก็ควรเก็บผลงานดีๆ เรื่องนี้ของเขาไปด้วย

  • สายหนังดราม่าอิโรติก
  • สายหนังเล่ห์เหลี่ยมชิงไหวชิงพริบ
  • สายหนังเกาหลีระดับอินเตอร์

รีวิว / สรุปเนื้อหา

หนังที่ผู้กำกับ Chan-wook Park หรือที่คนไืทยเรียกกันว่า ปาร์ค ซานวุค ผู้สร้างสรรค์ไตรภาคตำนานแห่งการล้างแค้น ที่คราวนี้ได้หยิบเอานิยายอังกฤษในปี 2002 ที่มีชื่อว่า “Fingersmith” มาทำงานดัดแปลงใหม่ให้เป็นสไตล์เกาหลี ตั้งแต่การเปลี่ยนฉากหลังในยุควิคตอเรียน มาสู่เกาหลีในปี 1930 ที่มาในคอนเซปเดิมตามสไตล์ของผู้กำกับ ที่หนังจะไม่ซับซ้อนชวนงงมากนักหากเราตั้งใจดูมันมากพอ เพราะหนังใช้เวลาปูเรื่องแค่เพียงไม่นานเท่านั้น สำหรับการแนะนำตัวละคร และพูดถึงแผนการที่จะเกิดขึ้นไปต่อจากนี้ ซึ่งหากพลาดช่วงนี้ไปก็น่าจะประติดประต่อกับเรื่องราวส่วนที่เหลือที่ยากอยู่ไม่น้อย

ในด้านฉากอีโรติกของหนังก็ดูทำออกมาได้สวยงามมาก ด้วยทีมดาราที่เหมือนจะลงทุนเปลืองตัวกันแบบจัดเต็ม แถมยังมีเรือนร่างที่สวยงาม พอผสานกับการจัดท่าทางและงานภาพการจัดแสงต่างๆ ก็ดูช่วยยกระดับให้ฉากเลิฟซีนธรรมดาดูมีศิลปะและมีคลาสขึ้นมาในทันที ซึ่งพอนำมาเสริมในเรื่องราวของหนังที่พูดถึงเรื่องกิเลส ตัณหา ได้เป็นอย่างดี ซึ่งทั้งหมดทั้งมวลนี้ก้ต้องยกเครดิตให้กับนักแสดงอย่าง คิม มินฮี และคิม เตรี ที่ถ่ายทอดออกมาได้อย่างเต็มอารมณ์เลยจริงๆ จนสามารถแบกหนังได้อยู่หมัด ทั้งฉากอิโรติก หรือการที่ต้องแสดงเล่ห์เหลี่ยมต่างๆ ในหลายๆ บุคลิกที่ต้องแสดงออกมาของทั้งสองคน

ในด้านตัวบทก็เรียกได้ว่าละเอียดละออมาก ด้วยเวลากว่า 2 ชั่วโมงนั้น กลับดูไม่มีฉากไหนที่น่าเบื่อ ด้วยลูกเล่นการวางโครงเรื่อง และการตัดต่อที่แบ่งออกมาเป็น 3 องก์เช่นนี้ ก็ทำให้ในแต่ละพาร์ทล้วนมีจุดเด่นที่ต่างกัน ตามมุมมองของตัวละครหลัก รวมถึงเรื่องราวที่ดูพลิกผันไปมา ก็ชวนอยากรู้ และยากที่จะเดาได้ว่าหนังนั้นจะมีปลายทางเป็นอย่างไรกันแน่ ในด้านงานโปรดักชั่นย้อนยุค ฉากหลังและการแต่งกายต่างนั้นก็เรียกได้ว่าหายห่วง เพราะหนังใส่ใจในรายละเอียดเหล่านี้อยู่มาก จนส่วนตัวคิดว่าเป็นหนังที่แทบจะมีทุกอย่างครบรสในแบบที่ตามหาเลยทีเดียว แต่ทั้งนี้ตัวหนังอาจจะไม่ค่อยเหมาะสำหรับเด็กเท่าไร ด้วยเนื้อหา 18+ และความซับซ้อนของมัน

เกร็ดจากหนังเรื่องนี้

  • ความน่าสนใจของการตั้งชื่อหนังเรื่องนี้คือ ที่เกาหลีใช้คำว่า Ah-ga-ssi ที่มีความว่า “The Lady” หรือคุณผู้หญิง ที่หมายถึงตัว ฮิเดโกะ แต่ในขณะที่ชื่อสากลของหนังอย่าง The Handmaiden ที่แปลว่า คนรับใช้ น้น สื่อไปถึงซุคฮีมากกว่า
  • หลังจากหนังได้ฉายในเมืองคานส์นั้น นักแสดงหญิงอย่าง คิม มินฮี ได้รับการชื่นชมอย่างมากจากนักข่าวชาวญุี่ปุ่น ถึงการใช้ภาษาญี่ปุ่นในเรื่องของเธอ ที่จริงๆ แล้วต้องผ่านการเรียนมาเพื่อให้เข้าใจภาษาในบท