The Equalizer 2 (2018)
มัจจุราชไร้เงา 2
คะแนน
โกดังหนัง
ความสนุกอาจลดทอนลงจจากภาคแรก แต่คิวบู๊ความเดือดความมันส์การดีไซต์ฉากแอ็คชั่นยังคงมีจุดเด่นเหมือนเดิม
คำคมจากภาพยนตร์
"There are two kinds of pain in this world. The pain that hurts, the pain that alters."
"ความเจ็บปวดในโลกนี้มีอยู่สองประเภท ความเจ็บปวดที่เจ็บปวด ความเจ็บปวดที่เปลี่ยนแปลง"
เรื่องย่อ
หลังจากสังหารแก๊งค์มาเฟียรัสเซียแก้แค้นให้เด็กสาวที่กดทำร้าย โรเบิร์ต แม็คคอล ย้ายเมืองและแฝงตัวใช้ชีวิตแบบคนธรรมดา และทำหน้าที่ขับแท็กซี่ และมีเด็กหนุ่มไร้ความฝันเป็นเพื่อน จนกระทั่งวันหนึ่งซูซานเพื่อนสนิท โดนฆ่าตายแบบปริศนา ทำให้นักฆ่าโฮมโปร ตามสืบหาความจริงเพื่อแก้แค้นแทนเพื่อนสนิทของเขา
หนังเรื่องนี้เหมาะกับใคร
รีวิว / สรุปเนื้อหา
แม้ว่าภาพลักษณ์ของหนังภาค 2 จะดูอ่อนลงจากภาคแรก ส่งผลต่อรายได้และคำวิจารณ์ที่น้อย จนหลายฝ่ายมองว่า ผู้กำกับ และ Denzel อาจจะหยุดเรื่องราวนักฆ่าไว้ในภาคนี้ แต่ปฏิเสธไม่ได้ว่า การหยิบพล็อตเรื่องความสัมพันธ์ของเพื่อนสนิทนักฆ่าโฮมโปรมาใช้เป็นผู้เคราะห์ร้าย และบีบให้ โรเบิร์ต แม็คคอล เดินหน้าแก้แค้น ดูจะมีน้ำหนักมากพอที่จะทำให้ชายวัยเกษียณใช้ทักษะสังหารคนอีกครั้ง หนังยังคงออกไอเดียใช้ 9 วินาทีในการเล่นงานคนร้ายในเวลาอันรวดเร็ว ฉากแอ็คชั่นคิวบู๊ของหนังทำออกมาได้เหมาะกับ Denzel Washington แน่นอนว่าเมื่อพล็อตเรื่องเป็นความแค้นส่วนตัวไม่ได้แก้แค้นเพื่อคนอื่น ทำให้คาดเดาเนื้อหาได้ไม่ยาก ตัวละครมีไม่กี่คนเท่านั้น ที่แกล้งทำตัวเป็นคนดีคนบริสุทธิ์หลอกล่อคนอื่น และมักจะมีการโยนตัวละครที่ใกล้ชิดพระเอกเข้ามาเพื่อให้รับเคราะห์เป็นตัวซวยในเหตุการณ์ฆ่ากันตามสูตรหนังแอ็คชั่นล้างแค้นในยุคใหม่ แม้ว่าความเดือดการฆ่ากันจะน้อยลงไปจากเดิมแต่ หนังทำมาเพื่อให้ Denzel เป็นนักฆ่าล้างแค้นโดยเฉพาะมากไม่มีคิวบู๊เยอะ ซึ่งอารมณ์หนังจึงแตกต่างจากนักฆ่าเรื่องอื่น หนังมีความเป็นดราม่าสูงมาก จะไม่ทำให้โรเบิร์ต เป็นนักฆ่าที่โหดเหี้ยม
ค่อนข้างชอบโลเคชั่น หรือจังหวะนรกของหนังที่เข้ามาทดสอบ โรเบิร์ต ตลอดเวลา มีความหนัก มีความเบาบาง ผสมผสานลงไป หนังเลยได้เห็นการล้างแค้นซีนแอ็คชั่นช่วงท้ายๆ ที่ค่อนข้างเดือด เหมือนเอาทุกอย่างมารวมไว้จัดการทบต้นทบดอกนักฆ่าที่สังหารเพื่อนสนิทของโรเบิร์ต ค่อนข้างชอบไอเดียที่หาลูกเล่น หาวัฒถุดิบรอบข้างมาช่วยปรุงแต่งให้ กลายเป็นว่า ไม่ได้มีแค่ปืน หรือมีดแต่ยังทำให้เห็นว่า นักฆ่าจอมเก๋าเหลี่ยมจัด ฉลาดหาวิธีฆ่าคนได้หลากหลายรูปแบบ พอหนังเลือกโทนเรื่องให้ดูหม่นหม่องก็พอมองออกว่านี่เป็นหนังที่โทนเรื่องคนละทางจากภาคแรก ซีนฝนตกหมู่บ้านใกล้กับทะเลคือที่สุดการออกแบบงานภาพ เทคนิคการเล่าเรื่องที่ถาโถมไปด้วยความกดดันกลายเป็นซีนที่น่าจดจำ
ตัวละครใหม่อย่าง Ashton Sanders เด็กใหม่ผิวสีเพื่อนบ้านใหม่ของ โรเบิร์ต อาจออกไม่เยอะแต่การแสดงที่พูดถึงเด็กหนุ่มผิวสีที่อาจจะหลงทางในการใช้ชีวิตในสังคมอเมริกัน และเจอเพื่อนใหม่ที่เขาไม่รู้เบื้องหลังเลยว่าเป็นใคร และถูกสั่งสอนโดย โรเบิร์ต ที่ชักจูงให้เขาพบทางสว่าง หรือจะเป็น Pedro Pascal ที่ดูจะเหมาะกับบทร้ายๆเวลาเล่นหนังฟอร์มยักษ์มากกว่าเป็นพระเอกในซีรีส์ ส่วน Denzel Washington เขาลุคที่ดูเท่ห์คิวบู๊ที่เขาแสดงยังคงเป็นจุดขายของหนังเหมือนเช่นเดิม
เกร็ดจากหนังเรื่องนี้
- Denzel Washington ไม่มีแผนกลับมาแสดงหนังในทีแรกด้วยซ้ำ
- Pedro Pascal ดีใจมากที่ได้แสดงร่วมกับ Denzel Washington นักแสดงในดวงใจ