The Courier (2021)
คนอัจฉริยะผ่าสมรภูมิรบ
คะแนน
โกดังหนัง
ประทับใจกับหนังเรื่องนี้มากๆเนื้อหาสนุกโดยไม่จำเป็นต้องมีฉากแอ็คชั่นมาเป็นส่วนประกอบ และพี่ Benedict แสดงได้ดีและตีบทแตกกระจาย
คำคมจากภาพยนตร์
"They must use my information wisely, not as a weapon but as a tool to bring peace" "พวกเขาต้องใช้ข้อมูลของผมไปใช้อย่างชาญฉลาด ไม่ใช่เพื่อใช้เป็นอาวุธ แต่เป็นเครื่องมือในการสร้างสันติภาพ"
เรื่องย่อ
เรื่องราวของ เกรวิลล์ วินน์ นักธุรกิจชาวอังกฤษที่ต้องกลายมาเป็นสายลับจำเป็นตามคำสั่งของหน่วย MI-6 และเจ้าหน้าที่ CIA โดยเขาต้องร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ของโซเวียต ในการพยายามสืบหาข่าวกรองที่จะช่วยป้องกันสงครามนิวเคลียร์ที่อาจเกิดขึ้น เกมการชิงไหวชิงพริบที่ยากจะไว้ใจใครสุดอันตรายได้เริ่มขึ้นแล้ว
หนังเรื่องนี้เหมาะกับใคร
สำหรับ The Courier จัดอยู่ในหมวดหนังชีวประวัติที่หยิบเรื่องราวสำคัญของนักธุรกิจค้าอาวุธที่มาสวมบทบาทสายลับจำเป็นเพื่อมาช่วยหยุดยั้งไฟสงครามเย็นที่ร้อนแรงระหว่างอเมริกากับโซเวียต หนังให้อารมณ์แนวสืบสวนสอบสวน ไม่มีฉากแอ็คชั่นมาบิ้วผู้ชม ดำเนินเรื่องได้น่าติดตาม กลุ่มคนที่ชอบหนังย้อนยุคน่าจะชอบได้ไม่ยาก
- สายหนังดราม่า
- สายหนังที่รักประวัติศาสตร์
- สายหนังชีวประวัติ
รีวิว / สรุปเนื้อหา
หนังเรื่องนี้สร้างจากเรื่องจริงของ เซลส์แมนชาวอังกฤษได้รับการติดต่อจาก MI6 และ CIA ในการแทรกซึมเข้าสู่สาธารณรัฐโซเวียตเพื่อนำส่งข่าวการลักลอบขนอาวุธนิวเคลียร์เพื่อเตรียมถล่มสหรัฐอเมริกาในสงครามเย็น เดิมทีเขาไม่อยากทำ เพราะเป็นสกิลที่ไม่ถนัด แต่สถานการณ์รอบข้างที่ย่ำแย่ทำให้เขาเกิดความเห็นใจ และจำใจต้องสวมบทสายลับแบบจำเป็น บทหนังไม่ได้ทำให้เรารู้สึกตึงเครียดกับแวดล้อมที่เกิดขึ้นกับฉากหลังที่เป็นสงครามเย็น เนื้อหานำเสนอแบบมีชั้นเชิงพาเราต้องเอาใจช่วยตัวเองว่าจะรอดตัวไหมจากสถานการณ์ที่ถูกคนโซเวียตจับตามองทุกฝีก้าว หนังให้อารมณ์เหมือนหนังทริลเลอร์ยุคเก่า
นอกจากบทหนังทำให้เข้มข้นแล้ว สิ่งหนึ่งที่ต้องชื่นชมคือการเลือกนักแสดงมาเล่น สร้างความเชื่อให้ผู้ชมเชื่อกับสิ่งที่เกิดขึ้นได้จริง และสื่อสารในคาแรกเตอร์ตัวเองได้เป็นธรรมชาติ เช่น Benedict Cumberbatch ที่กลับมาแสดงเป็นบุคคลในประวัติศาสตร์อีกครั้ง บทบาทดูเครียดกดดัน ในฐานคนนำข้อมูลออกมาจากประเทศที่น่าเกรงขาม จากเซลส์แมนธรรมดา กลายเป็นสายลับ หรือแม้แต่การเจอเหตุการณ์ที่ยากลำบากไม่แปลกใจที่แฟนหนังของป๋า Benedict จะมีเยอะขึ้นเรื่อยๆ เพราะเขามีคุณภาพมาก
นอกจากบทและนักแสดงนำแล้ว สิ่งหนึ่งที่ต้องชื่นชมคือโปรดักชั่นหนังที่ทำให้เราเชื่อว่าภาพที่ออกมา อยู่ในยุคสงครามเย็นจริงๆ ช่วงปี 60 บรรยากาศในลอนดอน, โซเวียต ในมอสโคว์ ทีมงานทำได้ดี รวมไปถึง องค์ประกอบในแต่ละฉาก เช่น เครื่องบิน ห้องสืบสวน คุก โรงละคร ทำให้หนังดูออกมาสมจริงเหมือนเรื่องกำลังดำเนินอยู่ในยุคนั้นจริง ๆ ไปจนถึงวิธีการขโมยข้อมูล การส่งต่อข้อมูล การฝึกฝนการระวังตัวจาก KGB ดูแล้วน่าสนใจว่าชีวิตคนสมัยนั้นไม่ง่ายเลย เป็นหนังแนวย้อนยุคที่มีประเด็นทางการเมืองผสมผสานกับสไตล์สืบสวนสอบสวนอีก เมื่อหลังบ้านดีมันช่วยให้องค์ประกอบอื่นดีตามไปด้วยไม่แปลกใจที่หนังได้รับคำชื่นชมจากนักวิจารณ์มากมายทั่วโลก แม้ว่าหนังจะฉายในช่วงโควิด
เกร็ดจากหนังเรื่องนี้
- ทีมถ่ายทำต้องพักกองเป็นเวลา 3 เดือน เพื่อให้ Benedict Cumberbatch ได้ลดน้ำหนัก
- ทุกฉากถูกเซ็ตอัพขึ้นมาโดยทั้งหมดถ่ายทำที่ประเทศอังกฤษ
- แม้จะเป็นหนังของคนอังกฤษแท้ๆแต่หนังเรื่องนี้จะได้ฉายในช่วงกลางเดือนสิงหาคม 2021 หมายความว่าดูช้ากว่าชาติอื่น
- เดิมทีหนังใช้ชื่อว่า Iron Bark แต่มาเปลี่ยนชื่อในภายหลัง