Space Jam: A New Legacy (2021)

สเปซแจม สืบทอดตำนานใหม่

Space Jam: A New Legacy Poster
8/10

คะแนน
โกดังหนัง

หนัง Feel Good ที่ดูได้ทุกเพศทุกวัย สนุกสุดเหวี่ยงไปกับลูนี่ทูนส์ งานภาพ CGI ดูแล้วเพลิดเพลินมาก

หมวดหมู่ : Comedy Fantasy
สัญชาติ : American
กำกับโดย : Malcolm D. Lee
ความยาว : 1 ชั่วโมง 55 นาที
นักแสดงนำ : LeBron James, Don Cheadle, Sonequa Martin-Green

คำคมจากภาพยนตร์

"Adversity Is Part Of The Process, Man. But If You're Passionate, You Gotta Learn How To Push Through It."
“ความโชคร้ายเป็นส่วนนึงของคนเราแต่ถ้าเรามีความทะเยอทะยาน คุณจะเรียนรู้และผ่านมันไปได้”

เรื่องย่อ

เลอบรอน และ ดอม ลูกชายของเขาติดอยู่ในมิติแห่งโลกดิจิตอลโดยฝีมือของหุ่นยนต์เอ.ไอตัวร้าย เลอบรอน มีทางเลือกเดียวที่จะสามารถพาผู้เป็นที่รักกลับบ้านได้อย่างปลอดภัย นั่นก็คือรวมตัว บั๊ก และ โลล่า บันนี่ กับชาวแก๊งลูนีย์ ทูนส์ที่เลื่องชื่อในความวายป่วง เพื่อเอาชนะหุ่นยนต์แชมป์เปี้ยนระดับโปรเพลย์เยอร์ ผู้เป็นเจ้าของทักษะกีฬาที่ไม่เคยมีใครเห็นมาก่อนในสนามแข่งขันบาสเก็ตบอลให้ได้ แม้ว่าการแข่งขันครั้งนี้จะเป็นการเดิมพันที่ท้าทายที่สุดในชีวิต แต่นี่ก็อาจเป็นโอกาสให้ เลอบรอน ได้สานสัมพันธ์ครั้งใหม่กับลูกชายของเขาให้แน่นแฟ้นมากยิ่งขึ้น

หนังเรื่องนี้เหมาะกับใคร

สำหรับ Space Jam: A New Legacy จัดเป็นหนังที่อยู่ในสไตล์ Feel Good ที่จะมอบความบันเทิงให้ผู้ชมทุกเพศทุกวัย หนังอัดแน่นด้วยเหล่าตัวการ์ตูนจาก Looney Tunes ที่มาสร้างความหรรษาร่วมกับ LeBron James นักบาสเก็ตบอลชื่อดัง มุกตลกทั้งยุคเก่ายุคใหม่ที่เติมเต็มลงมาให้หนังให้ผู้ชมได้หัวเราะขำกันกร๊าก วายร้ายตัวแสบที่โกงมันทุกรูปแบบ แต่ผู้ชมจะเกลียดไม่ลง และต้องมาเอาใจช่วย Looney Tunes เพื่อพิชิตชัยชนะในเกมแข่งขันบาสเก็ตบอล

  • สายหนัง Feel Good
  • สายหนังตลกบันเทิงเล่นใหญ่
  • สายหนังตลกแฟนตาซี

รีวิว / สรุปเนื้อหา

หลายๆคนอาจจะมองว่าบทหนังไม่ได้มีความแปลกใหม่ แทบจะใช้พล็อตเรื่องสูตรเดิมจาก Space Jam ภาคแรกมาแค่เปลี่ยนดารานำจาก Micheal Jordan มาเป็น LeBron James สตาร์ดังจากลอส แอนเจลิส เลเกอส์ แต่เมื่อเราดูหนังแบบเต็มๆ 2 ชั่วโมงโดยไม่สนคำวิจารณ์และรายได้ของหนัง เรากลับรู้สึกว่าหนังดำเนินเรื่องได้สนุกไม่ซับซ้อน ใช้จุดขายออกมาได้น่าชม หยิบเหล่า Looney Tunes และพ้องเพื่อน ออกมาตีความเป็นไลฟ์แอ็คชั่นที่มีความทันสมัย ปรับแต่งตัวละครให้เป็น 3 มิติ ดูแล้วเพลินตามาก แถมยังนำพวกหนังในเครือวอร์เนอร์หนังฮิตยกเซ็ตเอามาหยอกล้อแต่งเติมสีสันลงไปได้แบบฉลาดมาก เป็นอีสเตอร์เอ้กที่ทำมาเพื่อสร้างความแปลกใหม่ให้คนดู ไม่ว่าจะเป็น Wonder Woman, Mad Max Fury, Harry Potter, Game of Thrones, The Matrix เมื่อมาอยู่ในหนังเลยบังเกิดเป็นความฮาให้ผู้ชม เมื่อแต่งแต้มลงไป เลยกลายเป็นหนังครอบครัวที่สมบูรณ์แบบเด็กดูได้ผู้ใหญ่ดูดี

จากหนังหนังก็ใช้ความเป็นคนดังของ LeBron James มาผูกปมปัญหาความไม่เข้าใจระหว่างเขากับลูกชายเป็นช่องโหว่ที่อยากให้ลูกก้าวมาเป็นนักบาสชื่อดัง แต่ลูกกลับอยากเป็นนักสร้างเกมคอมพิวเตอร์ซะมากกว่า ทำให้เกิดเป็นเกมการแข่งขันที่พา 2 พ่อลูกมาเผชิญหน้ากันในสนามแข่งบาสเก็ตบอลสุดพิเศษที่มีกติกาสุดแสนพิศดาร ตัวละครที่มาสร้างสีสันการโกงการเอาเปรียบทุกรูปแบบ เราว่าซีนอีสเตอร์เอ้กสนุกแล้ว พอมาสู่การแข่งขันบาสเป็นอะไรที่ฮามาก เพราะ LeBron ต้องแท็กทีมกับบรรดา LooneyToons ที่เป็นมวยรองรับมือกับทีมบาสเซฟเวอร์เกมตัวแสบที่ขนบรรดาผู้เล่นที่ร้ายกาจมาต่อกรในเกม หลายๆช่วงทำเอาฮาปล่อยมุกตลกเรี่ยราด มุกตลกยุคเก่าและยุคใหม่ถูกนำมาผสมปนเปร่วมกัน หนังสอดไส้ความสัมพันธ์ของครอบครัวลงไป ลูกชายของ LeBron หลงระเริงกับคำเย่ินยอจอมปลอมจนลืมไปว่าท้ายที่สุดแล้ว คนที่เป็นมิตรแท้ที่ดีสุดก็คือคนในครอบครัว หาใช่คนที่มาหลอกใช้เราเป็นเครื่องมือ ซีนท้ายๆเรารู้สึกว่าหนังก็ทำออกมาซึ้งได้เห็นความสัมพันธ์ระหว่างพ่อลูกที่ได้ปรับและเคลียร์กันกลายเป็นซีนเล็กๆที่ดูอบอุ่นหัวใจ

มาพูดถึงกลุ่มนักแสดงนำบ้าง หลักๆคงหนีไม่พ้น LeBron James แม้ว่าจะไม่ใช่ดารามืออาชีพ แต่พอมานั่งแท่นคุมโปรเจ็คนี้เล่นเองเป็นตัวเองเขาดูไม่เกรงไม่เคาะเขินอะไร พอถูกปรับบทมาแสดงเจอมุกตลกกลโกงทุกรูปแบบที่เราแทบไม่เห็นเขาในวงการกีฬาเลยรู้สึกว่าตลกดีดูมีความแปลกใหม่ที่ต้องมาเจอ ความเกรียนของเหล่า Looneytoons หรือวายร้ายอัลกอริททึ่มที่หวังจะแก้แค้นเขา ชอบซีนช่วงท้ายๆตอนแข่งบาสมีไคลแม็กซ์ฮาๆที่มาหยอกล้อแซวหนังภาคที่แล้วด้วย หวือหวาไปเลยจ้า ส่วน Don Cheadle นักแสดงประสบการณ์สูงเล่นการแสดงหายห่วง เขาการันตีตัวเองไว้ว่าเรื่องนี้คุณจะได้เห็นผมเล่นบทร้าย ร้ายกาจจริงป่วนได้ทุกซีนกลั่นแกล้งคู่ต่อสู่สารพัดงัดกลเม็ดการโกงเอามาเล่นงานได้ทุกรูปแบบ แม้จะเป็นตัวร้ายแต่โกงหยอกล้อแซวคู่แข่งได้มีสีสัน ฉากที่ซัดกับ LeBron ช่วงท้ายภาพที่ออกมาอลังการมาก

เกร็ดจากหนังเรื่องนี้

  • Warner Bros. วางแผนจะสร้างภาคต่อตั้งแต่ปี 1996 แต่กว่าจะบรรลุโปรเจ็คต้องใช้เวลา 25 ปีต่อมาถึงจะมีภาคต่อ
  • LeBron James คือตัวเลือกเดียวที่ทีมงานอยากให้มารับบทนำและขึ้นแท่นโปรดิวเซอร์