Pretty Woman (1990)
ผู้หญิงบานฉ่ำ
คะแนน
โกดังหนัง
จุดกำเนิดผู้หญิงบานฉ่ำแห่งวงการภาพยนตร์ หนังน้ำเน่าฮอลลีวู้ดสุดน่ารักตลอดกาล พร้อมกับเพลงเพราะๆ ติดหูมาก
คำคมจากภาพยนตร์
“Baby, I’m gonna treat you so nice, you’re never gonna wanna let me go.”
“ที่รัก ฉันจะดูแลคุณเป็นอย่างดี จนคุณไม่มีวันปล่อยฉันไปไหนเลยล่ะ”
เรื่องย่อ
วิเวียน วาร์ด ผู้หญิงขายบริการข้างถนนคนหนึ่งที่ถูกว่าจ้างจากเศรษฐีชื่อว่า เอ็ดเวิร์ด ลูอิส ในราคา $300 เพื่อพาไปเข้างานสังคม แต่ด้วยความที่ได้พูดคุยกันถูกคอ ประกอบกับความเหงาที่ไม่เคยมีเพื่อนแท้มาก่อนในชีวิต หลังจากวันนั้นเขาจึงจ้างเธอเพิ่มอีก 6 วัน ด้วยเงิน $3000 ทำให้ตลอดช่วงเวลาที่เขาอยู่กับเธอก็ได้เปลี่ยนความคิดบางอย่างไปเรื่อยๆ ให้กลายมาเป็นคนที่ดีขึ้น และเลิกที่ใช้เงินซื้อทุกอย่าง ที่สำคัญไปกว่านั้นก็คือเขาได้ตกหลุมรักเธอไปแล้ว
หนังเรื่องนี้เหมาะกับใคร
สำหรับ Pretty Woman นั้นเรียกได้ว่าเป็นหนังรักสูตรสำเร็จอีกเรื่องที่สร้างชื่อเสียงได้มากมายเหลือเกิน ด้วยตัวบทที่ฉีกแนวให้นางเอกมีอาชีพโสเภณีก็เป็นอะไรที่ว้าวมากๆ แล้ว ซึ่งการเปลี่ยนอาชีพของคาแรคเตอร์เท่านี้ กลับทำให้หนังมีลูกเล่น และมุขตลกต่าง ๆ ที่น่ารักมากเลยทีเดียว ซึ่งใครที่ชอบหนังรักยุค 90s ชอบพระนางสุดปังในสมัยนั้นอย่าง ป๋าริชาร์ด เกียร์ กับ ป้าจูเลีย โรเบิร์ต หรือหนังตระกูลอย่างใน Runaway Bride, My Best Friend ‘s Wedding แล้ว จะแปลกใจมากถ้าเรื่องนี้ยังไมไ่ด้ดู
- สายหนังรอมคอมยุค 90s
- สายหนังโรแมนติกคอเมดี้น่ารัก
- สายหนังคู่รักต่างชนชั้น
รีวิว / สรุปเนื้อหา
แน่นอนว่าเมื่อพูดถึงชื่อผู้กำกับอย่าง Gary Marshall แล้วนั้น ก็จะนึกไปถึงหนังรักดังๆ จากยุค 90s มากมาย ทั้ง Pretty Woman, Runaway Bride, The Princess Diaries, Raising Helen มาจนถึงหนังรักรวมหลายๆ คู่ในยุคหลังๆ ที่ส่วนใหญ่จะเป็นแนวแป้กๆ แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าในกลุ่มหนังสาวๆ ในยุค 90s ของเขามันคืออะไรที่ปังมากจริงๆ เพราะมันจะมีคอนเซปของเรื่องบางอย่างที่จะฉีกเรื่องราวออกไปให้แตกต่างจากหนังรอมคอมเรื่องอื่นๆ ในตลาด โดยตัวอย่างแบบ Pretty Woman ก็คือการเลือกบทนางเอกในให้มีอาชีพขายบริการ แต่คนที่มาเล่นกลับเป็นดาราดังระดับ Julia Robert
เพียงเท่านี้ก็ทำเอาหนังเป็นที่จับตามองได้แล้ว และเมื่อออกฉายก็กลายเป็นที่ถูกอกถูกใจใครหลายๆ คน กับความรักที่เหมือนดั่งเทพนิยายในเรื่องราว แม้หลายเสียงจะบ่นถึงความน้ำเน่า แต่ส่วนนึงก็เพราะตัวบทหนังมันถูกปรับโทนลงมาให้ดูซอฟลงมามากแล้ว และเน้นไปในความตลกมากเหลือเกิน ด้วยหน้าที่การงานและฐานะที่ต่างกันสุดขั้ว ก็เลยทำให้หนังมีลูกเล่น และมุขตลกจากสถานการณ์ที่สร้างสรรค์มาได้อย่างสนุก การเห็นพัฒนาการของตัวละครอย่าง เอ็ดเวิร์ด ก็ทำออกมาได้น่าสนใจดี
ซึ่งส่วนที่ทำให้หนังน่ารักขึ้นมาจริงๆ ก็คงหนีไม่พ้นการแสดงของ Julia Robert นี่แหละ ที่ทำให้เธอแจ้งเกิดได้แบบเต็มตัวจนเป็นดาวประดับวงการ Hollywood อย่างแท้จริง อีกทั้งบทนี้ยังส่งให้เธอถึงกับได้เข้าชิงรางวัลออสการ์สาขาดารานำหญิงยอดเยี่ยมของปีนั้น จนเป็นที่จับตามองกันเลยทีเดียว ในส่วนอื่นนอกจากองค์ประกอบที่ว่ามา หนังยังมีเพลงดังๆ มากมายที่เป็น Soundtrack เพราะๆ ติดหู อย่างเช่น It Must Have Been Love ที่กลับมาฮิตได้อีกครั้งเพราะหนังเลย ซึ่งถ้าใครชอบสไตล์รอมคอมยุคนั้นแล้ว รับรองเลยว่าจะต้อง Love อย่างแน่นอน
เกร็ดจากหนังเรื่องนี้
- สร้อยคอที่ตัวละคร วิเวียน นั้น ใส่ในฉากโอเปร่านั้นมีมูลค่าสูงถึง $250,000 ทำให้ในตอนถ่ายทำนั้น ทีม รปภ จากร้านสร้อยเพชร ถึงกับต้องพกปืนและยืนคุมเอาไว้หลังผู้กำกับเลย
- จริงๆ หนังเรื่องนี้มีชื่อตั้งต้นว่า ‘$3000’ ซึ่งเป็นค่าตัวที่วีเวียนได้ในเรื่อง อีกทั้งหนังเรื่องนี้มีบทที่ดาร์คกว่านี้มาก ทั้งตัวนางเอกเองก็ติดโคเคน แถมตอนจบก็เศร้ากว่านี้ แต่สุดท้ายก็ต้องมีการปรับบทลงมาให้เป็นรอมคอมเพราะกลัวว่าหนังจะแรงเกินไป แต่สุดท้ายยังเหลือเรท R แปะอยุ่