Once Upon A Star (2023)

มนต์รักนักพากย์

Once Upon A Star Poster
8.5/10

คะแนน
โกดังหนัง

หนังไทยทรงคุณค่าที่คู่ควรกับการฉายโรงมากๆ นี่คือหนังที่คนไทยควรดูสักครั้งในชีวิต เนื้อหาเรียบง่ายจริงใจ บอกเล่าเรื่องราวการดูหนังผ่านวิถีชีวิตคนต่างจังหวัดได้ลึกซึ้งกินใจมากๆ แคสติ้งนักแสดงดีทุกคน พี่อุ๋ย นนทรีย์ กลับมาได้ท็อปฟอร์ม

หมวดหมู่ : Drama History
สัญชาติ : Thai
กำกับโดย : Nonzee Nimibutr
ความยาว : 2 ชั่วโมง 17 นาที
นักแสดงนำ : Sukollawat Kanarot, Nuengthida Sophon, Jirayu La-ongmanee

คำคมจากภาพยนตร์

“เราควรค้นหาตัวเองก่อนว่าเรารักอะไร แล้วค่อยไปไล่ตามความฝัน”

เรื่องย่อ

เรื่องราวที่พูดถึงปี 2513 ช่วงเวลาที่การดูหนังกลางแปลงแบบพากย์กันสดๆหน้าจอกำลังได้รับความนิยมในกลุ่มคนต่างจังหวัด เนื้อหาพูดถึงทีมนักพากย์หน่วยเร่ขายยาหน่วยที่ 18 ของบริษัทขายยาโอสถเทพยดา ที่ตระเวณเร่ขายยาและจัดฉายหนังกลางแปลง พวกเขาต้องต่อสู้กับทีมพากย์ที่มีพร้อมด้วยทุน และอุปกรณ์ และหัวหน้าทีมอย่างมานิตย์ ต้องสู้เพื่อส่งที่ตัวเองรักเพื่ออยู่รอดให้ได้ ท่ามกลางเพื่อนร่วมทางอย่าง เรืองแข นักพากย์หญิงหนึ่งเดียวในทีม, ไอ้เก่า หนุ่มขี้เล่นที่ใฝ่ฝันว่าจะได้เป็นนักแสดง และ ลุงหมาน คนขับรถหนังที่ค่อยดูแลทุกคนในทีม

หนังเรื่องนี้เหมาะกับใคร

สำหรับ มนต์รักนักพากย์ นี่คือหนังที่คนไทยที่รักหนังไทยควรดูสาักครั้งในชีวิต จดหมายเหตุวงการหนังไทยที่ผู้กำกับ 100 ล้านระดับตำนานของไทยอย่างพี่อุ๋ย นนทรีย์ นิมิบุตร กลับมาพิสูจน์ความสามารถอีกครั้ง บันทึกหน้าประวัติศาสตร์ภาพยนตร์ไทย ยุคหนังพากย์หนังเร่ที่ถ่ายทอดวิถีชีวิตผู้คนต่างจังหวัดผ่านเนื้อหาออกมาได้เรียบง่าย โอบอุ้มเรื่องราวของภาพยนตร์เก่าๆประวัติศาสตร์เก่าๆในสังคมที่ผู้คนสมัยก่อนดูหนังกันแบบครอบครัวมาจูงลูกหลานมาสัมผัสความบันเทิงกลางแปลงที่ดูสนุก และบทสรุปหนังเด็ดขาดมากจริงๆ

รีวิว / สรุปเนื้อหา

การเติบโตของอุตสาหกรรมหนังไทย จุดเริ่มต้นก็มาจากยุคทองของการดูหนังกลางแปลงพากย์กันแบบสดๆ ขับเคลื่อนอารมณ์มอบความสนุกให้ผู้ชม ยุคสมัยก่อนการดูหนังคือสื่อบันเทิงที่ใกล้ชิดกับคนในครอบครัวไม่แปลกนี่เป็นเครื่องมือสานความสัมพันธ์คนในบ้านได้ หนังเรื่องนี้เล่าเรื่องออกมาได้เรียบง่ายดูจริงใจ พล็อตเรื่องจึงพูดถึงความฝันการต่อสู้เพื่อสิ่งที่ตัวเองรักของหัวหน้ามานิตย์ ชายผู้รักภาพยนตร์และพระเอกคนดังที่ชื่อมิตร ชัยบัญชา ที่อุทิศดั่งชีวิต ชายหนุ่มที่ต้องแบกทุกอย่างเต็ม 2 บ่า ทั้งตัวเอง ความฝันในงานที่ตัวเองรัก ลูกน้องที่ร่วมเดินทาง หรือแม้กระทั่งรายได้เข้าบริษัท แต่สภาพสังคมทุกอย่างเริ่มเปลี่ยนทำให้ตัวละครนี้ต้องหาหนทางที่จะยืนหยัดอยู่รอดให้ได้ ที่สำคัญคือพี่อุ๋ย นนทรีย์ เกริ่นนำเรื่องราวได้น่าประทับใจทำให้คุณมิตร ชัยบัญชา คือตัวเอกของหนังอีกคนหนึ่งไปเรียบร้่อยแล้ว บรรยากาศหนังพูดถึงความหลงใหลพระเอกคนดังและชักจูงได้อย่างไม่มีอะไรติดขัดเลยสักนิด แม้ว่าหนังจะดูไม่ทันสมัย แต่เรื่องราวมันออกมาอย่างจริงจังปราศจากการปรุงแต่ง ผลลัพธ์เลยออกมาทรงพลังมาก การที่เราได้เห็นภาพผู้คนต่างจังหวัดได้หัวเราะขำไปกับการดูหนังในเรื่องมันดูอิ่มอกอิ่มใจมากๆ ซึ่งภาพแบบนี้หาได้ยากมากในยุคสมัยปัจจุบัน พอพี่อุ๋ย มี Message ที่จะเล่าในเรื่องที่เขาอินมากๆ แถมปราศจากการโดนครอบงำไอเดียต่างๆ ภาพที่ได้ออกมาเลยกลายเป็น 1 ในหนังมาสเตอร์พีชของเขาไปทันที

1 สิ่งที่โดดเด่นสำหรับงานของพี่อุ๋ย นนทรีย์ คือการสร้างโปรดักชั่น หนังของเขาแทบทุกเรื่องฉาก โลเคชั่น จะสวยงามเนื้อหาเข้ากับบทหนังได้อย่างกลมกลืน ภาพต่างจังหวัดที่หนังได้ยกกองไปถ่ายดู Real มาก มันเป็นเสมือนการพาคนดูกลับไปสู่รากเหง้าการดูหนังแบบย้อนยุคที่เซ็ตติ้งภาพบรรยากาศหนังกลางแปลงพากย์กันสดๆในยุค 70 อีกครั้ง ซึ่งหนังจะโดนใจผู้ชมได้หรือไม่นั้น ก็ขึ้นอยู่กับนักพากย์ล้วนๆเลย ซึ่งวงการหนังไทยก็เริ่มต้นมาแบบนั้นจริงๆ ก่อนที่จะมีโรงหนัง ภาพของหนังไทยยุคก่อน สร้างออกมาเยอะ วงการตื่นตัวเป็นยุคทอง นักแสดงก็แสดงไป นายทุนมีเยอะ ต้นทุนไม่ได้สูง ทำให้คนดูยุคก่อนได้ชมผลงานของคุณมิตร ชัยบัญชาแบบถี่ๆ จนกลายเป็นความชื่นชอบชื่นชมพระเอกในตำนาน ขณะเดียวกันสิ่งที่ผู้กำกับแฝงลงไปคือการมุ่งหน้ามุ่งมั่นค้นหาความชอบของตัวเองเสียก่อนว่าตัวเองชอบอะไรไปในทิศทางไหนพอเจอแล้วก็ค่อยๆเดินหน้าต่อสู้เพื่อความฝัน ซึ่งจุดนี้ถือเป็นการเตือนสติใครต่อใครได้คิดว่าคนเราจะทำอะไรต้องรู้จักตัวเองให้ดีเสียก่อน แล้วค่อยลงมือทำ ไม่ใช่เห็นคนอื่นทำแล้วอยากประสบความสำเร็จตาม ถ้าหากไม่รู้ว่าชอบหรือรักที่จะทำอะไรจริง มันยากมากที่จะประสบความสำเร็จ ไม่มีใครรู้จักตัวเองเท่ากับตัวเราเอง

กลุ่มนักแสดงที่พี่อุ๋ย เลือกมากับมือตอบสนองบทบาทความต้องการได้เต็มที่ พี่เวียร์ ศุกลวัฒน์ ที่เล่นหนังมาหลายเรื่อง แต่ไม่มีงานชิ้นไหนที่ดึงศักยภาพพระเอกคนนี้ได้เท่ากับเรื่องนี้อีกแล้ว ชายหนุ่มหัวหน้าทีม ที่ต้องสู้กับอุปสรรครอบด้านเพื่อประคับประคองทุกอย่างให้ผ่านไปได้ เราได้เห็นพี่เขาอินกับการพากย์เสียงหนังกลางแปลงที่สนุก คนอะไรได้พากย์ตั้ง 5 เสียงไม่ธรรมดาเลยจริงๆ หนูนา หนึ่งธิดา นี่คืองานแสดงที่ชอบมาก หญิงสาวที่มีพลังเสียงที่ทรงพลังพอปรับโหมดเป็นผู้หญิงย้อนยุคมีเสน่ห์ เก้า จิรายุ นักร้องวัยว้าวุ่น เด็กหนุ่มที่กำลังห้าวมีความฝันอยากเป็นดาราเลยยอมมาอยู่ในทีมขายยาพากย์หนัง เป็นคนที่ขับเคลื่อนเรื่องราวพาร์ทดราม่า, คุณสามารถ พยัคฆ์อรุณ ที่ค่อยเป็นคนซัพพอร์ทพี่เวียร์และหนูนาได้เยอะ ใจจริงก็รู้สึกเสียดายที่หนังดีโปรดักชั่นคุณภาพแบบนี้ ดันไม่ได้เข้าฉายในโรงภาพยนตร์ และเด็กเรียนภาพยนตร์มากมายที่ไม่ได้ดูเรื่องนี้เพื่อศึกษา เพราะมวลรวมของหนังมันขับเคลื่อนและสร้างแรงบันดาลใจเติมเต็มฝันให้ผู้ชมมากมายได้มหาศาล เนื้อหาแข็งแรงและฉายโรงได้สบาย

เกร็ดจากหนังเรื่องนี้

  • ไอเดียการทำหนังมาจากคุณวิสูตร พูลวรลักษณ์ อดีตผู้บริหาร GTH
  • นักแสดงนำ 4 คน พี่อุ๋ย นนทรีย์ นิมิบุตร เลือกจากเครดิตความสามารถ
  • นี่คือหนังเรื่องแรกในรอบ 9 ปีจากการกำกับของพี่อุ๋ย นนทรีย์ นิมิบุตร