Oasis Supersonic (2016)
โอเอซิส ซูเปอร์โซนิก
คะแนน
โกดังหนัง
สารคดีที่บันทึกช่วงเวลาที่ดีสุดของ Oasis
นำเสนอชีวิตพี่น้องกัลลาเกอร์ที่หลายคนไม่เคย
มาเล่าได้เข้าใจง่ายๆ แถมได้ฟังเพลงเพราะๆอีก
หมวดหมู่ : | Biography Documentary Music |
สัญชาติ : | British |
กำกับโดย : | Mat Whitecross |
ความยาว : | 2 ชั่วโมง 2 นาที |
นักแสดงนำ : | Noel Gallagher, Liam Gallagher |
คำคมจากภาพยนตร์
“Oasis was like a Ferrari: great to look at, great to drive, and it’ll fucking spin out of control every now and again" "โอเอซิสก็เหมือนรถเฟอร์รารี่ รู้สึกดีเมื่อได้เห็น รู้สึกเยี่ยมเมื่อได้ยิน แต่ก็พร้อมทะยานออกนอกเส้นทาง คว่ำแล้วคว่ำอีก ถ้าขับเร็วเกินไป"
เรื่องย่อ
"โอเอซิส" วงดนตรีสองหนุ่มพี่น้องจากแมนเชสเตอร์ผู้แสนเกรียนกวนบาทา ยะโส และเรื่องเล่าวงในที่หาดูจากไหนอื่นไม่ได้ของเด็กหนุ่มห่ามระห่ำผู้ถูกขับดันด้วยความข้นแค้น, ความเบื่อหน่าย และบาดแผลเจ็บปวดเยาว์วัยให้ลุกขึ้นสร้างสรรค์สิ่งสวยงาม จากวันที่วงประเดิมแสดงในชั้นใต้ดินของคลับบอร์ดวอล์คเมื่อปี 1991 จนถึงวันที่พวกเขาผงาดขึ้นยืนเบื้องหน้าฝูงชน 250,000 คนที่เน็บเวิร์ธในอีกเพียง 5 ปีต่อมา และได้รับการประทับตราเป็น วงดนตรีที่ยิ่งใหญ่ที่สุดแห่งอังกฤษนับจากเดอะบีเทิลส์
หนังเรื่องนี้เหมาะกับใคร
สำหรับ Oasis Supersonic คือหนังสารคดีที่เหมาะสำหรับกลุ่มคนที่ถวิลหาการฟังเพลงได้อินกับวงดนตรีที่เราชอบ โดยเฉพาะเพลงร็อคในยุค 90 ที่มีความ Classic เนื้อเพลงเมโลดี้ดนตรีมีความร่วมสมัย โดยเฉพาะอย่างยิ่งคนที่เป็นแฟนเพลง Noel, Liam Gallagher ผลงานพวกเขาขึ้นหึ่งไปแล้ว เมื่อมีหนังที่เป็นเรื่องราวของพวกเขาออกมาแฟนเพลงจะได้ติดอิ่มไปกับที่มาที่ไปของวงดนตรีหัวขบถจากเมืองแมนเชสเตอร์ เราได้เห็นภาพฟุตเทจหายากที่เชื่อเถอะคุณไม่มีทางหามันเจอใน Internet แต่ภาพเหล่านั้ถูกร้อยเรียงออกมาได้ดีกว่าที่ใครหลายคนคิด แถมยังได้ฟังที่มาที่ไปเพลงฮิต และได้ฟังเพลงเพราะๆเต็มสารคดีโดยที่ไม่เสียอรรถรสอีกด้วย
- สายหนังสารคดี
- สายหนังที่ชอบฟังเพลง
- สายหนังที่เป็นแฟนเพลงยุค 90
รีวิว / สรุปเนื้อหา
มีโอกาสได้ดูสารคดีเรื่องนี้เข้าฉายเมื่อช่วงปลายปี 2016 และกลับไปดูอีกครั้ง อารมณ์ความรู้สึกแตกต่างออกไปจากเดิมมาก เราตื่นเต้นทุกครั้งเวลามีสารคดีหรือหนังที่เกี่ยวข้องกับภาพ และยิ่งวงดนตรีที่เกี่ยวกับข้องกับไทม์ไลน์ในยุค 90 Oasis คือวงดนตรีบริทป็อปที่โด่งดังอย่างรวดเร็วแบบที่พวกเขาไม่ทันตั้งตัว พี่น้องกัลลาเกอร์ส เลียม และ โนล เปรียบเสมือนคนชนชั้นแรงงานทีทำเพลงเพราะความอยากจะทำต่อ คน 1 ร้องเพลงดี ส่วนอีกคนเล่นกีตาร์เยี่ยม แต่งเพลงดีมากๆ หนังจึงเลือกโฟกัสในสิ่งที่ดีที่สุดของวง เล่าเรื่องช่วงเวลาสั้นๆ ราว 3 ปี (1993-1996)
ผู้กำกับ แมต ไวต์ครอส ไม่ได้เลือกช่วงเวลาทั้งหมดของวงมาใส่ในหนัง แต่เขาหยิบเอาช่วงเวลาพีคสุดของวงมาแทนตั้งแต่ที่ เลียม กัลลาเกอร์ ก่อตั้งวง The Rain และไปลาก โนล ผู้เป็นพี่ชาย ซึ่งเป็นเทคนิคเชียนให้กับวง Inspiral Carpets มาเป็นผู้จัดการวงและเป็นคนแต่งเพลง จนกลายมาเป็น Oasis แล้วค่อยๆ สร้างชื่อเสียง เดิมพันครั้งแล้วครั้งเล่าจนได้ไปพบอลัน แม็กกี ผู้บริหารค่ายครีเอชัน เร็กคอร์ดส์ สู่การเซ็นสัญญาออกอัลบั้มแรก Definitely Maybe ในปี 1994 ที่เปลี่ยนประวัติศาสตร์วงการเพลงร็อก และไปจบที่คอนเสิร์ตครั้งสำคัญที่เน็บเวิร์ธ ที่มีผู้ชมรวมแล้วกว่า 250,000 คน หลังจากออกอัลบั้มที่สอง (What’s The Story) Moring Glory? ในปี 1995 ซึ่งเป็นช่วงเวลาสั้นๆ วงก้าวกระโดดไปรวดเร็วมาก นอกจากตัวเพลงการแสดงสดที่เอาคนดูอยู่หมัด บุคลิกท่าทางของพวกเขาเหมือนเป็นตัวแทนคนอยากเด่นอยากดัง ประกาศให้รู้ว่าข้าเจ๋งวะ
สารคดีเล่าเรื่องมีฟุตเทจภาพเก่าๆที่หาดูยากมาเป็นตัวเล่าเรื่องตามด้วยการใส่ประเด็นบทสัมภาษณ์บุคคลที่เกี่ยวข้องกับวง พูดถึงช่วงเวลาที่พี่น้องกัลลาเกอร์ แย่งชิงความเด่นดังกันผู้ชมจะได้เห็นความแสบสันต์ของโนล และเลียม เห็นความรักความชังความผูกพันในแบบรักและเกลียด เขาต่อสู้เพื่อความสำเร็จแต่อีกนัยยะ 1 หนึ่งหนังก็สะท้อนคำว่าครอบครัวลงไปด้วยเนื้อหาเพลงที่ฮิตก็มาจากสภาพแวดล้อมที่พี่น้องคู่นี้เติบโต แถมยังมีความรู้สึกเจ็บปวด ความเพี้ยน ความบ้าบอที่งดงามมากพอควร มันคือหนังสารคดีที่จะทำให้เราฟังเพลงของพวกเขาไพเราะขึ้น ในความอหังการแบบร็อกแอนด์โรลที่บ้าบิ่นที่ต่อให้ไม่ใช่แฟนเพลงวงนี้คุณดูแล้วก็เข้าใจ
เกร็ดจากหนังเรื่องนี้
- Mat Whitecross ผู้กำกับเลือกจะเล่าเรื่องในช่วงที่ Oasis พีคมากกว่าจะไปหยิบเรื่องฉาวๆของวงมาเล่า
- เมื่อ Noel Gallagher และ Liam Gallagher ได้ดูสารคดีชุดนี้เขาตกใจที่ผู้กำกับไปหาภาพยากเหล่านี้มาจากไหน
- ฟุตเทจยุคแรกที่นำมาเล่าเรื่องมาจากแฟนพันธุ์แท้ของวงและอดีตบุคคลที่เกี่ยวข้องกับ Oasis ที่ยินยอมให้นำภาพไปใช้ในสารคดี