เรื่องย่อ

นิก เด็กหนุ่มนักดนตรีที่เพิ่งถูกแฟนเก่าบอกเลิก ในคืนที่เขาไปเล่นคอนเสิร์ตเพื่อรอเวลาตามหาโชว์คอนเสิร์ตลับของวงโปรด เขาบังเอิญได้รู้จัก โนร่าห์ หญิงสาวผู้ชื่นชอบดนตรีที่ได้มาขอร้องให้เขาแกล้งเป็นแฟนสัก 5 นาทีเพื่อหลีกเลี่ยงการสนทนากับเพื่อนที่ปรากฎว่าดันเป็นแฟนเก่าของนิก ค่ำคืนดังกล่าวจึงกลายเป็นการผจญภัยสุดพิเศษของเขาที่ยังลืมแฟนเก่าไม่ได้ และเธอที่ยังตัดใจจากแฟนเก่าไม่ขาด ทั้งหมดเกิดขึ้นพร้อมความวุ่นวายในการตามหาคอนเสิร์ตลับและเพื่อนสาวที่หายไปของเธอ

หนังเรื่องนี้เหมาะกับใคร

สำหรับ Nick & Norah’s Infinite Playlist มีกลิ่นอายคล้ายๆกับ Before Sunrise อยู่พอสมควร แค่เปลี่ยนตัวละครและเปลี่ยนสถานที่เท่านั้น หนังเหมาะกับคนที่ชอบดูหนังรักที่เรียบง่าบ ปล่อยให้ตัวละครได้ทำความรู้จัก พวกเขาชอบเสียงเพลงเหมือนกัน มันเลยทำให้เนื้อหาจูนกันติดง่าย ไม่ต้องบิ้วอัพอะไรทั้งสิ้น หนังไม่ต้องโรแมนติกหวือหวา ใช้ความสดใสของตัวละครเป็นสื่อกลางทั้งหมด บรรยากศค่ำคืนใน New York ทำให้หนังโรแมนติกดี

• สายหนังรักโรแมนติก
• สายหนังโรแมนติกดราม่า
• สายหนังที่ชอบหนังสไตล์ Before Sunrise

รีวิว / สรุปเนื้อหา

ครั้งแรกที่ได้ดูนึกว่า Before Sunrise เวอร์ชั่นเด็กซะด้วยซ้ำ หนังแนวรักโรแมนติกอารมณ์แบบท่องราตรี มีบรรยากาศที่สุดแสนจะเต็มไปด้วยความโรแมนติก เนื้อหาเลยให้ความบันเทิงรู้สึกถึงความอบอุ่นแบบที่เราคาดไม่ถึงซะด้วยซ่้ำ เสียงเพลงในหนัง และซาวด์ประกอบช่วยทำให้ทุกสิ่งทุกอย่างลงตัว เราไม่คิดว่าทุกสิ่งทุกอย่างในหนังจะทำให้เนื้อหาทุกอย่างเกิดความรักบนไนท์คลับแห่งหนึ่งได้เลย คอนเสิร์ตที่พาคนเหงาคนอกหักมารู้จักกันสานสัมพันธ์กันได้เรียนรู้ชีวิตซึ่งกันและกันจนข้ามผ่านความรักที่ล้มเหลวในครั้งเก่าไปได้เพียงแค่เวลาไม่นานจนได้เจอคนใหม่ที่ใช่และเหมาะกับเราสักที

.

หนังใช้ประเด็นความรักที่จบลงแบบไม่สมหวัง ความรักที่เรามูฟออนไปข้างหน้าไม่ได้ของผู้ชายคนหนึ่ง ที่ฝังใจกับผู้หญิง และเธอคนนั้นก็แค่สนุกคอยยั่วยวนชวนให้ผู้ชายหัวปั่นเล่น ส่วนอีกคนคือผู้หญิงที่สับสนว่าความรักและความเหงามันคืออะไรกันแน่แยกไม่ออกบอกไม่ถูก บางครั้งเธอก็รู้สึกดีกับแฟนเก่าที่ทำให้เธอเป็นคนพิเศษ แต่บางครั้งเธอก็ไม่ชอบความช่างตื๊อของเขาที่แฝงไปด้วยการหวังผลประโยชน์จากพ่อของเธอที่เป็นเจ้าของสตูดิโออัดเพลง

ยอมรับอย่างหนึ่งว่าหนังเรื่องนี้มันพิเศษตรงนี้เคมีของนักแสดงวัยรุ่นที่เป็นพระเอกและนางเอกมันลงตัวมาก Kat Dennings และ Michael Cera ทำให้บรรยากาศแต่ละซีนหนังก้าวเดินไปแบบที่เราพร้อมจะลุ้นไปกับทุกๆเหตุการณ์ที่ 2 คนนี้ได้ใช้ชีวิตทำความรู้จักกัน เราว่าเป็นตัวละครทั้งสองถูกเขียนขึ้นมาให้หลงใหลในสิ่งเดียวกันก็คือดนตรี จุดนี้เองก็ให้เนื้อหาทุกอย่างจุติขึ้นมา ทำให้ฉากที่พวกเขาอยู่ด้วยกันมันมีแรงดึงดูดด้วยการพูดคุยถึงสิ่งที่พวกเขาชอบได้แบบไม่ต้องไปเขินอายอะไรทั้งสิ้น เพลงที่เข้ามาในฉากสร้างบรรยากาศชวนให้อยากมีโมเมนต์พบเจอใครสักคนในค่ำคืนหนึ่งเพื่อจะได้เดินคุยกันถึงเรื่องที่ชอบอย่างถูกคอ และเราว่าตอนที่ทั้งคู่เดินจูงมือกันออกมาจากคอนเสิร์ตพร้อมเพลง Last Words บรรเลงขึ้นนั่นแหละเป็นฉากจดจำของหนังเลย