Minari (2020)
มินารี
คะแนน
โกดังหนัง
เนื้อหาเรียบง่ายแต่งดงาม
สะท้อนปัญหาในครอบครัวได้ลึกซึ้ง
สอดแทรกข้อคิดเตือนใจมากมาย
ครอบครัวคือสิ่งที่สำคัญที่สุดในชีวิตมนุษย์
คำคมจากภาพยนตร์
"Instead of saving eachother, all we did was fight." "แทนที่เราจะทำเพื่อกันและกัน แต่สุดท้ายเรากลับมาทะเลาะ"
เรื่องย่อ
เรื่องราวของ จาค็อบ อี หัวหน้าครอบครัวพาภรรยา, ลูกสาวและลูกชาย หลีกหนีความวุ่นวายจากบ้านเกิดในเกาหลี มุ่งหน้าสู่การไปเสี่ยงชีวิตบนดินแดนใหม่ที่พวกเขาไม่คุ้นเคยอย่าง สหรัฐอเมริกา การมาประเทศใหม่โลกใหม่ เขาคือคนแปลก จุดเริ่มต้นในการทำงานก็คือมาเป็นผู้ใช้แรงงาน ทำงานสู้ชีวิตแลกกับค่าแรงที่สูงในโรงงานคัดแยกเพศลูกเจี๊ยบ พระเอก ทำงานเก็บเงินเพื่อสานฝันในการเป็นเจ้าของฟาร์มเกษตร และซื้อที่ดินปลูกพืชผักเกาหลีในเมืองที่ห่างไกลความเจริญอย่างรัฐอาร์คันซอ แต่เขาเผชิญหน้ากับหลายๆปัจจัยที่ไม่คาดฝัน จึงต้องลงมือทำไร่ปลูกพืชผักเอง สุดท้ายเงินไม่พอใช้ไม่มีใครดูแลลูกจึงต้องไปตามยายมาดูแลหลานทั้ง 2 คนแทน
หนังเรื่องนี้เหมาะกับใคร
สำหรับ Minari นำเสนอการดิ้นรนของผู้อพยพที่พยายามก่อร่างสร้างวิมานของตัวเอง ได้อย่างเรียบง่าย อ่อนโยน แต่กลับทรงพลังเหลือเกิน เราได้เห็น 2 พาร์ทที่ค่อนข้างขัดแย้ง แต่สามารถมาบรรจบกันได้อย่างสมบูรณ์แบบในช่วงองก์สุดท้าย ด้านหนึ่งคือพ่อแม่ที่พยายามกระเสือกกระสน เพื่อให้มีชีวิตความเป็นอยู่ดีขึ้น วันแล้ววันเล่าผ่านไปอย่างรวดเร็ว เราได้เห็นหน้าพวกเขาน้อยลงเรื่อยๆ ส่วนอีกด้านคือลูก ๆ ที่ค่อยๆเติบโต
- สายหนังรางวัลคุณภาพ
- สายหนังครอบครัว
- สายหนังเกาหลี
รีวิว / สรุปเนื้อหา
หนังเล่าถึงการต่อสู้ของชายหนุ่มผู้เป็นใหญ่ในบ้าน อยากตั้งเนื้อตั้งตัวทำฟาร์มปลูกผลผลิตให้ครอบครัวอยู่สุขสบาย แต่มันไม่ง่ายเพราะการที่อยู่ไกลเมือง ไร้เพื่อนฝูง มันโดดเดียว ยิ่งเป็นคนอพยพเปรียบเสมือนคนชั้น 2 ที่ต้องไปอยู่ในสภาพแวดล้อมที่ต่าง วัฒนธรรมใหม่ที่ไม่คุ้นเคย หนังใช้มุมมองความไม่เห็นด้วยของคู่สามีภรรยาที่มองคนละมุม มานั่งถกเถียงกัน เพราะตัวละครพระเอกคิดจะทำอะไร ปัญหามันล้อมรอบไปหมด เนื้อหาจึงสะท้อนถึงปัญหาชีวิตคนที่เริ่มใหม่มักมีอุปสรรคความไม่เข้าใจกัน พระเอกเชื่อว่าเขาจะประสบความสำเร็จเพราะยึดพื้นที่ทำไร่ในพื้นที่ห่างไกล พอมุ่งมั่นมากเกินไปสุดท้ายคำว่าครอบครัวก็ลดน้อยลงไป จึงต้องวานแม่ตัวเองมาดูแลหลาน
ความสนุกคือการที่แม่พระเอกปรากฏตัว หญิงสูงวัยติดวัฒนธรรมแบบเกาหลี มาดูแลลูกของพระเอก ที่โตมาในแวดล้อมชนชั้นอเมริกัน มันแตกต่างสุดขั้ว ต่างฝ่ายไม่ยอมรับซึ่งกันและกัน เพราะกำแพงเรื่องวัฒนธรรมทางภาษาและการใช้ชีวิต ความซนตามประสาเด็ก แต่เหตุการณ์บางอย่างที่ทำให้ความต่างสุดขั้วทำให้ยายหลานเข้าใจกัน หนังให้อารมณ์ที่เป็นธรรมชาติไม่จำเป็นต้องบิ้วประเด็นดราม่าอะไรให้ผู้ชม ขายความเป็นจริงชีวิตไม่เคยมีคำว่าง่าย ทุกคนล้วนแต่มีปัญหาด้วยกันทั้งนั้นอยู่ที่ว่าจะช่วยกันประคับประคองก้าวผ่านไปได้อย่างไร
บรรยากาศหนังถ่ายทอดออกมาได้น่าสนใจเรียบง่ายดูสมจริง งานภาพตัดต่อเล่าเรื่องได้พิถีพิถัน ซาวด์ประกอบที่ใส่ลงไปดึงอารมณ์ร่วมให้ผู้ชมได้เยอะ จุดนี้เองทำให้บทหนังมีความแข็งแรงและทำให้ผู้ชมเชื่อในฝีมือของนักแสดงทุกคน ตีบทแตกเข้าถึงคาแรกเตอร์ตัวเองได้เนี๊ยบ ทั้งคุณพ่อหัวหน้าครอบครับ สตีเวน ยอน ยาย ฮันเยริ และที่พีคสุดคือ อลัน คิม ที่เข้าคู่กับคุณยายได้น่ารักมีเสน่ห์ มันทำให้เนื้อหาอบอุ่น
เกร็ดจากหนังเรื่องนี้
- “มินาริ” เป็นชื่อผักพื้นบ้านของเกาหลีคล้ายผักชี มีกลิ่นแรง ซึ่งมีลักษณะเด่นคือหลังหว่านเมล็ดครั้งแรกมักจะไม่ค่อยเติบโต แต่จะเจริญงอกงามขึ้นกว่าเดิมหลังจากที่ผลัดใบครั้งแรกตาย ซึ่งผู้กำกับต้องการให้มันสะท้อนถึงเรื่องราวของครอบครัวในเรื่องนี้
- คว้า 2 รางวัลใหญ่ “U.S. Dramatic Grand Jury Prize และ “U.S. Dramatic Audience Award” ใน “เทศกาลหนังซันแดนซ์ 2020” ซึ่งก่อนหน้านี้ภาพยนตร์ที่สามารถคว้า 2 รางวัลนี้ไปได้คือ “Whiplash” (2014)
- หนังเข้าชิงออสการ์ 2021 6 สาขา คว้ามา 1 รางวัลสมทบหญิงยอดเยี่ยมจาก Youn Yuh-jung
- ลี ไอแซก ชอง ผู้กำกับนำชีวิตในวัยเด็กที่เป็นลูกหลานชาวเกาหลีที่อพยพมาเติบโตในรัฐอาร์คันซอ มาสร้างเป็นบทหนัง